เปิดตัวไอโฟน 7 และ 7 พลัส กันน้ำ-กล้องคู่ หรูหราขึ้น | คมชัดลึก

   เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับแอปเปิล ไอโฟน 7  และ ไอโฟน 7 พลัส ที่งาน Keynote ในนครซานฟรานซิสโก เมื่อช่วงเที่ยงคืนวันที่ 8 กันยายน (ตามเวลาในประเทศไทย) นายทิม คุก กล่าวว่า นี่เป็นไอโฟนที่ดีที่สุดเท่าที่แอปเปิล เคยผลิตออกมา ด้วยประสิทธิภาพของการออกแบบที่โดดเด่น บอดี้อะลูมิเนียมแบบ Unibody กลึงขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียว ออกจำหน่ายในสี ดำ (Black) เงิน (Silver) ทอง (Gold) และ โรส โกลด์ (Rose Gold) พื้นผิวด้านหลังจะออกเป็นสีด้านเช่นเดียวกับไอโฟน 6 พร้อมรุ่นพิเศษ สีดำ (Jet Black) ที่ขัดผิวให้เงางามราวกับพื้นผิวเคลือบแลคเกอร์ของเปียโน
 

 

  ดีไซน์ค่อนข้างอิงกับไอโฟน 6 ค่อนข้างมาก มีเพียงแถบเสาสัญญาณด้านบนและล่างของตัวเครื่องที่หายไป และพอร์ทฟูฟังขนาด 3.5 มม. ที่แอปเปิลเลือกใช้พอร์ท Lightning เป็นมาตรฐานเพียงพอร์ทเดียว ที่สามารถรองรับทั้งความบันเทิงด้านเสียง-ภาพ รับ-ส่งข้อมูล และ การชาร์จไฟเข้าสู่ตัวเครื่อง ทั้งนี้ นายทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิล กล่าวว่า พอร์ท Lightning นั้นออกแบบมาเพื่อรองรับสัญญาณภาพและเสียงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ดังนั้นจึงถึงเวลาที่แอปเปิลจะใช้พอร์ทนี้อย่างจริงจัง (ในกล่องจะมีอะแดปเตอร์แปลงพอร์ท Lightning เป็น 3.5 มม.มาด้วย) ซึ่งจะให้ผลดีอีกประการหนึ่งคือ การลดช่องทางให้น้ำและฝุ่นเล็ดรอดเข้าตัวเครื่อง ซึ่งไอโฟน 7 และ 7 พลัส รุ่นล่าสุดนี้ได้รับการออกแบบมาให้กันน้ำและฝุ่นในมาตรฐาน IP 67 ทำให้เป็นไอโฟนรุ่นแรกที่สามารถกันน้ำได้ลึก 1เมตร นาน 30 นาที

 

 

  แอปเปิลยังใส่ ระบบกล้องรุ่นใหม่ล่าสุดในไอโฟน 7 และ 7 พลัส กล้องหลังมาพร้อมเซนเซอร์ขนาด 12 ล้านพิกเซลล์ ที่ทำงานได้เร็วขึ้น 60% แฟลชTrue Tone ที่ให้สีเป็นธรรมชาติด้วยหลอดไฟ LED 4 ดวง และ ระบบ OIS ป้องกันการสั่นไหวของภาพในรุ่น 7 และ 7 พลัส พร้อมเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างถึง f1.8 เพื่อให้ภาพที่สว่างขึ้นกว่ารุ่นก่อน 

   เฉพาะรุ่น ไอโฟน 7 พลัส จะมาพร้อมกล้องหลังแบบเลนส์คู่  ประกอบไปด้วยเลนส์มุมกว้าง (Wide Angle) และ เทเลโฟโต (Telephoto)  เพื่อการถ่ายภาพที่มีระยะชัดลึกที่ชัดเจนและมี โบเก้ (Bokeh) สวยงาม นอกจากนั้นซอฟท์แวร์ในตัวเครื่องยังปรับเพิ่มระยะชัดลึกจากตัวบุคคลที่เป็นแบบในฉากหน้ากับฉากหลังอย่างมีนัยยะสำคัญ

   ส่วนกล้องหน้า Facetime HD Camera เพิ่มความละเอียดเป็น 7 ล้านพิกเซล จาก5 ล้านพิกเซลในไอโฟน 6 เอสพลัส 

   หน้าจอไอโฟน 7 อยู่ที่ขนาด 4.7 นิ้ว ส่วนไอโฟน 7 พลัสอยู่ที่ 5.5 นิ้ว แบบ Retina HD Display ที่ให้ภาพสว่างขึ้นกว่ารุ่นก่อน 25% พร้อมระบบสัมผัส 3D Touch เป็นมาตรฐาน ระบบเสียงขยับมาใช้ลำโพงสเตอริโอบน-ล่าง ให้เสียงที่ชัดเจนและดังขึ้นกว่ารุ่นก่อน 

   หัวใจหลักขยับมาใช้ซีพียูรุ่น A10 Fusion ประกอบด้วย 4 คอร์ ได้แก่ 2 คอร์ประสิทธิภาพสูงที่ทำงานได้เร็วกว่า iPhone 6 ถึง 2 เท่า ซึ่งจะผสานการทำงานกับคอร์ประหยัดพลังงานสูงอีก 2 คอร์ที่สามารถทำงานโดยใช้พลังงานเพียง 1 ใน 5 ของคอร์ประสิทธิภาพสูง ส่วนกราฟิกก็ทรงพลังยิ่งขึ้นเช่นกันด้วยประสิทธิภาพการทำงานที่เร็วกว่า iPhone 6 ถึง 3 เท่า แต่ใช้พลังงานเพียงครึ่งเดียว ช่วยยกระดับเกมและแอพสำหรับมืออาชีพให้เหนือชั้นไปอีกขั้น

   ไอโฟนทั้งสองรุ่นรองรับ LTE ถึง 25 ย่านความถี่ จึงสามารถโรมมิ่งทั่วโลกได้ดีที่สุดในอุตสาหกรรม อีกทั้งยังมี LTE Advanced ที่สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วกว่า iPhone 6 ถึง 3 เท่า สูงสุดที่ 450 Mbps

 

   ไอโฟน 7 และ 7 พลัส มาพร้อมความจุเริ่มต้น32 กิกกะไบต์  128 กิกกะไบต์ และสูงสุดที่ 256 กิกกะไบต์ ในราคาเริ่มต้นสำหรับไอโฟน 7 ที่ 649 ดอลลาร์สหรัฐ

 

   นอกจากนั้นแอปเปิล ยังใช้เวทีนี้เปิดตัว Air Pods นวัตกรรมหูฟังไร้สายใหม่ เพียงเปิดฝาเคสที่ชาร์จแบตเตอรี่ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ แล้วแตะเพียง 1 ครั้ง หูฟังก็จะทำการตั้งค่าในทันทีและพร้อมทำงานร่วมกับ ไอโฟน และ แอปเปิล ว็อทช์ ของคุณ เซ็นเซอร์ขั้นสูงสามารถรับรู้ได้ว่าคุณกำลังฟัง และจะเล่นหรือหยุดเล่นเพลงโดยอัตโนมัติ หากต้องการใช้งาน Siri ก็เพียงแตะ 2 ครั้ง การปฏิวัติประสบการณ์การฟังในครั้งนี้เกิดขึ้นได้ด้วยชิพ Apple W1 ที่ใช้พลังงานน้อยมาก ทำให้ AirPods มอบเสียงคุณภาพสูงและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม มาพร้อมดีไซน์ไร้สายใหม่หมดจด AirPods จะเริ่มวางจำหน่ายในปลายเดือนตุลาคมนี้