
รีวิว : Nikon D5 ขุมพลังมหัศจรรย์แห่งการรังสรรค์ภาพ
ทดสอบพลังแห่งการสร้างสรรค์ภาพ ของกล้อง Nikon D5 ท็อปออฟเดอะไลน์ ของ DSLR สายเหลือง
ชื่อของ “นิคอน” นั้น ประทับตราตรึงอยู่ในจิตใจตากล้องเมืองไทยและทั่วโลก มานาน ตั้งแต่กล้องฟิล์มรุ่นเก่าๆ ในซีรี่ส์ FE FM FM2 ที่เป็นกล้องครูของใครหลายต่อหลายคน
นอกจากนั้น นิคอนยังสร้างกล้องสำหรับมืออาชีพในซีรี่ส์ F ที่เริ่มต้นตั้งแต่ F1 จนถึง F5 ซึ่งเป็นกล้องระดับมืออาชีพรุ่นสุดท้ายก่อนที่เทคโนโลยีการถ่ายภาพจะพัดพามายังยุคของกล้องดิจิตอล ที่ใช้เซนเซอร์ในการรับภาพและบันทึกภาพถ่ายในหน่วยความจำอิเลกทรอนิคส์แทนที่จะเป็นฟิล์ม เช่นในอดีต
ดังนั้น นิคอนจึงเปลี่ยนชื่อกล้องในรุ่นมืออาชีพ จาก F เป็น D เพื่อบ่งบอกถึงตัวตนที่ชัดเจนว่านี่คือกล้อง DSLR ฟอร์แมท FX (เซนเซอร์ขนาด ฟูลเฟรม เทียบเท่ากับฟิล์ม 35 มม.) รุ่นท็อป ออฟ เดอะไลน์ ของนิิคอนนั่นเอง
วันนี้ นิคอนพัฒนากล้องซีรี่ส์ D จนถึงรุ่นที่ 5 ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดที่เข้ามาทำตลาดแทนที่ D4 ที่อยู่ในตลาดมานานพอสมควร ทั้งยังได้พัฒนายกระดับคุณสมบัติในการเก็บภาพนิ่ง ควบคู่ไปกับภาพวีดีโอ ที่ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันผลักดันให้ D5 สามารถถ่ายวีดีโอระดับ 4K ที่ให้ภาพคุณภาพสูงกันเลยทีเดียว
ผมเองไม่ใช่เป็นคนเชื่ออะไรง่ายๆ จึงขอให้ทางนิคอนส่ง D5 มาให้ทดสอบ เพื่อจะได้พิสูจน์ว่าเทคโนโลยีที่นิคอนใส่เข้ามาในกล้องตัวนี้นั้นทำอะไรได้บ้าง
ก่อนหน้านี้ ผู้เขียนเคยสัมผัสกับกล้องรุ่นเล็กของนิคอน อย่าง D 3300 และ กล้องรุ่นพิเศษอย่าง Df มาแล้ว แต่เมื่อสัมผัสกับเจ้า D5 นั้น ความรู้สึกที่ได้จับถือนั้นเปลี่ยนไปจากกล้องรุ่นอื่นโดยสิ้นเชิง ตัวกล้องมีขนาดใหญ่แต่น้ำหนักไม่มากเท่าที่น่าจะเป็น ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นการเข้าคอร์สลดน้ำหนักของนิคอน และใช้แมกนีเซียมอัลลอยด์ น้ำหนักเบาเป็นโครงสร้าง
บอดี้้บึกบึน วางตำแหน่งปุ่มใช้งานหลักไว้ในจุดที่เหมาะสมกับการใช้งาน ทั้งการถ่่ายภาพแนวตั้งและแนวนอน มีจอยสติกเล็กๆ 2 อัน อยู่ในตำแหน่งบน-ล่าง วางตัวไว้พอดีกับนิ้วโป้ง เพื่อใช้ในการปรับตำแหน่งโฟกัสที่ต้องการ หน้าจอแสดงผลหลักด้านหลังเป็นแบบสัมผัส ขนาด 3.2 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ 2.3 ล้านพิกเซลล์ ให้ภาพที่ชัดเจน สดใสเมื่อมองจากจอที่สู้แสงได้ดีมาก ไม่หวั่นเมื่อต้องทำงานในแสงสว่างสูง
ระบบออโต้โฟกัสใหม่ของ D5 ด้วยโมดุลเซ็นเซอร์ออโต้โฟกัส Multi-CAM 20K ที่มีจุดโฟกัส 153 จุด โดยมี เซ็นเซอร์แบบ cross-type 99 จุด เพื่อครอบคลุมพื้นที่โฟกัสกว้างขึ้นและเพิ่มความหนาแน่นของจุดโฟกัสเพื่อจับโฟกัสวัตถุได้แม่นยำมากขึ้น จุดโฟกัสกลางมีความสามารถในการจับโฟกัสวัตถุในสภาวะแสงน้อยถึง -4 EV ในขณะที่จุดโฟกัสอื่นเริ่มที่ -3 EV*5 ช่วยให้สามารถจับออโต้โฟกัสได้ แม้ในสภาพแสงน้อยมาก และวัตถุมีคอนทราสต่ำมาก
เซนเซอร์รับภาพ CMOS ฟอร์แมต FX และระบบประมวลผลภาพ EXPEED 5 ใหม่ ช่วยเพิ่มความสามารถบันทึกภาพด้วยค่าความไว ISO มาตรฐานสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของนิคอน ถึง ISO 102400 หรือดันสูงขึ้นถึงระดับ Hi 5 (เทียบเท่า ISO 3280000) ซึ่งสามารถใช้กับระบบถ่ายวีดีโอด้วยเช่นกัน
เจ้าD5 ตัวนี้สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้เร็ว 12 เฟรมต่อวินาที พร้อมระบบ AF และ AE ที่เหมาะกับการถ่ายภาพกีฬา และ ภาพต่อเนื่องที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว หรือจะใช้อีกทางเลือกหนึ่งคือ การถ่ายวีดีโอระดับ 4K แบบ Time Lapse แล้วมาคัดเลือกภาพที่ดีที่สุดที่ต้องการมาใช้ ระบบออโต้โฟกัสของกล้องทำงานอย่างรวดเร็วสมกับกล้องระดับโปร
ในการทดสอบ กล้อง D5 กับ เลนส์ Nikkor AF-S 70-200 F2.8 N ผมเลือกใช้สถานการณ์การถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูง เพื่อรีดประสิทธิภาพของกล้องออกมาให้ได้มากที่สุด นั่นคือ ทดลองถ่ายภาพเครื่องบินที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วราว 300 กิโลเมตรเพื่อเทค ออฟ จากพื้นสนามบินในช่วงเวลากลางคืน ทำให้ได้ใช้ทั้งระบบ Auto Focus แบบต่อเนื่อง และทดสอบความสามารถในการทำงานของ ISO ระดับ 1 แสนกว่าอย่างที่นิคอนตั้งใจทำออกมา
ผลปรากฏว่าที่ ISO 102400 นั้นทำให้ภาพในช่วงเวลา 22.00 น.ที่สว่างมากคล้ายกับช่วงโพล้เพล้ วัตถุหลักของภาพ ซึ่งก็คือเครื่องบินมีรายละเอียดดี การแพนกล้องตามเครื่องบินที่ความเร็วกว่า 300 กิโลเมตรนั้น ทำให้ได้ภาพต่อเนื่องดั่งใจ แต่ด้วยค่า ISO ที่สูงระดับนั้น ปรากฏสัญญาณรบกวน (Noise) ในระดับที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่า “กระจาย”
และเมื่อเปลี่ยนสถานการณ์การถ่ายภาพ มาเป็นการถ่ายภาพเด็ก ที่กำลังซุกซน ในช่วงกลางวัน ที่เป็นเวล่แห่งความคึกคักของเขา ทำให้ได้ภาพที่ออกมาดีมาก แม้จะแพนกล้องตามการวิ่ง และ การเดินของหลานจอมซนของผม
คุณภาพไฟล์ความละเอียด 20.8 ล้านพิกเซล ภาพออกมาดีมาก จนเรียกได้ว่าดีที่สุดเท่าที่ผมเคยถ่ายภาพมาก่อน สีผิวเกินระดับธรรมชาตินิดๆ แต่ดูมีสเน่ห์น่ามอง ภาพใส เคลียร์กระจ่าง กว่าไฟล์ภาพที่ถ่ายได้จากกล้องตระกูลอื่นๆรุ่นต่ำกว่า D อย่างชัดเจน
กล้องตัวนี้ยังมีความสามารถในการบันทึกภาพ แบบ lossless compressed RAW 12-bit ได้ต่อเนื่องสูงสุดถึง 200 ภาพ และถ่ายวีดีโอ 4K แบบ 30 FPS ซึ่งเหมาะสมกับการบันทึกภาพด้วยการ์ด แบบ QXD ที่มีความเร็วในการอ่านเขียน สูงกว่า CF ทั่วไปหลายเท่า โดยนิคอนรุ่นใหญ่นี้ มาพร้อมกับช่องเสียบการ์ดแบบเดียวกัน 2 ช่อง
ที่สำคัญการออกแบบที่ใส่ใจในรายละเอียดของนิคอน ทำให้กล้องกับเลนส์ตัวใหญ่ตัวนี้มีจุดศูนย์ถ่วงอยู่ตรงกลาง พอดี จับถือกล้องได้ไม่ต้องพะวักพะวนว่าจะหน้าเลนส์เชิด หรือกดต่ำลงไป ทั้งยังไม่ทำให้เมื่อย เมื่อจับถือกล้องพร้อมเลนส์หนักรวมกันกว่า 2 กิโลกรัมปลายๆนานๆ
ราคาตัวกล้อง Nikon D5 อยู่ที่ราว 2 แสนบาทกว่าๆ แต่สำหรับมืออาชีพ และ ผู้ที่ต้องการจะได้ภาพที่ยอดเยี่ยม น่าลงทุนครับ