
หลวงพ่อประทวนพระเกจินักพัฒนาแห่งเมืองอุทัยธานี
หลวงพ่อประทวน ธัมมปาโลพระเกจินักพัฒนาแห่ง'วัดท่ามะขามป้อม อ.ทัพทัน' : เรื่องไตรเทพ ไกรงู ภาพ กฤชนันท์ ธรรมไชย
“พระครูอุทัยธรรมวาที” หรือ “หลวงพ่อประทวน ธัมมปาโล” ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอทัพทัน และเจ้าอาวาสวัดท่ามะขามป้อม ต.หนองยายดา อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี เป็นพระปฏิบัติดีที่มีปฏิปทาน่าเลื่อมใส เป็นที่เคารพของญาติโยม อีกทั้งยังเป็นพระเกจิอาจารย์แห่งอุทัยธานีที่มีความเชี่ยวชาญวิทยาคมเลื่องลือ ปัจจุบันสิริอายุ ๘๘ ปี พรรษาที่ ๖๘
“ประทวน เก่งเขตรกรณ์” เป็นชื่อเดิมของหลวงพ่อประทวน เกิดเมื่อวันอังคารที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๓ แรม ๑๓ ค่ำ ปีมะเมีย ที่บ้านเลขที่ ๒๐ หมู่ ๘ ต.หนองยายดา อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา อุปสมบทเมื่อวันเสาร์ที่ ๘ เมษายน ๒๔๙๓ ปีขาล ณ พัทธสีมาวัดสว่างอารมณ์ ต.สว่าง อารมณ์ อ.ทัพทัน มีพระอุดมธรรมภาณ (สม สุนทรธัมโม) วัดทัพทันวัฒนาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูอุทัยธรรมสุนทร (เสน่ห์ คังคสโร) วัดสว่างอารมณ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระน้อย วัดสว่างอารมณ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า ธัมมปาโล มีความหมายถึงผู้รักษาธรรม
หลังอุปสมบทอยู่จำพรรษาที่วัดทัพทันวัฒนาราม ท่านตั้งใจศึกษาพระปริยัติธรรมอย่างมุ่งมั่น สอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก อีกทั้งยังคอยปรนนิบัติรับใช้อุปัฏฐากพระอุดมธรรมภาณ (หลวงพ่อสม) อย่างมิขาดตกบกพร่อง ขณะเดียวกันยังได้ศึกษาวิทยาคม อักขระขอม ตลอดจนร่ำเรียนวิชาการแพทย์แผนโบราณจากพระเกจิคณาจารย์หลายท่าน อาทิ หลวงพ่อเคลือบ สังวรธัมโม พระเกจิดังเมืองอุทัยธานี, หลวงพ่อสิน วัดหนองเต่า เป็นต้น
หลวงพ่อประทวน ได้สร้างผลงานเป็นคุณูปการมากมาย ทั้งด้านงานปกครองคณะสงฆ์ การศึกษา พระปริยัติธรรม การสาธารณประโยชน์ ด้านการพัฒนา และอื่นๆ อีกมากมาย ด้านการศึกษาสงฆ์ พ.ศ.๒๕๔๕ เป็นประธานสอบพระนวกะ พ.ศ.๒๕๔๖ เป็นรองประธานสอบธรรมสนามหลวง ณ วัดทัพทันวัฒนาราม และ พ.ศ.๒๕๔๗ เป็นประธานสอบธรรมสนามหลวง ณ วัดทัพทันวัฒนาราม
ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๓ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดท่ามะขามป้อม พ.ศ.๒๕๒๕ เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.๒๕๒๙ เป็นเจ้าคณะตำบลหนองยายดา-โคกหม้อ พ.ศ.๒๕๕๐ เป็นรองเจ้าคณะอำเภอทัพทัน จ.อุทัยธานี และพ.ศ.๒๕๕๓ ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอทัพทัน จ.อุทัยธานี
ด้านการปกครองวัดท่ามะขามป้อม หลวงพ่อประทวนได้ให้พระภิกษุสามเณร ร่วมมือทำกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาด้วยความสามัคคี ต้องย้ายทะเบียนบ้านเข้ามาอยู่ในวัด มีหนังสือใบสุทธิอย่างถูกต้องทุกรูป และพระภิกษุสามเณรทุกรูปในวัดต้องศึกษาพระธรรมวินัยและสอบธรรมสนามหลวง
งานด้านสาธารณูปการ หลวงพ่อประทวนก่อสร้างอุโบสถคอนกรีตเสริมเหล็ก ภายในปูหินอ่อน กว้าง ๔๐ เมตร ยาว ๘๐ เมตร ใช้ในการประกอบพิธีสังฆกรรม ทั้งยังสร้างเมรุ กุฏิ ศาลาธรรมสังเวช วิหาร ห้องน้ำชุด ซุ้มประตู และสำนักงานเจ้าคณะตำบล
ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.๒๕๑๗ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ในราชทินนามที่พระครูอุทัยธรรมวาที พ.ศ.๒๕๓๕ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นโท ในราชทินนามเดิม
หลวงพ่อประทวน เป็นพระเถระที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาแก่บรรดาคณะศิษยานุศิษย์และสาธุชนทั่วไป มีหลักธรรมคำสอนด้วยการใช้เมตตาธรรมในการอบรมสั่งสอนลูกศิษย์ และประชาชน ให้เน้นความสำคัญของพระพุทธศาสนาที่มีคุณค่าใหญ่หลวงแก่ประเทศชาติบ้านเมือง
คำสอนหนึ่งที่หลวงพ่อประทวนมักสอนลูกศิษย์เสมอๆ ว่า “รู้ธรรม เข้าใจธรรม ไม่สู้ปฏิบัติธรรม และการปฏิบัติธรรมรักษาศีลนั้น อยู่ที่ไหนๆ เราก็ต้องปฏิบัติให้ได้ไม่จำเป็นมาปฏิบัติธรรมถือที่วัดเสมอไป โดยเฉพาะศีล ๕ ข้อง่ายๆ ทำให้ได้ชีวิตก็จะพบแต่ความสุข”
นอกจากนี้ในฐานะที่ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ได้ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ ท่านรับหน้าที่ในการบรรพชาอุปสมบทให้กุลบุตรผู้มีความพร้อมเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ อีกทั้งบวชชีพราหมณ์ เพื่อสืบทอดและบำรุงพระพุทธศาสนา
บุญสร้างวิหารคต
วัดท่ามะขามป้อม ตั้งอยู่เลขที่ ๓๑ บ้านท่าเสา หมู่ ๑ ต.หนองยายดา อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ ๓๓ ไร่ ๒ งาน พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำและลำคลองล้อมรอบ และมีถนนอยู่ทางด้านทิศตะวันออก อาคารเสนาสนะต่างๆ มีอุโบสถกว้าง ๗ เมตร ยาว ๒๒ เมตร สร้าง พ.ศ.๒๕๒๖ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
ศาลาการเปรียญ กว้าง ๑๕ เมตร ยาว ๒๗ เมตร สร้าง พ.ศ. ๒๕๐๔ เป็นอาคารคอนกรีต กุฏิสงฆ์ จำนวน ๔ หลัง เป็นอาคารไม้ชั้นเดียว ๓ หลัง เป็นอาคารคอนกรีต ๑ หลัง สำหรับปูชนียวัตถุมี พระประธานในอุโบสถ ปางมารวิชัย สมัยอู่ทอง (องค์เดิม) มีขนาดพระเพลากว้าง ๗ นิ้ว บรรจุอยู่ในพระประธานองค์ปัจจุบัน ขนาดพระเพลากว้าง ๔ ศอก ๑ คืบ เรียก “หลวงพ่อพุทธนิมิต”
เกียรติคุณด้านมงคลปูชนียวัตถุที่สร้างชื่อให้หลวงพ่อประทวน จัดสร้างเพียงครั้งเดียว เพื่อแจกในงานฉลองเลื่อนสมณศักดิ์เจ้าคณะตำบลชั้นโท พ.ศ.๒๕๓๕ เป็นพระเนื้อผงเกสร ๑๐๘ ฝังแร่เมืองกาญจนบุรี ลักษณะรูปอาร์ม ตรงกลางเป็นรูปหลวงพ่อประทวนครึ่งองค์ ปลุกเสกเดี่ยวตลอดไตรมาส หลังจากครั้งนั้นท่านไม่เคยได้สร้างวัตถุมงคลอีกเลย
จนใน พ.ศ.๒๕๕๘ ได้สร้างเหรียญเสมารุ่น ๑ ปลุกเสก ๓ ไตรมาส จำนวน ๕๘๗ เหรียญ พ.ศ.๒๕๕๙ สร้างเหรียญรุ่นเจริญพรจำนวน ๕๘๗ เหรียญเพื่อสมทบทุนสร้างวิหารคต ที่กำลังก่อสร้างร่วมทำบุญสร้างวิหารคตกับหลวงพ่อได้ที่วัดท่ามะขามป้อม อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี ได้ทุกวัน
คาถาและยันต์แห่งโชคลาภ
ยันต์ที่ปรากฏหลังเหรียญเสมารุ่น ๑ และเหรียญรุ่นเจริญพร ของหลวงพ่อประทวนนั้น “นายสุทธิโรจน์ พร้อมเพียงฤา” หรือ “อ.อุ้ย เก้ายอด” แห่งสำนักสักยันต์อาจารย์อุ้ยเก้ายอด จ.อุบลราชธานี บอกว่าเป็นยันต์ตัวเดียวกับยันต์หลังเหรียญเสมา หลวงปู่ทิม อิสริโก หรือพระครูภาวนาภิรัต อดีตเจ้าอาวาสวัดละหารไร่ จ.ระยอง ประกอบด้วย ยันต์ ๔ ตัวหลักๆ ดังนี้
๑.คาถาพระเจ้า ๕ พระองค์ ที่ว่า “นะ โม พุท ธา ยะ” มักจะบริกรรมถอยหลังที่ว่า “ยะ ธา พุท โม นะ” การบริกรรมคาถาถอยหลังเพื่อให้เกิดสมาธิ
๒.คาถาหัวใจพระรัตนตรัย ที่ว่า อิ สวา สุ ซึ่งย่อมาจาก พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เช่น หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท ก็ใช้ยันต์ตัวนี้ในการบริกรรมเสกวัตถุมงคล โดยบริกรรมควงกัน ๓ บท คือ “อิ สวา สุ สุ สวา อิ สวา สุ อิ” กลายเป็นพระคาถาคุ้มกันภัย
๓.คาถา หัวใจพระไตรปิฎก ที่ว่า มะ อะ อุ หมายถึงพระรัตนตรัย (พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์) มาจาก “อะระหังสัมมาสัมพุทโธ อุตตะมะธัมโมมัชฌะคา มหาสังโฆปโพเธสิฯ” จาก “รตนตฺตยปภาวาภิยาจนคาถา” เป็นส่วนสำคัญในหลายพระคาถา และยันต์หลายองค์ พบได้โดยทั่วไป ในบางคาถาหรือยันต์ก็สลับกันไปมา ตามแต่ครูบาอาจารย์ผู้ผูกคาถาหรือผูกยันต์จะผูกไว้ เช่น “อะ อุ มะ” “อุ มะ อะ” “อะ มะ อุ” เป็นต้น ผู้สนใจศึกษา หาอ่านไปเรื่อยๆ ก็จะเจอเองค่ะ หรือทั่วๆ ไปจะเห็นใช้โดดๆ ไม่เป็นองค์ประกอบของคาถาหรือยันต์ก็ได้ กล่าวได้ว่ารู้คำเดียวไปได้ตลอด
และ ๔.คาถาหัวใจธาตุ ๔ ที่ว่า นะ มะ พะ ทะ หมายถึง น้ำ ดิน ไฟ ลม ยันต์นี้หากเขียนรูปสัตว์หรือสิ่งชีวิตทุกชนิด รวมทั้งรูปภาพเกจิอาจารย์ต้องลงหัวใจธาตุสี่ พุทธคุณ คงกระพันชาตรี
“ทั้งนี้ เมื่อรวมพุทธคุณของคาถาทั้ง ๔ บทแล้ว มีตคิความเชื่อว่า เหรียญเสมารุ่น ๑ และเหรียญรุ่นเจริญพร ของหลวงพ่อประทวน มีคาถาที่มีพุทธคุณดีทุกด้าน หรือเรียกว่าครอบจักวาล แคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม รวมทั้งโชคลาภค้าขาย” อ.อุ้ย เก้ายอด กล่าวสรุป