ไลฟ์สไตล์

'เปิดใจ'นายกสมาคมนักศึกษามุสลิมไทยในประเทศ'ซูดาน' 

'เปิดใจ'นายกสมาคมนักศึกษามุสลิมไทยในประเทศ'ซูดาน' 

04 ส.ค. 2559

เปิดโลกการศึกษามุสลิม ตอน : 'เปิดใจ'นายกสมาคมนักศึกษามุสลิมไทยในประเทศ'ซูดาน' 

            อย่างที่รู้กันว่า นักศึกษามุสลิมไทยที่ไปศึกษายังต่างประเทศยังคงมีการมองส่อไปในทางที่ไม่ดี ทั้งๆ ที่ทุกคนที่มาศึกษา หวังดี หวังความเจริญก้าวหน้า โดยเริ่มต้นที่หัวใจที่ฝั่งด้วยศีลธรรมแห่งศาสนา การศึกษาศาสนาในประเทศต่างๆ ล้วนแล้วด้วยจุดประสงค์เดียวกันคือ เรียนเพื่อเผยแพร่ศาสนาเส้นทางนำไปสู่ความสงบสุขที่แท้จริง ไม่ใช่เพื่อก่อความวุ่นวายให้สังคม วันนี้ขอนำแฟนๆ ไปค้นหาคำตอบจากนายกสมาคมนักเรียนไทยอีกประเทศหนึ่งในแดนทะเลทราย ซึ่งเป็นประเทศที่รักความเรียบง่าย สงบ นิ่ง แต่ไม่ขี้ขลาดเมื่อถึงทางตัน เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีนักศึกษาไทยเราไปรวมตัวกันที่นั่นและยิ่งมากขึ้นทุกปี ยอดนักศึกษาทั้งหมด 512 คน เลยทีเดียวในปีนี้ ที่นี่คือ “ซูดาน”

            “อิสลาม ผมไม่สามารถให้คำจำกัดความได้อย่างสมบูรณ์เพียงพอ นอกจากจะบอกว่า ศาสนาอิสลามเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงบัญญัติไว้ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน โดยมีศาสดามูฮัมหมัด “ซ.ล.” ได้พูดหรือทำอันเป็นแบบอย่างเอาไว้ (อัลฮาดิษ) ซึ่งแน่นอนว่าทุกๆ สิ่งที่มาจากคัมภีร์อัลกุรอานและอัลฮาดิษ ย่อมเป็นสิ่งที่ดี ที่จะนำพาชีวิตไปสู่ความสงบสุขทั้งตัวเองและสังคมบนโลกใบนี้ได้” นายกพูดด้วยสีหน้ามีความสุข

            “นายอิทธิกุล ภูมิสุข” นายกสมาคมนักเรียนไทยในซูดาน เป็นนักศึกษาจากกรุงเทพฯ จบการศึกษามัธยมปลายจากโรงเรียนบางกอกวิทยา จากนั้นไปศึกษาปรับพื้นฐานภาษาอาหรับที่มหาวิทยาลัยอัลฟาฏอนี เป็นเวลา 1 ปี และได้รับทุนการศึกษาบินลัดฟ้ามายังประเทศซูดาน ซูดานแม้เป็นประเทศที่ดูจะเงียบ ผู้คนหน้าตาอาจจะไม่ดีเท่าประเทศอื่น แต่คนซูดานที่ดีจะมีนิสัยน่ารัก ถ่อมตน ช่วยเหลือกันและกัน พยายามเข้าใจนักศึกษาต่างชาติและช่วยเหลือเสมอ การเป็นอยู่ในซูดานต้องอดทนกับสภาวะอากาศ สังคมต่างจากเมืองไทยมาก การเป็นนายกสมาคมไม่ใช่เรื่องง่ายนักในประเทศซูดาน หน้าที่หลักคือดูแลนักศึกษาและคนไทยที่มาทำงานในประเทศซูดาน ในเรื่องการติดต่อสื่อสาร การประสานงานกับองค์กรทางภาครัฐ รวมถึงการเข้าไปช่วยเหลือในยามที่เกิดปัญหาระหว่างคนไทยและชาวซูดาน โดยเฉพาะการติดต่อประสานกับสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงไคโร

            นายกสมาคม เล่าถึงเรื่องชมรมว่า ปัจจุบันนักศึกษาไทยในประเทศซูดานมีทั้งหมด 7 ชมรม จำนวนรวมนักศึกษาทั้งหมดในปีนี้ 512 คน แบ่งเป็นนักศึกษาชาย 286 คน นักศึกษาหญิง 226 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของนักศึกษา พวกเราโชคดีที่มีมหาวิทยาลัยให้ทุนการศึกษาและเป็นการให้ทุนทั้ง 7 ชมรมของนักศึกษาไทย ทำให้ความใกล้ชิดในเรื่องความสัมพันธ์กับทางมหาวิทยาลัยแน่นแฟ้นขึ้น นักศึกษาใหม่ทุกปีที่ขึ้นมาก็รู้จักรุ่นพี่และเข้าร่วมกิจกรรมทั้งของมหาวิทยาลัยและสมาคม เป็นการสร้างความใกล้ชิดจนเกินจะคิดเรื่องแบ่งแยกนักศึกษาในภาคต่างๆ และที่สำคัญชมรมต่างๆ จะไม่มีการบังคับการเข้าชมรม ให้อิสระที่จะเลือกอยู่ในชมรมภาคใต้ หรือกรุงเทพฯ

             ทุกๆ ปีจะมีการเลือกนายกสมาคม โดยการเลือกจากชมรมว่าใครเหมาะกับตำแหน่งนายกสมาคม และทุกชมรมจะต้องส่งตัวแทนเข้ามาเป็นคณะกรรมการบริหารสมาคม ดังนั้นทุกครั้งที่มีการจัดกิจกรรมหรือการติดต่อประสานงานในเรื่องต่างๆ คณะกรรมการของสมาคมก็จะประกาศไปตามชมรมของตัวเอง ทำให้ข่าวต่างๆ ถึงกันอย่างรวดเร็วเสมอ นักศึกษาไทยเรามีภาษาที่ต่างกันหรือภาษาเดียวกันแต่สำเนียงอาจต่างกัน เช่นภาษามาลายู เป็นภาษาที่ไม่ใช่ภาษาไทย ทั้งตัวเขียนและความหมาย ดังนั้นการมาอยู่รวมกันที่นี่ การทำงานร่วมกันทำให้นักศึกษาไทยเราได้แลกเปลี่ยนและฝึกภาษาให้กันและกัน ยิ่งทำให้ความรักระหว่างนักศึกษาไทยเรามีมากขึ้น ลดการแตกแยกในความแตกต่างเพราะเราถือว่าทุกอย่างคือการศึกษาและผลกำไรชีวิตให้แก่ตัวเอง และยิ่งมีสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงไคโร ที่คอยส่งข่าว และมาเยี่ยมเยียนพวกเราอยู่เสมอพร้อมสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ มากมาย ที่สำคัญเอกอัครราชทูตและข้าราชการทุกท่าน เป็นผู้ที่สร้างขวัญกำลังใจให้แก่พวกเราทุกครั้งที่มาเยี่ยม ยิ่งทำให้เรารักประเทศไทย เพราะน้ำใจจากผู้ใหญ่ที่ไม่เคยกล่าวหาและยังสนับสนุนกิจกรรมดีๆ มาให้พวกเราอยู่เสมอ

            “จะมากล่าวหาหรือคาดเดาว่านักศึกษาศาสนาที่ไปศึกษายังต่างแดน เป็นผู้ก่อการร้ายนั้น บ่งบอกถึงความคิดที่ขัดกับศาสนาอิสลามที่ผมนับถือ เพราะศาสนาอิสลามไม่เคยสนับสนุนให้คิดร้ายและกล่าวหาใคร นี่คือที่มาของการทำให้สังคมแตกแยก ในฐานะที่ผมเป็นนายกสมาคมในประเทศซูดาน นักเรียน 512 คน มาจากหลายจังหวัดในประเทศไทย แต่พวกเรารวมตัวกันที่นี่ ไม่มีการแตกแยก แบ่งแยก มีการเข้าหาและศึกษาวัฒนธรรมของกันและกันทั้งในเรื่องการเป็นอยู่และภาษา การทำกิจกรรมร่วมกันก่อให้เกิดความสามัคคี รักใคร่กลมเกลียว และเป็นที่มาของการเป็นหนึ่งเดียวของนักศึกษาไทยในประเทศซูดาน เราทุกคนมาศึกษาเพื่อความฝันของตัวเอง ที่จะนำไปพัฒนาประเทศอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอน ไม่เคยคิดที่จะกลับไปทำลายหรือแม้แต่จะกล่าวหาใครในประเทศเลย" นายกสมาคมนักเรียนไทยซูดาน พูดด้วยความมั่นใจ