ไลฟ์สไตล์

เพลง "ดาว"  พราวแสง
คอนเสิร์ต "รอยอดีต" บนภูไพร

เพลง "ดาว" พราวแสง คอนเสิร์ต "รอยอดีต" บนภูไพร

12 ส.ค. 2552

กลางม่านควันปืน และห่ากระสุนราวเม็ดฝนสาดซัดบนภูสูงเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ใครเลยจะนึกเลยว่า ท่ามกลางความเป็นความตาย ยังมีบทเพลงอันแสนโรแมนติก

 หรีดหริ่งเรไร ร่ำร้องระงมป่า
 โน่นหมู่เมฆลอยเคลื่อนคล้อยมา
 ดวงดาวพรายพราวสกาวฟ้า
 ปลุกแสงแห่งศรัทธา
 ของมวลชาวนาทั่วไทย...

 นักศึกษาวิศวะ ม.ขอนแก่น นพดล ทัพผดุง เขียนเพลง "ดาวแห่งชาวนา" ในค่ำคืนดาวระยิบระยับบนเทือกเขาภูพาน เมื่อปี 2519 และมอบให้เพื่อนร่วมคณะ สรรเสริญ ยงค์สูงเนิน ขับร้อง ซึ่งภายหลังได้มีการบันทึกเทปส่งไปออกอากาศทางสถานีวิทยุเสียงประชาชนแห่งประเทศไทย (สปท.)

 ในปีเดียวกันนั้น ยังมีเพลง "ดาว" อีกเพลงหนึ่งที่มิตรสหายได้ร่วมกันร้องขับขานอย่างคึกคัก คือเพลง "ดาวแดงส่องสว่างเหนือภูพาน" ซึ่งเป็นเพลงแรกๆ ที่แต่งโดยปัญญาชนภูพาน หลังจาก จิตร ภูมิศักดิ์ เสียชีวิตไปเมื่อปี 2509

 สูง...ดูราวเสียดฟ้า เทือกเขาภูพาน
 สูง...นั้นยังสะท้านต่อหัวใจคน 
 คน...บนยอดภูเขา คือทหารประชา
 จิตใจ...เขายังสูงกว่าภูเขาใดๆ...

 คนแต่งเพลงนี้ชื่อ "น้อย ดาวเหนือ" นักศึกษาวิศวะ ม.เกษตรศาสตร์ ผู้ดั้นด้นออกค้นหา "ดาวแดงแห่งอุดมการณ์" ด้วยใจรักและศรัทธา หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เขามาถึงภูพานเป็นคนแรก และจากไปเป็นคนแรกๆ แต่เป็นอำลามิตรสหาย ด้วยการทิ้งร่างไว้ใต้แผ่นดินภูพาน

 ความตายของ "น้อย ดาวเหนือ" เป็นโศกนาฏกรรมอันสุดเศร้าของปัญญาชนภูพาน และมันก็จุดประกายความคิดให้เพื่อนมิตรได้ลุกขึ้นมาตั้งคำถามแรงๆ ต่อ "องค์การนำ" ก่อนไฟศรัทธาจะมอดดับในเวลาต่อมา

 วันเวลาล่วงผ่านมานานเนิ่น แต่ใจผองเพื่อนก็ไม่เคยลืมเสียงเพลงของสหายผู้จากไป
 ฉะนั้น เพลง "ดาวแดงส่องสว่างเหนือภูพาน" และ "ลาไปเป็นทหารปลดแอก" สองผลงานของ "น้อย ดาวเหนือ" รวมทั้ง "ดาวแห่งชาวนา" ก็จะมีการนำขับขานอีกครั้งในคอนเสิร์ต " เพราะคิดถึงเพื่อน"

 มันเป็นการแสดงดนตรีไลท์ออเคสตรา ที่เกิดจากการดำริของมิตรสหายกลุ่มหนึ่ง ซึ่งต้องการสานต่อโครงการบันทึกเสียงเพลงปฏิวัติ

 ด้วยความสับสนทางการเมืองและทางความคิด ทำให้คณะผู้จัดคอนเสิร์ต ไม่มีความมั่นใจที่จะจัดในครั้งนี้ แต่เมื่อได้รับคำรับรองที่จะหนุนช่วยอย่างแข็งขันจากเพื่อนมิตรกลุ่มหนึ่ง

 คอนเสิร์ตครั้งนี้จึงอุบัติขึ้น ในวันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม เวลา 19.30 น. ณ หอประชุมพิพิธภัณฑ์ฯ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (ด้านติดกับถนนวิภาวดีรังสิต)

 คอนเสิร์ตหนนี้ อาจไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับสองครั้งแรก คือ คอนเสิร์ต 'สายลมเปลี่ยนทิศ แต่ดวงจิตมิได้เปลี่ยนเลย' เมื่อวันเสาร์ที่ 13 กันยายน 2546 ที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

 และคอนเสิร์ต 'ยืนหยัดมั่นคงเช่นเคย ไม่เปลี่ยนทางเหมือนดั่งดาวเหนือ' เมื่อวันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม 2547 ที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

 เนื่องจากสถานการณ์ในเวลานั้น ความขัดแย้งทางความคิดในหมู่เพื่อนมิตรยังไม่ปรากฏ จึงทำให้มีความสนับสนุนอย่างแข็งขันจากหลายกลุ่มก้อน

 จะอย่างไรก็ตาม คณะผู้จัดคอนเสิร์ตที่คาดหวังในความเป็น "เพื่อน" จะนำมาซึ่งความร่วมแรงร่วมใจกันบันทึกประวัติศาสตร์อีกครั้ง

 21 บทเพลงแห่งรอยอดีต ที่จะนำมาขับขานในคอนเสิร์ต "..เพราะคิดถึงเพื่อน" นั้น มีหลายเพลงที่มีความหมายทางประวัติศาสตร์ อาทิ "รำลึกวีรชน" ร้องโดย อ่อนศรี สปท. , "สดุดีวีรชน 14 ตุลา" ร้องโดย หว่อง คาราวาน, "สดุดีวีรชน 6 ตุลา" ร้องโดย เศก ศักดิ์สิทธิ์ และ "ตุลาชัย" ร้องโดย ก้อย กงล้อ

 นักร้องในกลุ่มนี้ สปอต์ไลท์น่าจะจับจ้องไปที่ "อ่อนศรี สปท." โฆษกสถานีวิทยุ สปท.ตัวจริงเสียงจริง นับตั้งแต่สถานีวิทยุใต้ดิน ณ เมืองคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ปิดตัวลงเมื่อปี 2521 "ป้าอ่อนศรี" ก็ยอมขึ้นเวทีคอนเสิร์ตร้องเพลงเป็นหนแรก

 สำหรับแฟนพันธุ์แท้เพลง สปท. "เทิด ภูพาน" ดาวเสียงเพลงภูไพรภูพาน ก็จะกลับมาขึ้นเวทีอีกครั้ง ด้วยเพลง "ความหวังแห่งชีวิตใหม่" เพลงฮิตติดชาร์ต สปท.เมื่อสองทศวรรษที่แล้ว

 เพลงความหวังแห่งชีวิตใหม่ แต่งโดย "เพลิง นาหลัก" ราชาเพลงรำวงสามัคคี ที่เคยได้รับรางวัลศิลปินปฏิวัติเมื่อคอนเสิร์ตครั้งที่ 2

 ที่น่าสนใจคือ การนำบทเพลง "ภูสระเริงรำ" ของสหายอาวุโสผู้ล่วงลับ อุดม สีสุวรรณ มาร้องใหม่ เช่นเดียวกับผลงานของ สมคิด สิงสง ต้นตำนาน "คนกับควาย" ในบทเพลง "สายทางนักรบประชา" ที่โด่งดังในหน้าปัด สปท.

 ด้วยเหตนี้ แฟนพันธุ์แท้เพลงปฏิวัติ จึงมิควรพลาด "...เพราะคิดถึงเพื่อน" คอนเสิร์ตดีๆ ที่มีแต่ความรักและรอยอดีตที่ลืมไม่ลง ในวันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม ณ หอประชุมพิพิธภัณฑ์ฯ ม.เกษตรศาสตร์