
ฝีมือช่างศิลป์ชาวไร่นา จากศาสตร์ศิลปาชีพ
26 พ.ค. 2559
ศิลปวัฒนธรรม : ฝีมือช่างศิลป์ชาวไร่นา จากศาสตร์ศิลปาชีพ
นับเป็นความตื่นตาที่ชักชวนให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป ได้หลงอยู่ในดินแดนของงานศิลป์ ทั้งงานปั้น ภาพวาด และงานถักร้อยนานาชนิดกว่า 2,000 ชิ้น ถูกวางเรียงรายให้จดจ้อง และจับจองกันได้ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของลูกหลานชาวนาไทยในงาน “นิทรรศการฉลองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี พุทธศักราช 2559” บริเวณชั้น 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถจัดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานฝีมือพื้นบ้าน หรือหัตถศิลป์ชั้นสูง และนวัตกรรมใหม่ๆ ก็เอามาอวดโฉมให้เป็นที่ประจักษ์ในความสามารถของนักเรียนใน 32 แผนก ได้เป็นอย่างดี

โดยงานนี้ได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ ธานินทร์ กรัยวิเชียร องค์มนตรี และรองประธานมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เป็นประธานเปิดงาน ร่วมชมผลงานของช่างฝีมือในโครงการที่ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ พล.อ.เธียร์ศักดิ์ พะลายานนท์ ในฐานะรองประธานกรรมการบริหารศูนย์ศิลปาชีพ บางไทร เผยว่า ปัจจุบันมีนักเรียนในศูนย์ประมาณ 250 คน มีช่างที่ช่วยฝึกสอนในแต่ละแผนกต่างๆ อาทิ ช่างหัวโขน, ช่างบาติก, ช่างเครื่องปั้นดินเผา, ช่างเป่าแก้ว, ช่างเครื่องยนต์ ตลอด 36 ปี ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงได้จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมศิลปาชีพ จัดหาอาชีพให้ราษฎรลูกหลานชาวไร่ชาวนา ได้มีการพัฒนามาโดยตลอดเวลา เดิมมีแค่ 2 แผนก ขนาดนี้ได้ขยายเป็น 30 แผนกให้ครอบคลุมกับสังคมยุคเออีซี อย่างน้อยผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก็มีคุณภาพที่ดี เป็นที่ต้องการของตลาดโลกได้

“อาชีพหัตถศิลป์เหล่านี้เป็นความรู้ที่ติดตัวคนคนหนึ่งไปได้ทุกที ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็สามารถทำงานช่วยเหลือครอบครัวได้อย่างภาคภูมิใจ ซึ่งที่นี่เป็นโรงเรียนเราไม่สามารถผลิตของได้จำนวนมากๆ แบบโรงงาน เราหวังให้นักเรียนได้มีความรู้ไปใช้ได้ทุกที่ มีหลายครั้งที่ชาวต่างชาติสนใจผลิตภัณฑ์เราไม่ว่าจะเป็นงานเป่าแก้ว งานเพ้นท์ผ้าบาติก และงานปั้นต่างๆ ก็มาขอให้ทางศูนย์ทำให้จำนวนมากๆ เราก็สามารถทำให้ได้เป็นครั้งคราวหากนักเรียกมีเวลาเหลือจากการฝึกฝีมือมากเพียงพอ ทุกครั้งทุกคนจะรู้สึกภูมิใจที่ผลงานของเขาได้รับความสนใจ เป็นกำลังใจที่ดีต่อยอดให้เขานำไปพัฒนาเป็นอาชีพส่วนตัวในอนาคตได้ เช่น นำทักษะการวาดภาพเหมือนไปวาดภาพคน และวิว ตามสถานที่ท่องเที่ยว หรือ นำทักษะการเป่าแก้วทำเป็นของประดับตกแต่งบ้านในสร้างเอกลักษณ์งานของตัวเองจนมีการสั่งทำจำนวนมาก ช่างเขียนลายไทยก็ได้รับเชิญให้ไปเขียนตามโบสถ์ บูรณะวัดเก่าต่างๆ ทุกคนมีหนทางในฝีมือของตัวเอง คนฝีมือดีหน่อยก็ชอบที่จะเป็นครูถ่ายทอดผลงานให้คนรุ่นหลัง อย่างช่างหัวโขนเพราะเขาได้ซึมซับมีความภูมิใจในหัถศิลป์และต้องการอนุรักษ์ศาสตร์เหล่านี้ไว้ตราบนานเท่านาน” พล.อ.เธียร์ศักดิ์ กล่าว

สำหรับผลงานเด่นที่น่าสนใจและรังสรรค์มาเพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี โดยเฉพาะ คือ ภาพพระบรมสาธิลักษณ์จากผ้าไหมเนื้อดีในชื่อ “ล้นเกล้าฯ ” โดย อ.ประภา เวชวงศ์วาน แห่งแผนกช่างตัดเย็บและปักจักร สร้างสรรค์โดยการนำเศษผ้าไหมมาย้อมสี ม้วนขดกันเป็นวงกลมและวางเรียงเป็นรูปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขนาด 20x26 นิ้ว อาจารย์เล่าว่า ใช้เวลาสร้างภาพนี้เป็นเวลากว่า 2 เดือน โดยเวลาว่าหลังการเรียนการสอนมาร่วมกันทำผลงานนี้ขึ้น ซึ่งเทคนิคการม้วนผ้านี้ได้นำมาต่อยอดออกเป็นผลงานโต๊ะรับแขกจากผ้าไหมจากเหล่านักเรียนในแผนกที่ใช้เวลาว่างช่วยกันทำขึ้น เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่มีความแปลกตา สวยงาม และใช้งานได้จริง ทำจากผ้าลินินตัดเป็นเส้น ซ้อนทับกับผ้ากาวทำปกเสื้อ ม้วนให้เป็นขดแข็งและเย็บติดกันอีกชั้นไม่ให้ผ้าปลิ้นออกมา จากนั้นนำมาวางเรียงกันเป็นโครงสร้างฐานโต๊ะตามที่ต้องการ เชื่อมด้วยกาวอย่างดีก็จะได้ฐานที่แข็งแรง รับน้ำหนักได้เยอะ เมื่อวางกระจกใสทับจะได้โต๊ะรับแขกที่สวยงาม งานชิ้นที่อาจารย์ผู้คิดค้นยิ้มบอกว่าไม่ได้หวังรายได้ให้ตัวเองจากการประดิษฐ์ แต่หวังให้เป็นไอเดียและแรงบันดาลใจแก่นักเรียนและผู้พบเห็น ให้รู้ว่าเศษผ้าสามารถสร้างสรรค์เป็นผลงานอื่นๆ ได้เยอะ มากกว่าการตัดเย็บ สามารถนำไปต่อยอดเป็นกิจการของตัวเองได้

อีกผลงานคือประติมากรรมเครื่องเคลือบดินเผา “พอเพียง เพียงพอ” อ. พนม เสมาทอง หัวหน้าแผนกเล่าว่า เป็นงานที่ได้แรงบันดาลใจากหลักปรัชญาในการครองราชย์ของในหลวง ในด้านต่างๆ มาใส่เป็นลายเส้นตัวอักษรบนชิ้นงานดินเผา รูปทรงคล้าย งอบ เครื่องใช้เกษตรกรรมของคนไทย ถ่ายทอดองค์ประกอบ ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นชั้นๆ สะท้อนให้เห็นความเป็นอยู่อุดมสมบูรณ์และพอเพียงของคนไทยอย่างที่พ่อหลวงปูทางเอาไว้

“ปัจจุบันผมเลือกไปอาจารย์สอนงานปั้นที่ศูนย์ศิลปาชีพ เพราะอยากรับใช้และสานต่อความต่องการของในหลวง และ สมเด็จพระราชินี ที่อยากให้ประชาชนมีอาชีพมีความรู้ที่มั่นคง ลูกหลานชาวนา เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จากวิชาชีพที่ติดตัวมา ผมเชื่อว่าศิลปะอยู่กับตัวเราทุกคนสามารถเรียนรู้กันได้ได้ไม่ยาก นักเรียนทุกคนก็มีสไตล์ผลงานแตกต่างกันไปผมมีหน้าที่ให้เทคนิคความรู้ ซึ่งเขาจะสามารถนำไปผสมกับความเป็นตัวของตัวเองต่อยอดเป็นผลงานที่หาเลี้ยงชีพได้ ดีใจที่ได้เอาความรู้มาถ่ายทอดสร้างโอกาสให้คนอื่นมากขึ้น ดีกว่าเก็บไว้เองคนเดียว” อ.พนม เผยด้วยความภูมิใจ
ยังมีสุดยอดผลงานจากความตั้งใจของช่างแผนกต่างๆ ให้ได้ชื่นชมและอุกหนุนอีกมากมาย จนถึงวันที่ 29 พฤษภาคม นี้ รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ส่วนหนึ่งจะนำทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยเสด็จพระราชกุศลเพื่อบำรุงศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ ต่อไป