ไลฟ์สไตล์

การบริหารจัดการความโลภ (๑๒)
คุณค่าแท้ คุณค่าเทียม

การบริหารจัดการความโลภ (๑๒) คุณค่าแท้ คุณค่าเทียม

06 ส.ค. 2552

เปลี่ยนวิธีในการบริโภคปัจจัยสี่ "ในหลวง" ทรงใช้คำว่า "เศรษฐกิจพอเพียง" นั่นแหละ เราจะบริโภคปัจจัยสี่อย่างไร ไม่ให้ตกเป็นทาสแห่งความโลภ มนุษย์บริโภคด้วยคุณค่า ๒ ระดับ คือ ๑.บริโภคด้วยคุณค่าแท้ ๒.สองบริโภคด้วยคุณค่าเทียม

 บริโภคด้วยคุณค่าเทียม ก็คือ คุณค่าเคลือบแฝงทั้งหมด ซึ่งไม่ใช่ประโยชน์โดยตรงของปัจจัยสี่ บริโภคโดยคุณค่าแท้ คือ ประโยชน์จริงๆ ของปัจจัยสี่ เช่น รถ คุณค่าแท้ของรถ คือ ยานพาหนะ ถ้าเราบริโภคด้วยคุณค่าแท้ รถญี่ปุ่นเราก็นั่งได้แล้ว แต่ถ้าเราบริโภคด้วยคุณค่าเทียม เราจะนั่งรถที่ผลิตในเอเชียไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด ถึงขั้นโวยวายเลยล่ะ

 ครั้งหนึ่ง มีคนโทรศัพท์ไปหาอาตมา พระอาจารย์ครับ เจ้านายให้จัดรถไปรับพระอาจารย์ พระอาจารย์จะนั่งรถญี่ปุ่น หรือรถยุโรป

 อาตมาบอกว่า โยมขอแค่มีรถ อาตมาก็พอใจแล้ว  สบายๆ คือ ญาติโยมคิดในเชิงคุณค่าเทียมว่า พระที่มีชื่อเสียงต้องพอฟัดพอเหวี่ยงกับรถที่จะไปรับอาตมานี้ มันพวกคุณค่าแท้

 เพราะอาตมาออกมาจากบ้าน อาตมาไม่มีรถเลย ตัวคนเดียว มาอยู่กรุงเทพฯ ไปยืนที่ป้ายรถเมล์ แล้วมีรถเมล์ให้อาตมาได้ขึ้นฟรี อาตมาก็ขอบบุญขอบคุณไม่รู้เท่าไหร่แล้ว อันนี้ให้เลือกว่า จะเอารถจากเอเชียหรือยุโรป อาตมาจึงบอกว่า เอาแค่รถก็พอ พระต้องการอะไรที่ง่ายๆ แค่นั้น

  ที่นี่ ถ้าเราบริโภคด้วยคุณค่าเทียมล่ะ เป็นไง เราก็ต้องวิ่งตามแนวโน้มของตลาด ของแฟชั่น ของคนดัง ของรุ่นที่กำลังฮิตที่สุดในเวลานั้น เงินที่ไหนล่ะจะพอรองรับความอยากของคน

 อาตมาท้าได้เลย คนที่อยากมีรถยุโรป พอมีสักหนึ่งคัน  อีกห้าปีก็อยากมีคันใหม่ พอมีคันใหม่ ก็อยากจะเปลี่ยนจากรถเยอรมันไปเป็นรถประเภทอื่นบ้าง แล้วสั่งจากสวิตเซอร์แลนด์บ้าง สั่งจากที่โน้นที่นี่บ้าง
 
 บันไดของความอยาก ไม่เคยมีจุดจบ มันเป็นทศนิยมไม่รู้จบ ความอยาก คือ ทศนิยมไม่รู้จบ ไม่มีเบื้องต้น ไม่มีเบื้องปลาย ถ้าเราตามมันไปก็ตายเปล่า

 อย่างนาฬิกาเรือนหนึ่ง คุณค่าแท้ของนาฬิกา คือ บอกเวลา
 นาฬิกาทั่วโลก ไม่มีนาฬิกาเรือนไหนแพงที่สุดกับถูกที่สุด สามเรือน ๙๙ บาท ที่คลองถม มี ๒๔ ชั่วโมงเท่ากัน ไม่เกินไปจากนี้หรอก

 ถ้าเราเอาคุณค่าแท้ ก็คือ นาฬิกากี่บาทเราก็ใช้ได้ พอบอกเวลาเป็น และเดินตรงก็ใช้ได้
 นาฬิกาที่แพงที่สุด กับนาฬิกาที่ถูกที่สุด ถ้ามันเดินตรงเหมือนกัน ก็ใช้ได้แล้ว นี่คือคุณค่าแท้
 ส่วนคุณค่าเทียม คืออะไร เป็นของแบรนด์เนม ของแพง ของที่ซูเปอร์สตาร์กำลังใช้อยู่ ของที่ไฮโซระดับโลก เช่น ปารีส ฮิลตัน กำลังใช้อยู่

 อาตมภาพเคยดูสารคดีห้องแต่งตัวของ มารายห์ แครี  มีรองเท้าส้นสูง ๒,๐๐๐ คู่ แต่ละคู่เอามาซื้อรถญี่ปุ่นหนึ่งคันได้เลย ใช้ของดีทั้งหมด

 ถ้าคุณมีปัญญาหาเงินได้ขนาดนั้น คุณใช้ไปเถอะ พุทธศาสนาไม่ว่า แต่พุทธศาสนาจะตำหนิก็ต่อเมื่อ รายได้ต่ำ รสนิยมสูง นั่นมันไม่สมดุล ถ้าคุณมีเงินมีทอง มีปัญญาหาได้ คุณก็ทำไปเถอะ 

 ฉะนั้น บริโภคปัจจัยสี่ให้เอาคุณค่าแท้เป็นเกณฑ์ อย่าไปวิ่งตามคุณค่าเทียม และมานิยามความสุขใหม่

 ทุกวันนี้ มนุษย์ถูกหลอกว่า ความสุขจะเกิดขึ้นต่อเมื่อบริโภคมากที่สุด จึงเกิดลัทธิบริโภคนิยมใช่ไหม คนทุกคนไม่สามารถมีความสุขด้วยการนั่งนิ่งๆ

 เชื่อไหม ทุกท่านในห้องนี้ อาตมภาพเชื่อมั่นว่า หนึ่งคนหนึ่งโทรศัพท์มือถือ ใช่ไหม อาตมาขอถามหน่อย ถ้าว่างคุณทำอะไร หยิบโทรศัพท์มามอง มองแล้วก็กด เดี๋ยวก็เล่นเกม เดี๋ยวก็ส่งข้อความ โทรหา

 เครื่องแพงแค่ไหนก็ตาม ประโยคเริ่มต้นคือ ฮัลโหล อยู่ไหน มีแค่นี้ใช่ไหม ไม่ได้มีประโยชน์ไปมากกว่านี้จริงๆ และพอโทรศัพท์ไม่มี ทำท่าจะเป็นจะตาย

 อาตมภาพเคยเห็นลูกศิษย์คนหนึ่งไปหาอาตมาที่กุฏิแล้วลืมโทรศัพท์ไว้ในรถ แล้วเพื่อนก็ขับกลับไปที่มหาวิทยาลัยแล้ว ทำท่าเหมือนองค์ลงประทับเลย  โทรศัพท์ไม่อยู่ เหมือนคนเสี้ยนยา ขาดความเชื่อมั่นไปหมด นี่แค่ลืมนะ ไม่ใช่หาย ก็ยังขนาดนี้

 คนเจริญเพราะขึ้นกับวัตถุ ถ้าเราเอาความสุขของเราไปนิยาม โดยอิงกับวัตถุ คุณจะสูญเสียศักยภาพในการมีความสุข

"ว.วชิรเมธี"