ต้องอุ้มผ้าไตรหรือไม่ถึงจะได้บุญจากงานบวช | คมชัดลึก

ปุจฉา : กราบนมัสการค่ะพระอาจารย์ โยมขอเรียนถามค่ะ การบวชพระ ตอนเดินรอบโบสถ์สามรอบแล้ว คนที่ถือผ้าไตรเปลี่ยนให้น้องที่ไม่มีลูกชายถือแล้วเดินวนรอบโบสถ์อีกสามรอบได้ไหมคะ อยากให้เขาได้บุญในการอุ้มผ้าไตรค่ะ หรือซื้อผ้าเป็นสองชุดได้ไหมคะ

วิสัชนา : บุญนั้นไม่ได้อยู่ที่การอุ้มผ้าไตร แม้ไม่ได้อุ้มผ้าไตรก็ได้บุญ หากมีจิตอนุโมทนาผู้บวช (บุญที่เกิดจากการอนุโมทนาในความดีของผู้อื่น เรียกว่าปัตตานุโมทนามัย) ส่วนการซื้อผ้าไตรสองชุดนั้น ทำได้ ถือว่าเป็นการบำเพ็ญทาน ได้บุญเช่นกัน แต่ถึงไม่ได้ซื้อ เพียงแค่อนุโมทนาในการบำเพ็ญทานของผู้ซื้อก็ได้บุญแล้ว เรียกว่าปัตตานุโมทนามัย

สามีทิ้งครอบครัวไป ทำไมไม่มาขอขมาก่อนจะบวช

ปุจฉา : พระคุณเจ้าคะ ดิฉันมีปัญหาสงสัย อยากจะขอคำแนะนำค่ะ สามีทิ้งไปตั้งแต่คลอดลูกไม่เหลียวแล ล่าสุดเขาไปเยี่ยมลูกครั้งแรก (ลูกอยู่ต่างจังหวัดบ้านอยู่อำเภอเดียวกันค่ะ) ดิฉันรู้จักสามีตั้งแต่ ม.๑ แต่เพิ่งมาคบและอยู่กินก่อนแต่งงาน ร่วมๆ ๗ปี แต่รู้จักกันร่วมๆ ๑๐ ปี เขากลับบ้านไปครั้งนี้เจอแม่ดิฉันและบอกว่าตัวเองมาบวช (ส่วนตัวดิฉันอยู่กรุงเทพฯ ค่ะ) ดิฉันสงสัยมากว่าทำไมเขาไม่ขอขมากรรมดิฉันกับลูก รวมถึงพ่อแม่ของดิฉันที่เขาได้สร้างเวรสร้างกรรมให้คนอื่นทุกข์ใจมากขนาดนี้ สาเหตุที่เขาทิ้งไปเพราะเจอคนใหม่ที่ทำงานด้วยกันค่ะ

วิสัชนา : เขาไม่ได้มาขอขมาคุณก่อนบวช คงเป็นเพราะไม่รู้ธรรมเนียม หรือไม่ก็รู้สึกละอายใจที่ละทิ้งคุณและลูกไปอยู่กับผู้หญิงคนใหม่ แต่ตราบใดที่ยังมีเรื่องนี้ค้างคาใจ เขาก็คงหาความสงบเย็นในจิตใจได้ยากแม้อยู่ในผ้าเหลืองก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เขาไม่มาขอขมาคุณ หากคุณให้อภัยเขาได้ก็จะเป็นประโยชน์แก่ตัวคุณเอง ทำให้จิตใจหายรุ่มร้อน อยู่เย็นเป็นสุขได้ง่ายขึ้น

เสียใจที่สติหลุด จะฝึกครองสติระงับความโกรธอย่างไร

ปุจฉา : นมัสการพระอาจารย์ ผมมีคำถามอยากจะขอความกรุณาให้พระอาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยครับ ปกติผมชอบสวดมนต์ ปฏิบัติกรรมฐาน เมื่อใดที่ทำเป็นปกติ ก็จะมีสติ ครองตนได้ดี แต่ช่วงนี้ ผมมีความเครียดหลายอย่าง ทั้งคน งาน และครอบครัว ทำให้วันนี้ผมเสียสติ สติหลุดและพลาดพลั้งพูดจาไม่ดีกับบุพาการี จึงอยากจะขอคำชี้แนะจากพระอาจารย์ เรื่องการครองสติ ผมอยากครองสติให้ดี ระงับความโกรธ และอารมณ์เบื้องต่ำได้ครับ ขอขอบพระคุณในความกรุณาครับ

วิสัชนา : คุณควรฝึกสติในชีวิตประจำวันด้วย ไม่จำเพาะเวลาทำกรรมฐานเท่านั้น กล่าวคือเมื่อจะทำอะไรก็ให้มีสติอยู่กับสิ่งนั้น ถ้าจะให้ดีก็เริ่มตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เมื่อล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำ ก็ให้ใจอยู่กับเนื้อกับตัว ไม่ปล่อยใจลอยไปคิดเรื่องอื่น เวลามีอะไรมากระทบโดยเฉพาะทางตาและหู ก็ให้รู้ทันใจที่กระเพื่อม ไม่ว่าขึ้นหรือลง หากทำบ่อยๆ หรือต่อเนื่องทั้งวัน ก็จะปล่อยวางอารมณ์ที่เป็นอกุศลได้ง่ายขึ้น ไม่ถูกความเครียด หงุดหงิด หรือความโกรธครอบงำใจ

     พร้อมกันนั้นก็ให้ตั้งจิตไว้ว่า เวลามีความโกรธหรือหงุดหงิด จะยังไม่พูดหรือทำอะไรออกไป ให้กลับมารู้สึกตัว ไม่ว่าด้วยการตามลมหายใจเข้าออก หรือการพลิกมือไปมา หรือไม่ก็นับ ๑ ถึง ๑๐๐ ก่อนจะพูด วิธีนี้จะช่วยเรียกสติของคุณกลับมา และทำสิ่งที่สมควรทำ ไม่ทำสิ่งที่จะต้องเสียใจในภายหลัง