
สบส.เผยวิธี"หักดิบ"ช่วยเลิกบุหรี่ได้ผลสูง
สธ.-สสส.ค้นนักสูบ 3 ล้านคนเลิกบุหรี่ เทิดไท้องค์ราชัน ตั้งเป้า 3 ปี ดึงพลังหมออนามัย-อสม.ขับเคลื่อน สบส.เผยใช้วิธีหักดิบเลิกบุหรี่ได้ผลสูง
เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) แถลงข่าว “โครงการ 3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่วไทย เทิดไท้องค์ราชัน”ว่า เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลราชสมบัติครบ70 ปี ในปี 2559 และเนื่องในโอกาสทรงมีพระชนมายุครบ 90 พรรษา ในปี 2560 และ61พรรษในปี 2561 สธ. ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) และภาคีเครือข่ายหมออนามัยและอาสาสมัครสาธารณสุขประหมู่บ้าน(อสม.) จัดโครงการ3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่วไป เทิดไท้องค์ราชัน เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยจะใช้พลังเครือข่ายหมออนามัยและอสม.เป็นผู้ดำเนินการในระดับพื้นที่ เพื่อชักชวน เชิญชวน ท้าชวนให้ประชาชนเลิกบุหรี่พร้อมลงชื่อสมัครใจเลิกบุหรี่ รวมถึง แนะนำให้เลิก ป้องกันการกลับไปสูบ เพราะมีความใกล้ชิดกับประชาชนในหมู่บ้าน ถือเป็นจุดแข็งในการควบคุมยาสูบและดูแลสุขภาพคนที่เกี่ยวข้องกับยาสูบ โดยตั้งเป้าหมายให้มีผู้เลิกสูบบุหรี่อย่สงต่อเนื่องให้ได้ไม่นอ้ยกว่า 6 เดือนหรือตลอดชีวิตให้ได้ 3 ล้านคน ในเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2559-2561 และจะนำรายชื่อทั้ง 3 ล้านคนที่เลิกบุหรี่ขึ้นทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต่อไป
ปลัดสธ. กล่าวอีกว่า จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่าในปี 2558 ประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไปเป็นผู้สูบบุหรี่ 11.7 ล้านคน ผู้ชายสูบมากกว่าผู้หญิง 20 เท่า เสียชีวิตจากโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ในกลุ่มคนอายุ 30 ปีขึ้นไป 50,710 คน คิดเป็น ร้อยละ12 ของการตายทั้งหมด โรคที่พบมาก ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง 11,895 คน มะเร็งปอด 11,742 คน หัวใจและหลอดเลือด 11,666 คน และมะเร็งอื่นๆ 7,244 คน ขณะที่ผลกระทบจากการประมาณการความสูญเสียทางเศรษฐศาสตร์จากโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่อยู่ที่ 5.2 หมื่นล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ 0.5 ของจีดีพี โดยคิดเป็นค่าใช้จ่ายทางตรงทางการแพทย์เท่ากับ 10,137 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายที่เกิดจากความสูญเสียทางเศรษฐกิจคิดเป็นร้อยละ 13 ของค่าใช้จ่ายทางด้านสุขภาพทั้งหมด และร้อยละ 73 ของงบประมาณทางด้านสาธารณสุข
ดร.นพ.บัณฑิต ศรไพศาล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. กล่าวว่า การใช้เครือข่ายหมออนามัยและอสม.มาเป็นพลังขับเคลื่อนในโครงการนี้จะประสบความสำเร็จได้สูง เนื่องจากสามารถเข้าถึงประชาชนได้ทุกคน ทุกบ้าน เครือข่ายแน่นยิ่งกว่าเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์ เข้าถึงทุกซอก ทุกมุม โดยปัจจุบันมีอสม.ราว 1.4 ล้านคน หากคิดจากประเทศไทย มี 7,000 ตำบล 8 หมื่นกว่าหมู่บ้าน อสม.10-15 คนดูแล 1 หมู่บ้าน แต่ละคนไปชักชวนคนที่สูบบุหรี่ให้เลิกสัปดาห์ละ 2 คน ด้วยการนำคนเหล่านั้นออกกำลังกายทุกสัปดาห์เป็นเวลา 4 เดือน และหากใน 4 คนมีคนเลิกได้ 1 คน ภายใน 6 เดือนน่าจะมีคนเลิกบุหรี่ได้ราว 80 คนต่อตำบล ทั่วประเทศจะคิดเป็น 56,000 คนที่เลิกได้ ซึ่งจะเป็นเป้าหมายในปีแรกของโครงการ จะประกาศรายชื่อของปี 2559ในวันงดสูบบุหรี่โลกปี 2560 จากนั้นในปีที่ 2พ.ศ. 2560 จะเพิ่มคนเลิกสำเร็จอีก 1.5 ล้านคน และปีที่ 3 พ.ศ.2561 เพิ่มอีก 1 ล้านคน สะสมรวม 3 ปี 3 ล้านคน
ด้านนพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) กล่าวว่า ในปี 2558 อสม.ได้ร่วมกับกรมจัดโครงการรณรงค์เฝ้าระวังเพื่อเลิกบุหรี่ เนื่องในโอกาสฉลอง 60 พรรษาสมเด็จพระเทพรัตนฯ โดยใช้พลัง อสม. ด้วยการขอให้ อสม.1 คน ขอให้คนเลิกบุหรี่ 1 คน ตั้งเป้าหมาย 1 แสนคน พบว่ามีประชาชนเข้าร่วมและสามารถเลิกบุหรี่ได้ภายใน 3 เดือน 60,000 กว่าคน คิดเป็น 64 % และในจำนวนนี้เลิกได้ด้วยตนเองหรือหักดิบโดยไม่ต้องใช้สารทดแทนหรือยาถึง 85 % วิธีการที่ใช้ คือ อสม.สำรวจเฝ้าระวังคนที่สูบบ้าง ชักชวนให้เลิกบุหรี่ ให้กำลังใจ ใส่ใจติดตามดูแล เพราะการให้กำลังใจและมีผู้ใส่ใจจะช่วยให้เลิกบุหรี่สำเร็จ ดังนั้น เชื่อว่าการใช้พลังอสม.ร่วมกับหมออนามัยในการขับเคลื่อนให้คนเลิกบุหรี่ 3 ล้านคนภายใน 3 ปีจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน



