ไลฟ์สไตล์

หลวงปู่เฉลิม ผละปญฺโญวัดพวงนิมิต'เทพเจ้าแห่งเขาฉกรรจ์'

หลวงปู่เฉลิม ผละปญฺโญวัดพวงนิมิต'เทพเจ้าแห่งเขาฉกรรจ์'

09 ส.ค. 2559

หลวงปู่เฉลิม ผละปญฺโญวัดพวงนิมิต'เทพเจ้าแห่งเขาฉกรรจ์' : เรื่องไตรเทพ ไกรงู ภาพ กฤชนันท์ ธรรมไชย

           “คม ชัด ลึก” ได้รวบรวมข้อมูลพระเกจิอาจารย์ทั้งที่มีชีวิตอยู่ และมรณภาพไปแล้ว ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น “เทพเจ้า” ซึ่งมีอยู่หลายรูป เช่น เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด คือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา พระสงฆ์ผู้มีแต่ให้ กิตติคุณแห่งอำนาจ บารมีของหลวงพ่อคูณที่ร่ำลือระบือไกลแทบจะทั่วโลกก็ยังรู้จัก

           เทพเจ้าแห่งลุ่มแม่น้ำโขง คือ พระสุนทรธรรมากร หรือหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอปลาปาก อดีตเจ้าอาวาสวัดธาตุมหาชัย อ.ปลาปาก จ.นครพนม เป็นพระเถระวิปัสสนากรรมฐานของภาคอีสาน มีความสามารถทั้งทางด้านวิปัสสนาธุระ และคันธะธุระ และเป็นที่เคารพรักของลูกศิษย์ลูกหาทั่วประเทศ

           เทพเจ้าแห่งดอน (โคก) ยายหอม คือ พระราชธรรมาภรณ์ หรือ หลวงพ่อเงิน จนฺทสุวณฺโณ วัดดอนยายหอม ต.ดอนยายหอม อ.เมือง จ.นครปฐม ในอดีตที่ท่านมีชีวิตอยู่นั้น หลวงพ่อเป็นผู้นำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ดอนยายหอม เป็นที่รักเคารพอย่างสูงส่งของชาวดอนยายหอม ท่านได้ช่วยปกป้องคุ้มครองภัยและช่วยให้ชาวดอนยายหอมพ้นจากความหายนะ หรือภัยร้ายจากโจรที่เข้ามาทำลายทรัพย์สิน

           เทพเจ้าแห่งเมืองพิจิตร หรือเทพเจ้าแห่งโพทะเล คือ หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ วัดหิรัญญาราม หรือวัดบางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร แม้ว่าท่านจะมรณภาพไปเกือบ ๑๐๐ ปีแต่บารมีของท่านยังแผ่ไพศาลยิ่งกว่าช่วงท่านยังมีชีวิตอยู่ ไม่มีวัดใดในพิจิตรที่ไม่สร้างพระหลวงพ่อเงิน

           เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี คือ พระอุดมประชานาถ หรือที่รู้จักกันดีในนามหลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ อดีตเจ้าอาวาสวัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ท่านได้ศึกษาวิชาไสยศาสตร์มาตั้งแต่ท่านยังเป็นเด็ก ท่านมีโอกาสร่ำเรียนวิชาอาคมกับหลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก สุพรรณบุรี ซึ่งหลวงพ่อแดง ก็เป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน

           ส่วนพระเกจิอาจารย์ที่มีชีวิตอยู่และได้รับการยกย่องให้เป็น “เทพเจ้า” ซึ่งมีอยู่หลายรูป เช่น “พระครูถาวรวิริยคุณ” หรือหลวงพ่อคง ฐิตวิริโย เจ้าอาวาสวัดเขากลิ้ง ต.แก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ท่านได้สร้างเหรียญรุ่นแรกเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๓ จากนั้นก็สร้างต่อมาอีกหลายสิบรุ่น ซึ่งล้วนได้รับความนิยมจากลูกศิษย์ ทั้งนี้ท่านมักถูกนิมนต์ไปนั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลเสมอๆ ถึงกับมีการขนานนามท่านว่า “หลวงพ่อคงเทพเจ้าแห่งแก่งกระจาน”

           “เทพเจ้าแห่งกำแพงแสน” เป็นฉายานามที่เหล่าบรรดาลูกศิษย์ขนานนามให้ “หลวงปู่แผ้ว ปวโร” อายุ ๘๘ พรรษาที่ ๖๖ พระเกจิชื่อดังแห่งวัดประชาราษฎร์บำรุง หรือวัดรางหมัน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม

           ในขณะที่ทางภาคตะวันออกมีหลวงปู่เฉลิม ผละปญฺโญ วัดพวงนิมิต บ้านพวงนิมิต ต.พวงนิมิต อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว ถูกยกให้เป็น “เทพเจ้าแห่งเขาฉกรรจ์” ท่านบวชที่วัดสระแก้วเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๒ เป็นศิษย์หลวงพ่อทอง วัดสระแกัว เป็นศิษย์ผู้น้องของหลวงพ่อสนย์ วัดทุ่งพระ ต่อมาเกิดสงครามในประเทศกัมพูชาเขมรแดงไล่ฆ่ากันเองยิงปืนใหญ่มาตกตามแนวชายแดนไทยทำให้ประชาชนชาวไทยเดือดร้อนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก และที่บ้านซับตาลี อ.คลองหาด จ.สระแก้ว มีการยิงปืนใหญ่มาตกเป็นจำนวนมาก

           มีผู้มีอาคมเก่งกล้าคนหนึ่งชื่อ อ.คำหมี สามารถเสกให้ลูกปืนใหญ่ไปตกที่อื่นได้ทุกครั้งที่มีการสู้รบกันชาวทั่วทุกทิศจะไปรวมตัวกันที่บ้าน อ.คำหมี ผู้นี้แม้จะมีการสู้รบหนักขนาดไหนก็ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่ลูกปืนใหญ่จะตกเข้ามาใกล้บริเวณบ้าน อ.คำหมี เป็นที่เรื่องลือไปทั่ว จ.สระแก้ว เมื่อข่าวรู้ถึงพระเฉลิมขณะนั้นจึงเดินทางไปจนเห็นกับตาตัวเองจึงเกิดความเลื่อมใส จึงขอฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชาจนสำเร็จ

            

ตำนานการดำน้ำจารยันต์
 
           การดำน้ำเพื่อลงอักขระวัตถุมงคลใต้น้ำของพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง เช่น หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท พระครูรัตนรังษี (หลวงปู่พุ่ม) วัดบางโคล่นอก เขตยานนาวา กทม. หลวงปู่นาค วัดห้วยจระเข้ จ.นครปฐม และหลวงปู่แย้ม วัดตะเคียน จ.นนทบุรี

           เหตุที่เกจิดำน้ำจารยันต์มีคติความเชื่อว่าจะเพิ่มความเข้มขลังให้วัตถุมงคล เพราะระหว่างดำน้ำจิตจะนิ่งรวมเป็นหนึ่งเดียว ขณะเดียวกันการจารต้องแม่นยำจึงบังเกิดเป็นอักขระเลขยันต์ เอกลักษณ์ของพระปิดตาห้วยจระเข้ ที่สำคัญคือ ต้องมีการลงเหล็กจารทุกองค์ด้วย ในการลงเหล็กจารนั้น มีเรื่องเล่ากันว่า หลวงปู่นาคท่านนำเอาพระปิดตาที่สร้างเสร็จแล้วไปลงเหล็กจารที่ท่าน้ำข้างๆ วัด โดยท่านจะนำลงไปจารอักขระใต้น้ำ เมื่อจารเสร็จแล้วก็จะปล่อยให้พระปิดตาลอยขึ้นมาเหนือน้ำเอง โดยมีลูกศิษย์ที่อยู่บนฝั่งคอยเก็บ ถ้าพระปิดตาองค์ไหนลงจารแล้วไม่ลอยน้ำขึ้นมาแสดงว่าพระปิดตาองค์นั้นไม่มีพลังพุทธคุณ อันอาจจะเกิดอักขระวิบัติจากการจารอักขระก็ได้ อักขระที่ท่านใช้คือ “นะคงคา” เป็นตัวหลัก เพราะหลวงปู่นาคสำเร็จ อาโปกสิน วัตถุมงคลที่ท่านปลุกเสกจึงหนักไปทางพลังเย็นเร้นเข้มขลังอย่างเอกอุ

           พุทธคุณของคาถาบทนี้แก้ร้อนรุ่มกลุ้มจิต ร้อนวิชาได้วิเศษนักแล เดิมทีเป็นพระคาถาที่หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ใช้ทำน้ำมนต์ประสานตัว พุทธคุณของยันต์ตัวนี้เด่นด้านคุ้มกันป้องกันภัย รวมทั้งป้องกันคุณไสย

           หลวงปู่แย้ม ปิยวณฺโณ (พระครูปิยนนทคุณ) เจ้าอาวาสวัดตะเคียน ต.บางคูเวียง อ.บางกรวย วัดตะเคียน จ.นนทบุรี อุปกรณ์สำหรับทำตะกรุด ด้วยพิธีกรรมที่ไม่เหมือนใคร คือ ท่านจารตะกรุดในน้ำด้วยยันต์มหาเบานั้น มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า ทหารที่ออกทัพจับศึกรวมทั้งเสือร้ายที่ออกปล้นชาวบ้าน เมื่อถึงคราวเกิดเหตุจวนตัว จะใช้หัวแม่เท้าจิกลงบนพระแม่ธรณี (พื้นดิน) แล้วเขียนเป็นวงกลม เป็นยันต์มหาสูญ ระหว่างที่เขียนก็บริกรรมคาถามหาอุด (อุดธังอัดโท หรือโทอุดธังอัด) แล้วตามด้วยคาถาหัวใจพระแม่ธรณี (เม กะ มุ อุ) หากมีจิตที่เข้มแข็งและสงบนิ่ง เท่านี้ก็สามารถแคล้วคลาดจากอาวุธของศัตรูได้

           ในกรณีหลวงปู่เฉลิมนั้น ท่านทำมาตลอดเรื่อยมาแม้ว่าวัยของท่านจะล่วงเลยมามากถึง ๗๐ ปี ท่านยังคงดำน้ำจารตะกรุดทุกดอก เพื่อมอบเป็นที่ระลึกให้ลูกศิษย์สำหรับร่วมบุญสร้างสาธารณประโยชน์ของวัด

           พระคาถาที่ลง คือ จันโทอะภิกันตะโร ปิติ ปิโย เทวะมนุสสานังอิตภิโยปุริ โส มะ อะ อุ อุ มะ อะ อิสวาสุ อิกะวิติ

           เป็นคาถามหาเสน่ห์บทนี้ให้ภาวนาคาถามหาเสน่ห์นี้ ๓ จบก่อนออกไปพบคน คาถามหาเสน่ห์จะทำให้คนที่ต้องไปพบเกิดความรักใคร่ มีเมตตาต่อเรา

            
เบี้ยแก้-ตะกรุดจันทร์เพ็ญ ตำราหลวงปู่ศุข
 
           “เพื่อสมทบทุนสร้างหอระฆัง วัดพวงนิมิต” หลวงปู่เฉลิม จึงได้จัดสร้างตะกรุดจันทร์เพ็ญ ดอกใหญ่ขนาด ๕ นิ้ว และดอกเล็ก ขนาด ๒ นิ้วถักเชือก โรยผงพุทธคุณ ๑๐๘ ลงรักปิดทอง สร้าง ๘๘ ดอก (ตอกโค้ดและหมายเลขกำกับ) รวมทั้งจันทร์เพ็ญ รุ่นแรก

           หลวงปู่เฉลิมทำพิธีดำน้ำจารตะกรุดจันทร์เพ็ญ ให้ได้พลังมหาอำนาจจากกำลังพระอาทิตย์ (สุริยัน) และนำมาปลุกเสกเวลากลางคืนจนถึงเที่ยงคืน ให้ได้พลังมหาเสน่ห์จากกำลังพระจันทร์ (จันทรา) ปลุกเสกในคืนวันเพ็ญ วันพุธที่ ๒๕ พฤศจิ กายน ๒๕๕๘ ทำพิธีพลีสระตามตำรา ตั้งศาลเพียงตาบวงสรวงเทวดาฟ้าดิน ๑๖ ชั้นฟ้า ๑๕ ชั้นดิน ๑๔ ชั้นบาดาล

           เบี้ยแก้จันทร์เพ็ญ รุ่นแรก จัดสร้างตามตำราโบราณทุกประการ ตั้งแต่นำตัวเบี้ยแช่ในน้ำพระพุทธมนต์ในคืนจันทร์เพ็ญให้ครบ ๗ จันทร์เพ็ญ จากนั้นนำมาบรรจุปรอทป่า ให้ได้น้ำหนัก ๑ บาท ต่อตัว ปิดอุดด้วยชันโรงใต้ดิน พอกด้วยผงพุทธคุณ ผงอิทธิเจ ผงปถมัง ผงมหาราช ผงตรีนิสิงเห ผงกสิณ หลวงปู่สรวง ผงกสิณหลวงปู่หมุน ผงงาช้างหลวงปู่หมุนเสก ผงกระดูกเสือหลวงปู่หมุนเสก ผงแร่หลวงปู่หมุนเสก ผงพุทธคุณ ๓๕๐ คณาจารย์ ผงชมพูนุช ผงยาวาสนาจินดามณี ผงชานหมากหลวงปู่เฉลิม ผงไม้พญางิ้วดำ ผงไม้มะขามฟ้าผ่า ผงไม้ขนุนฟ้าผ่า ผงไม้พยุงฟ้าผ่า ผงไม้สักฟ้าผ่า (ขนุน-พยุง-ศักดิ์) ผงรังหมาร้าปิดตาพระพุทธ ผงเขาควายเผือกฟ้าผ่า ผงมหากัน ผงไม้ชองระอา ผงไม้คันของ จากนั้นนำมาถักเชือกลงรักปิดทอง

           ผู้มีจิตศรัทธารว่มบุญสร้างหอระฆังได้ที่ โทร. ๐๙-๐๒๔๘-๕๓๙๓ และ ๐๖๑-๖๓๕-๓๖๑๔ หรือเข้าชมรายละเอียดเฟซบุ๊ก “ใหญ่ ดงดินแดง”