
หลวงปู่เหลือง ฉนฺทาคโมวัดกระดึงทองเหรียญรวยมหาเศรษฐี
หลวงปู่เหลือง ฉนฺทาคโมวัดกระดึงทองเหรียญรวยมหาเศรษฐี โดย 'ป้อม สกล' กระบี่มือ ๑ แห่งวงการสร้างพระใหม่ : เรื่องไตรเทพ ไกรงู ภาพ กฤชนันท์ ธรรมไชย
ภาพขณะที่หลวงปู่เหลือง ฉนฺทาคโม กำลังใช้ไม้กวาดทางมะพร้าว เก็บกวาดใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นบริเวณลานวัดด้วยตัวท่านเอง แม้หลวงปู่เหลือง สังขารจะชราภาพมากแล้วและเป็นถึงพระราชาคณะ ถือเป็นแบบอย่างในการดำรงข้อวัตร มิได้ถือตัวตนว่าเป็นท่านเจ้าคุณ ด้วยอายุย่างเข้า ๘๙ ปี ท่านยังคงทำหน้าที่ของพระสงฆ์เป็นแบบอย่างให้พระลูกพระหลานวัยรุ่นวัยหนุ่มได้สำนึกตนว่าไม่ควรปล่อยกายปล่อยใจให้สุขสบายไปตามกระแสกิเลส แต่ยังทำหน้าที่ปัดกวาดเสนาสนะตามกิจวัตร ๑๐ ประการ ของพระสงฆ์ทุกวันได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
พระราชปัญญาวิสารัท หรือหลวงปู่เหลือง ฉนฺทาคโม เจ้าอาวาสวัดกระดึงทอง ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ อดีตเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ (ธรรมยุต) ซึ่งพุทธศาสนิกชนรู้จักกันในนามหลวงปู่เหลือง วัดกระดึงทอง เป็นศิษย์อาวุโสรูปหนึ่งของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดถ้ำขาม จ.สกลนคร และพระอริยเวที (เขียน ฐิตสีโล) วัดรังสีปาลิวัน จ.กาฬสินธุ์ และหลวงพ่อท่านลี ธมมธโร วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ มีจริยาวัตรแบบพระผู้ติดดิน อยู่อย่างสมถะเรียบง่าย แม้ท่านจะมีตำแหน่งสูงทางโลกแต่ไม่เคยถือยศถือตำแหน่งมาอวดใครๆ แม้ปัจจุบันจะมีอายุถึง ๘๘ ปีแล้ว แต่ท่านก็ยังไปโปรดญาติโยมในที่ต่างๆ ด้วยความเมตตาอย่างที่สุด
“ด.ช.เหลือง ทรงแก้ว” เป็นชื่อและนามสกุลเดิมของหลวงปู่เหลือง เกิดเมื่อวันอังคารที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๗๐ ที่บ้านนาตรัง หมู่ ๒ ต.เขวาสินรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ เป็นบุตรคนที่ ๖ ของนายเที่ยง ทรงแก้ว และนางเบียน ทองเชิด หลังเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ แล้ว ต่อมาท่านออกจาริกเดินตามหลังพระพี่ชายไปเมื่อตอนอายุ ๑๖ ปี พระพี่ชายทั้งสอง คือ พระครูสมุห์ฉัตร ธมฺมปาโล และพระอาจารย์สมุห์เสร็จ ญาณวุฑโฒ ซึ่งพระทั้งสองเป็นศิษย์หลวงปู่สิงห์ ขนฺตยาคโม ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “มือขวา” ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
โดยทั้งหมดออกธุดงค์เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๖ จากสุรินทร์ไปถึงนครราชสีมา ไปฉะเชิงเทรา ชลบุรี จันทบุรี ระยอง หลังจากนั้นชีวิตของหลวงปู่เหลืองก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะท่านมีบุญได้พบครูบาอาจารย์หลายรูป อาทิ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล พระผู้สรุปอริยสัจ ๔ จนได้รับการขนานนามว่าเจ้าแห่งจิต นอกจากนั้นท่านยังได้มอบกายถวายใจเป็นศิษย์หลวงปู่ฝั้น อาจาโร รวมทั้งได้พบและศึกษาธรรมกับท่านพ่อลี ธมฺมธโร แห่งวัดป่าคลองกุ้ง จันทบุรี อีกด้วย
“ไทยดำ” ผู้เคยเขียนประวัติหลวงปู่เหลืองลงในนิตยสารโลกทิพย์ ฉบับเดือนธันวาคม ๒๕๓๐ เคยเรียนถามท่านว่าระหว่างอยู่กับหลวงปู่ฝั้นนั้น หลวงปู่ฝั้นสอนอย่างไรบ้าง หลวงปู่เหลืองตอบทีเดียวเป็นความ ๔ ประโยค แต่ครอบคลุมพระไตรปิฎกหมด ๙๐ เล่ม หลวงปู่ฝั้นสอนง่ายๆ ว่า “ประสูติ หมายถึงลมเข้า พระวินัย หมายถึงลมออก ปรมัตถ์ หมายถึงผู้รู้ลมเข้าลมออก เป็นอันจบพระไตรปิฎก นอกนั้นเป็นแต่กิ่งก้าน”
หลวงปู่เหลือง เจริญรอยตามครูบาอาจารย์ของท่านคือ แน่วแน่กับการปฏิบัติภาวนาไม่เสื่อมคลาย อยู่อย่างสมถะ เรียบง่าย แทบไม่มีใครจำสมณศักดิ์ของท่านได้ เรียกกันแต่ว่าหลวงปู่เหลือง วัดกระดึงทอง แม้อายุของท่านจะอยู่ในวัย ๘๘ แต่ท่านก็มีสุขภาพแข็งแรงดีพอสมควร หากมีใครไปนิมนต์ท่าน ท่านก็จะรับนิมนต์ด้วยความเมตตา จึงนับได้ว่าหลวงปู่เหลือง ได้ดำรงธาตุขันธ์ และวิถีชีวิตที่เหลืออยู่ในโลกสมมตินี้อย่างสมถะและเรียบง่ายมากที่สุด
คาถาหัวใจพระพุทธเจ้าชนะมาร
เหรียญรวยมหาเศรษฐี หลวงปู่เหลือง สร้างขึ้นเพื่อบูรณะเสนาสนะภายในวัดกระดึงทอง นอกจากความงดงามการออกแบบพุทธศิลป์แล้วสิ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยยิ่งกว่า คือ พุทธคุณที่อยู่ในอักขระเลขยันต์ ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของเหรียญ โดยเฉพาะพระคาถาพาหุง หรือพุทธชัยมงคลคาถา ที่ปรากฏบนกลีบบัวด้านหลังของเหรียญที่ว่า "พา มา นา อุ กะ สะ นะ ทุ”
อุปเท่ห์ของพระคาถาพาหุง มีคติความเชื่อว่า “แม้ว่าผู้ใดได้สวดประจำสม่ำเสมอทุกวันแล้วจะเกิดสิริมงคลและแคล้วคลาดทั้งปวง เป็นสิ่งที่เป็นมงคลแห่งชีวิต และมีอานุภาพแยกกันไปทั้งแปดบท”
คาถาหัวใจพระรัตนตรัยที่ว่า “อิ สะ วา สุ” คือคาถาที่มาจาก “ธชัคคปริตร” ในส่วนที่เป็นบทพุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ คือ หัวใจคาถา อิ สวา สุ เช่น หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท ก็ใช้ยันต์ตัวนี้ในการบริกรรมเสกวัตถุมงคล โดยบริกรรมควงกัน ๓ บท คือ “อิ สวา สุ สุ สวา อิ สวา สุ อิ” กลายเป็นพระคาถาคุ้มกันภัย
อิ มาจากบทพระพุทธคุณ ๕๖ คือ อิติปิโส....
สวา มาจากบทพระธรรมคุณ ๓๘ คือ สวาขาโต....
สุ มาจากบทพระสังฆคุณ ๑๔ คือ สุปะฏิปัณโน....
รวมกันคือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ครบองค์แห่งพระรัตนตรัย และรวมคุณแห่งเลขก็จะได้ ๑๐๘ เท่ากับบทอิติปิโสรัตนมาลา ๑๐๘
ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญบูรณะเสนาสนะภายในวัดกระดึงทอง เข้าดูรายละเอียดได้ที่เฟซบุ๊ก กลุ่ม “รวย มหาเศรษฐี” หลวงปู่เหลือง วัดกระดึงทอง (by ป้อมสกลนคร)
มนต์เสน่ห์แห่งเหรียญเสมา
เหรียญรวยมหาเศรษฐี หลวงปู่เหลือง วัดกระดึงทอง จัดสร้างโดยนายเกรียงไกร จิระสวัสดิ์ตระกูล หรือ “ป้อม สกลนคร” มือวางอันดับ ๑ “อาจารย์ฝั้น-หลวงปู่ทิม” หนึ่งในเซียนพระเก่าที่ขึ้นชื่อว่าสร้างพระใหม่แล้วประสบความสำเร็จทุกรุ่น ทั้งจองหมดในเวลาอันรวดเร็วและราคาบวกขึ้นจากราคาจองหลายเท่าตัว จึงถูกยกให้เป็นกระบี่มือ ๑ แห่งวงการสร้างพระใหม่ของวงการพระเครื่องเมืองไทย
“ป้อม สกลนคร” บอกว่า จำนวนการสร้างพระออกมาแต่ละรุ่นนั้นจะพิจารณาตามความเหมาะสมและความต้องการของตลาด ณ เวลานั้น ต้องวิเคราะห์ตลาดให้ขาดว่าต้องไม่มากและไม่น้อยเกินไป สิ่งหนึ่งที่ต้องพึงระลึกอยู่เสมอว่า คณะกรรมการจัดสร้างต้องไม่เก็บพระไว้เก็งกำไร เมื่อเปิดจองต้องปล่อยพระทั้งหมดไปอยู่ในตลาด ราคาให้เป็นไปตามกลไกตลาดอย่าเก็บไว้เล่นเอง ที่สำคัญคือ นักสร้างพระอย่าขายพระแข่งกับศูนย์จอง
ทั้งนี้ “ป้อม สกลนคร” ได้เปรียบเทียบข้อได้เปรียบระหว่างเซียนพระเก่ากับนักสร้างพระใหม่ว่า "นักสร้างพระใหม่อาจจะได้เปรียบตรงที่เข้าสู่ตลาดพระใหม่ก่อนเซียนพระเก่า แต่เซียนพระเก่าเหนือกว่าตรงที่รู้ว่ารูปแบบใดโดนใจนักสะสมรุ่นใหม่ ที่สำคัญคือการตอกโค้ดและหมายเลข ทำให้การเล่นและสะสมพระง่ายขึ้น
จากการศึกษาและสะสมพระเก่ามา “ป้อม สกลนคร” บอกว่า ในบรรดารูปแบบเหรียญทั้งหมดเหรียญเสมาถือว่าเป็นเหรียญที่มีรูปแบบสวยมากที่สุดโดยเฉพาะเหรียญเสมาที่มีการลงยาจะสวยกว่าเหรียญลักษณะอื่นๆ ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งที่ชอบเหรียญเสมามากเป็นพิเศษเพราะได้แบบอย่างมาจากเหรียญเสมาหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง โดยเฉพาะเหรียญเสมาลงยา ด้วยเหตุนี้พระใหม่ที่สร้าง ๙๐% จะเป็นเหรียญเสมา