ไลฟ์สไตล์

ผลสำรวจสุขภาพคนไทย หญิงอ้วนอันดับ2เอเชียชายน่าซบกว่าอปป้า

ผลสำรวจสุขภาพคนไทย หญิงอ้วนอันดับ2เอเชียชายน่าซบกว่าอปป้า

25 ก.ค. 2559

เปิดผลสำรวจสุขภาพคนไทย ล่าสุดพบมีภาวะอ้วนถึง 19 ล้าน หญิงไทยอ้วนอันดับ 2 เอเชีย ชายไทยอันดับ 7 หุ่นน่าซบกว่าเกาหลีใต้ ขณะที่ 7.7 ล้านคน เสี่ยงเบาหวานในอนาคต

      เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ที่ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) แถลงข่าวผลสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกายว่า สสส. ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานวิจัยเพื่อการพัฒนาหลักประกันสุขภาพไทย สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข และเครือข่ายมหาวิทยาลัยในภูมิภาคต่างๆ ทำการสำรวจสุขภาพประชาชน ครั้งที่ 5 ระหว่างปี2557-2558  ด้วยการสุ่มตรวจสุขภาพประชากรไทย 21 จังหวัด จำนวน 19,468ตัวอย่าง เพื่อสำรวจการเฝ้าระวังทางสุขภาพของคนไทยระดับประเทศ ใน 8 ประเด็น 

       ผลการสำรวจพบว่า 1.การสูบบุหรี่ลดลงในทุกกลุ่มอายุ จากร้อยละ 19.9 ในปี2552 เป็นร้อยละ 16 ในปี 2557  จำนวนมวนที่สูบบุหรี่ เพศชายเพิ่มขึ้นจากเฉลี่ยวันละ10.6 มวน เป็นวันละ 11.2 มวน เพศหญิง ลดลงจากเฉลี่ยวันละ 9 มวน เป็น 7.7 มวนสัดส่วนคนที่ไม่สูบบุหรี่แต่ได้รับควันบุหรี่มือสองลดลงเล็กน้อยจากร้อยละ 78 เป็นร้อยละ 72.6

        2.การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลดลง จากร้อยละ 7.3 เหลือร้อยละ 3.4 จำนวนครั้งของการดื่มอย่างหนักเพิ่มขึ้น เพศชายจากค่ากลาง 6 ครั้งต่อปี เป็น ค่ากลาง 3ครั้งต่อเดือน เพศหญิง จากค่ากลาง 3 ครั้งต่อปี เป็น 2 ครั้งต่อเดือน  3.กินผักและผลไม้เพียงพอ 400 กรัมต่อวันขึ้นไปมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากร้อยละ 17.7 เป็น ร้อยละ 25.9หรือ 1 ใน 4 

    4.การมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ เช่น เดิน ขี่จักรยาน อยู่ในระดับคงที่ร้อยละ 80  5.อัตราการบริโภคน้ำอัดลม น้ำหวาน เครื่องดื่มหวานของกลุ่มเด็กอายุ 2-14 ปี เพิ่มขึ้น  โดยเด็กอายุ 2-5 ปี เพิ่มจากร้อยละ 10.5 เป็น ร้อยละ 12.5. อายุ 6-9 ปี จากร้อยละ14.5 เป็นร้อยละ 20.4 และอายุ 10-14 ปี จากร้อยละ 19.1 เป็นร้อยละ 19.8

       6.ภาวะอ้วนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดทุกกลุ่มวัย  จากร้อยละ 34.7 ในปี 2552เป็นร้อยละ 37.5 เพศชายเพิ่มจากร้อยละ 28.4 เป็นร้อยละ32.9 เพสหญิงเพิ่มจากร้อยละ40.7 เป็นร้อยละ41.8 ซึ่งปัจจุบันคนไทยมีภาวะอ้วนถึง 19 ล้านคน  7.ภาวะความดันโลหิตสูงถึง 13 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 21.4 เป็น ร้อยละ 24.7 เพศชายเพิ่มจากร้อยละ 21.5 เป็นร้อยละ25.6 เพศหญิงจากร้อยละ 21.3 เป็นร้อยละ 23.9

     และ8.เบาหวาน เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 6.9 เป็นร้อยละ8.9 โดยประเทศไทยมีคนที่เป็นเบาหวานถึง 4 ล้านคน ที่น่าเป็นห่วงคือพบกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานโดยไม่รู้ตัวอีกถึง 7.7 ล้านคน กลุ่มหลังหมายถึง ร้อยละ 5-10 ต่อปี จะเป็นเบาหวานหากไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางสุขภาพ

     "แม้พฤติกรรมสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์จะมีแนวโน้มดีขึ้น จากการทำงานของทุกภาคส่วน ทั้งภาคนโยบาย ภาคสังคม และภาควิชาการ แต่เป็นสิ่งที่ สสส. และภาคีเครือข่าย ยังคงต้องรณรงค์สร้างการรับรู้อย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันนักสูบและนักดื่มหน้าใหม่ เดินหน้าสนับสนุนให้มีการขึ้นภาษีบุหรี่และแอลกอฮอล์ รวมถึง การส่งเสริมให้ประชากรมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอตลอดทุกช่วงวัย และสนับสนุนให้มีปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อให้คนได้มีกิจกรรมทางกายอย่างยั่งยืน พร้อมกับเน้นพฤติกรรมโภชนาการที่ลดหวาน มัน เค็มลง โดยเฉพาะมาตรการสำคัญในการเสนอมให้ออกกฎหมายเก็บภาษีเครื่องดื่มผสมน้ำตาลสูง โดยสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศเป็นมาตรการที่จะช่วยลดปัญหานี้"พล.ร.อ.ณรงค์กล่าว

        ด้านศ.นพ.วิชัย เอกาพลากร หัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน  คณะแพทยศาสตร์  โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ภาวะโรคอ้วนเบาหวาน ความดัน กลายเป็นโรคที่ต้องเฝ้าระวังมากขึ้น จากผลการตรวจสุขภาพพบภาวะอ้วน (BMI ≥ 25 kg/m2) เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยเพศชาย มีจำนวนร้อยละ32.9 และเพศหญิง ร้อยละ 41.8 โดยเพศชายในกรุงเทพฯมีสัดส่วนสูงสุด สำหรับผู้หญิงทุกภูมิภาคมีสัดส่วนไม่ต่างกัน และภาวะอ้วนในเขตเทศบาลสูงกว่านอกเขตเทศบาล 

       เมื่อเทียบกับดัชนีมวลกายหรือ BMI พบว่า หญิงไทยมีภาวะอ้วนเป็นอันดับ 2ของเอเชีย โดยดัชนีมวลกายเฉลี่ยของหญิงไทยอยู่ที่ 24.5 kg/m^2 อันดับ 1 คือมาเลเซีย ดัชนีมวลกายเฉลี่ย 25.7 ขณะที่ผู้หญิงในญี่ปุ่นและฮ่องกงมีภาวะอ้วนลดลง ส่วนเพศชาย พบว่า  อ้วนเป็นอันดับ 8 ของเอเชีย อันดับ 1-7 ได้แก่ มาเลเซีย ฮ่องกง ไต้หวัน จีน สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ตามลำดับ 

      "ผู้หญิงยังมีสัดส่วนการเป็นโรคเบาหวานสูงกว่าเพศชาย อยู่ที่ร้อยละ 9.8 และ7.9 ตามลำดับ โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีความชุกสูงที่สุด ตามด้วยภาคกลางภาคเหนือ และภาคใต้ ที่น่าสนใจคือ ร้อยละ 43.1 ของผู้ที่เป็นเบาหวานไม่ทราบว่าตนเองเป็นเบาหวานมาก่อน เท่ากับว่า ภาระโรคเบาหวานในปัจจุบันมีคนที่เป็นเบาหวานแล้วมากกว่า 4 ล้านคน ทั้งยังพบกลุ่มเสี่ยงต่อเบาหวานอีกถึง 7.7 ล้านคน ซึ่งภายในร้อยละ 5-10 ต่อปีจะป่วยเป็นเบาหวาน"ศ.นพ.วิชัยกล่าว

////////////////////