
หอบฝันไปพิชิตเอเวอร์เรส
หอบฝันไปพิชิตเอเวอร์เรส : เรื่องนพพร วิจิตร์วงษ์
“อีม ซัมมิตแล้ว”
เสียงหมออีมรอดมาตามโทรศัพท์สัญญาณดาวเทียม เพื่อแจ้งข่าวกับเพื่อนที่ฐานเบสแคมป์
เสียงของเธอเบา ฟังแล้วรับรู้ถึงความเหนื่อย แต่ก็เปี่ยมพลังด้วยความยินดี เพราะซัมมิตที่ว่าก็คือ จุดสูงสุดของยอดเขาเอเวอร์เรส ซึ่งมีระดับความสูง 8,850 เมตร หลังออกเดินทางจากเบสแคมป์ในช่วงสุดท้ายเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา หรือเมื่อ 5 วันก่อนที่เธอจะพิชิตยอดสูงสุดสำเร็จในเวลา 09.45 น. ของวันที่ 19 พฤษภาคม 2559 ตามเวลาท้องถิ่นเนปาล
ถึงวันนี้ ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมาย หมออีม หรือ ทันตแพทย์หญิง นภัสพร ชำนาญสิทธิ์ จะกลับลงจากยอดเขาเอเวอร์เรส ลงมาถึงเบสแคมป์ ที่ระดับ 5,000 กว่าๆ เมตร เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคงจะส่งรูปที่ขึ้นไปยืนบนยอดเอเวอร์เรสให้ได้ดูกัน ก่อนจะกลับมาถึงเมืองไทยปลายเดือน ขณะที่เพื่อนคอยให้กำลังใจ เพราะจะสำเร็จได้สมบูรณ์แบบ ก็ต้องกลับลงมาอย่างปลอดภัยด้วย เนื่องจากขาลงยากและอันตรายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
ไม่ใช่คนไทยคนแรก...แต่เธอคือ ผู้หญิงไทยคนแรก ที่ขึ้นถึงซัมมิต ที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในโลกสำเร็จ โดยคนไทยคนแรกที่ขึ้นถึงยอดนี้จากฝั่งเนปาล คือ "หนึ่ง" วิทิตนันท์ โรจนพานิช (22 พ.ค.2551) และเป็นคนที่พิชิตยอดเขาสูงสุดของแต่ละทวีปที่ได้ชื่อว่า เซเว่น ซัมมิต ( 7Summits of the world) มาแล้ว ตามมาด้วย นพ.อาคม กิจวนิชประเสริฐ (21 พ.ค.2554) โดยขึ้นจากฝั่งทิเบต ประเทศจีน (ซึ่งก็นับเป็นคนแรกของไทยที่ขึ้นจากด้านนี้สำเร็จ) รวมทั้งยังเคยมีสาวไทยใจแกร่งที่ผ่านการพิชิตยอดเขาสูงมาหลายต่อหลายลูก ก็พยายามจะพิชิตยอดเขาสูงแห่งนี้มาแล้วเช่นกัน ชื่อ “กิ่งแก้ว บัวตูม” แต่ไปได้ไกลสุดที่แคมป์ 1 (ความสูงประมาณ 7,000 เมตร) เมื่อปี 2540
หมออีม วัย 32 ปี พกความฝันที่ยิ่งใหญ่ไปเนปาลพร้อมกับเป้ใบใหญ่ และคู่หูที่มีอายุห่างกันเกินสองเท่าตัว คือ คมรัฐ พิชิตเดช ( 65 ปี) หรือที่ใครๆ ในแวดวงทัวร์เดินป่าและอีโค่ทัวร์ มักจะเรียกกันว่า ป๋าคมรัฐ ซึ่งคร่ำหวอดอยู่กับวงการท่องเที่ยวแนวผจญภัย ทั้งเข้าป่าลึก ขึ้นเขาสูง มาหลายสิบปี
ทั้งคู่มารู้จักกันจากทริปปีนยอดเขาคินาบาลู ประเทศมาเลเซีย โดยป๋าคมรัฐเป็นคนจัด หมออีมเป็นลูกทัวร์ และนั่นเองเป็นจุดเริ่มต้นของหมอสาวออกท่องเที่ยว เดินป่า ปีนเขา ไปจนถึงการวิ่งมาราธอน และวิ่งเทรลกับกลุ่มเพื่อนๆ ที่รักชอบการท่องเที่ยวแนวผจญภัยด้วยกัน
แล้วฝันของการเดินทางขึ้นยอดเอเวอร์เรสของคนทั้งคู่ก็มาถึง การเดินทางครั้งนี้ ไม่ได้ไปกันตามลำพัง หากแต่กลุ่มเพื่อนๆ คอยช่วยกันสนับสนุนระดมทุน ที่ไม่ใช่การไปขอเงินหรือขอรับบริจาค แต่เป็นการผลิตเสื้อออกขาย จัดชมหนังโรง กระทั่งจัดวิ่งเทรลมาราธอน พอที่จะรวบรวมปัจจัยเพื่อไปล่าฝันครั้งนี้ ชนิดว่าใช้เวลาเตรียมตัวทั้งกำลังกาย กำลังใจ และกำลังเงินเป็นปีๆ
การเตรียมพร้อมร่างกายเป็นสิ่งสำคัญ วิ่งมาราธอน เป็นตัวเลือกที่คนทั้งคู่ใช้เสริมสร้างความฟิต ความแข็งแกร่งของร่างกาย ควบคู่ไปกับการดูแลรักษาสุขภาพ
แล้ววันเดินทางก็มาถึง 27 มีนาคม 2559 เพราะกะเวลาช่วงขึ้นยอดจะเป็นราวๆ เดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงที่น่าจะปลอดโปร่งที่สุดของสภาพอากาศบนเทือกเขาสูงแห่งนี้ ทั้งคู่พร้อมสัมภาระ ขึ้นเครื่องบินไปตั้งต้นที่กรุงกาฐมาณฑุ นครหลวงของเนปาล เพื่อเตรียมพร้อมอุปกรณ์ และการทำเรื่องของอนุญาต ติดต่อทีมงานเชอร์ปา และเริ่มซ้อมพลังกับเทือกเขาหิมะ
10 วัน ใช้เวลาไปกับการขึ้นยอดโท-รง (Thorong Peak) ที่มีความสูงแตะระดับ 6,000 เมตร ของเทือกเขาหิมาลัย เพื่อปรับตัวด้วย แล้วยังได้เก็บเกี่ยวความสวยงามของเส้นทางที่ได้ชื่อว่า เป็นเส้นทางสายคลาสสิกแห่งหนึ่ง ที่เข้าถึงไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายนัก
ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี แม้จะขลุกขลักอยู่บ้างเนื่องจากพายุ ลมแรง แต่ทุกอย่างยังอยู่ในแผนการเดินตามความฝัน
20 เมษายน หมออีมและป๋าคมรัฐ เริ่มภารกิจแรก นั่งเครื่องบินจากกาฐมาณฑุไปตั้งต้นที่ลุคลา (Lukla) เมืองเล็กๆ กลางหุบเขาที่ระดับความสูงมากกว่า 2,800 ม. โดยร่วมทีมไปกับ แบล็กไดม่อน ที่เลือกทั้งคู่เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์
จากลุคลา เริ่มต้นการเดินทางไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ ผ่าน พักดิง (Phakding) 2,610 ม. นับเป็นเส้นทางที่สวยงาม มีทั้งโตรกธาร และผาสูง เห็นเทือกเขาหิมะอยู่ลิบๆ ก่อนจะขึ้นไปถึงตลาดนัมเช จุดชมวิวยอดเอเวอร์เรส และเทือกเขาหิมะที่สวยจุดหนึ่ง
ผ่านไป 4 วัน ยิ่งระดับความสูงเพิ่มขึ้น อากาศก็ยิ่งเบาบาง แต่ในที่สุดก็ไต่ระดับขึ้นไปถึงเบสแคมป์ (5,270 ม.) ซึ่งเป็นเหมือนฐานที่มั่นของการเตรียมพร้อมร่างกายเพื่อขึ้นไปพิชิตยอดเอเวอร์เรส แต่ทั้งคู่ยังดูสดชื่น
มาถึงเบสแคมป์เลยได้พักร่างกาย 1 วัน ก่อนเข้าสู่วันของการเทรนนิ่ง การจะขึ้นยอดไปใช่ว่าจะขึ้นได้เลย แต่ทุกคนต้องใช้อุปกรณ์ได้ ดูแลตัวเองเป็น เพราะโอกาสเผชิญกับสิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แม้กระทั่งเรื่องของสุขภาพที่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศเลวร้าย หรือกระทั่งเป็นโรคแพ้ความสูง ทั้งที่ไม่เคยมีประวัติแถมยังเป็นคนแข็งแรงก็ตาม...เอเวอร์เรส ไม่ใช่แค่มีเงินก็ไปได้!!
ป๋าคมรัฐคอยส่งข่าวให้เพื่อนทางเมืองไทยได้รับทราบความเคลื่อนไหวผ่านทางเฟซบุ๊กเป็นระยะ ซึ่งป๋าบอกว่า เขาให้พัก แต่ไม่ใช่นั่งๆ นอนๆ ต้องซ้อมเดินขึ้น-ลงเขา ซ้อมการเดินด้วยรองเท้าตะปู ซ้อมการใช้อุปกรณ์ทั้งหลาย ขาดไม่ได้คือเดินสะพานข้ามหุบเหว
การฝึกซ้อมร่างกายจนกว่าจะอยู่ตัว ใช้เวลากว่าเดือน ฝึกขึ้นลง ระดับ 7000 ม. หลายรอบ และวันที่รอคอยก็มาถึง
14 พฤษภาคม ทั้คู่เริ่มออกเดินทางจากเบสแคมป์ มุ่งหน้าขึ้นไปพักที่แคมป์ 1 ก่อนจะเดินทางไปพักที่แคมป์ 2 อีก 2 วัน แล้วต่อไปพักแคมป์ 3 และไปรอขึ้นยอดเอเวอร์เรสที่แคมป์ 4 ความสูง 8,000 ม. ซึ่งช่วงแคมป์ 3 นี่เอง ที่ป๋าคมรัฐขอถอนตัว เนื่องจากสภาพร่างกายรับภาระหนักติดต่อกันมานานจนเริ่มอ่อนล้ามาก พอประเมินแล้วเห็นว่าอันตรายเกินไป จึงขอถอนตัวกลับลงมารอที่เบสแคมป์
แล้วยังมีเรื่องเล่าด้วยว่า ช่วงที่ขึ้นถึงแคมป์ 2 เกิดเหตุระทึก เฮลิคอปเตอร์กู้ภัยต้องมารับตัวนักปีนเขา 2 คน ที่เกิดอาการแพ้ความสูงอย่างรุนแรง
คืนวันที่ 18 พฤษภาคม หมออีมพร้อมด้วยถังออกซิเจนที่พกไปเพียง 1 ถังกับทีมเชอร์ปาก็พร้อมสำหรับภารกิจสุดท้าย นั่นคือเดินสู่ดินแดน Death Zone ที่เป็นช่วงร่างกายปรับระดับอะไรไม่ได้อีก หลายคนไม่ผ่านจุดนี้ แล้วยังต้องข้ามผ่านอุปสรรคสำคัญ ฮิลลารี่ สเต็ป ที่ตั้งตามชื่อเซอร์ เอ็ดมันด์ ฮิลลารี่ ที่มาเจออุปสรรคจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดที่จุดนี้ และขึ้นสู่ South Summit พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ โดยใช้เวลาเดินทางตลอดทั้งคืน จนสำเร็จเป้าหมายในเวลา 09.45 น. ของวันรุ่งขึ้น ใช้เวลาขึ้น-ลง แคมป์ 4 ร่วม 20 ชั่วโมง
หมออีมเคยเขียนบันทึกถึงความฝันที่ยิ่งใหญ่ของเธอว่า ภูเขาลูกแล้วลูกเล่าผ่านเข้ามา เป็นดั่งครู เขาค่อยๆ ขัดเกลาจนเธอกลายเป็นคนอีกคน...
เอเวอร์เรส คงเป็นครูที่ดุไม่น้อย และเคี่ยวกรำจนเธอฝ่าฟันไปถึงฝัน และเป็นฝันที่เขาแห่งนี้ต้องจารึกชื่อประเทศไทย และสาวไทยใจแกร่งคนนี้ให้ทั่วโลกได้รู้จัก
.......................................
ภาพ:Thai Everest2016 (https://www.facebook.com/projectthaieverest)



