
ทวาย...เมืองเกษตรกรรมที่จะถูกแปลงโฉม
20 พ.ค. 2559
ทำกินถิ่นอาเซียน : ทวาย...เมืองเกษตรกรรมที่จะถูกแปลงโฉม : โดย ... รศ.สมพร อิศวิลานนท์
ในอดีตเขตตะนาวศรีของพม่าหรือเมียนมาร์ในปัจจุบัน ซึ่งประกอบด้วยเมืองทวาย มะริด และตะนาวศรี เคยเป็นดินแดนแหล่งการค้าในฝั่งอันดามันและเชื่อมโยงระหว่างหัวเมืองในบริเวณทะเลจีนใต้และอ่าวไทยกับหัวเมืองในอ่าวเบงกอลของอินเดียตะวันออกซึ่งได้แก่ อินเดียและศรีลังกา มาแต่โบราณ ทั้งเมืองมะริด ทวาย และตะนาวศรี เคยเป็นเมืองชายแดนของอาณาจักรสุโขทัยและอยุธยามาก่อนแต่ก็ต้องตกไปอยู่ภายใต้การครอบครองของพม่าเมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยา
ต่อมาในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 เมื่ออังกฤษเข้ามาครอบครองอินเดียและศรีลังกาในยุคของการล่าอาณานิคมได้ถือเอาดินแดนเมืองมะริด ทวายและตะนาวศรี เข้ารวมไว้ในอาณานิคมของอังกฤษ เมื่อพม่าได้รับเอกราชดินแดนดังกล่าวจึงอยู่ในการครอบครองของพม่าและรวมกันเป็นเขตตะนาวศรีในปัจจุบัน
ทวายมีทั้งพื้นที่ราบลุ่มซึ่งใช้เพาะปลูกข้าวอันเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัด นอกจากข้าวแล้วพื้นที่ดอนและพื้นที่ตามไหล่เขาจะถูกใช้ในการเพาะปลูกยางพารา หมาก และในพื้นที่ชายทะเลบางแห่งมีการปลูกมะม่วงหิมพานต์และมะพร้าว ในแถบชายฝั่งทะเลก็จะมีการทำประมงขนาดเล็ก เนื่องจากทวายอยู่ห่างไกลจากกรุงย่างกุ้งประมาณ 614 กิโลเมตร การคมนาคมที่ไม่สะดวกทำให้เป็นอุปสรรคในการขนส่งสินค้า
การค้าขายของเมืองทวายจึงเป็นการค้าขายแลกเปลี่ยนภายในเมืองและหัวเมืองใกล้เคียงเป็นสำคัญ ส่วนยางพาราและหมากมีการรวบรวมเพื่อการส่งออกอยู่บ้าง สำหรับภาคอุตสาหกรรมและภาคการบริการท่องเที่ยวในทวายยังมีสัดส่วนทางเศรษฐกิจไม่มาก ทำให้เศรษฐกิจของเมืองพึ่งพิงอยู่กับภาคการเกษตรและขยายตัวเติบโตไปอย่างช้าๆ
การเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนของเมียนมาร์นับตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา ทำให้ประชาคมอาเซียนครอบคลุมประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมดอันนำไปสู่การเป็นแหล่งผลิตและตลาดการค้าร่วมกันภายในภูมิภาค และถึงแม้ว่าระดับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจของเมียนมาร์จะอยู่ในระดับที่ช้าและต่ำกว่ากลุ่มประเทศสมาชิกผู้ก่อตั้ง แต่ความมั่งคั่งด้านทรัพยากรธรรมชาติของเมียนมาร์มีมาก จึงน่าจะเป็นแหล่งของวัตถุดิบขั้นต้นให้แก่กลุ่มประเทศอาเซียนอื่นๆ
ความตกลงร่วมมือระหว่างไทยและเมียนมาร์ในการจัดทำโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจทวาย เป็นจุดเปลี่ยนเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญในพื้นที่ภาคใต้ของเมียนมาร์ อีกทั้งกำลังเป็นกลไกกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเมืองทวายและรวมถึงเขตตะนาวศรี เพราะภายใต้ความร่วมมือดังกล่าวนอกจากจะมีโครงการจัดสร้างท่าเรือน้ำลึกทวายแล้ว ยังจัดให้มีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีต่างๆ และการแปรรูปอาหารภายในโครงการ โดยมีพื้นที่รวมประมาณ 4 แสนไร่ พร้อมๆ กับการจัดสร้างเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงระหว่างทวายกับกาญจนบุรีและเชื่อมต่อผ่านกัมพูชาไปจนถึงเวียดนามตอนใต้ เกิดเป็นแลนด์บริดจ์ใหม่ที่สำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การพัฒนาท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมภายใต้โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายหากเป็นผลสัมฤทธิ์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเส้นทางด้านโลจิสติกส์เชื่อมต่อการค้าภายในภูมิภาค เกิดเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าแหล่งใหม่ให้แก่ภูมิภาคเอเชียและของโลก ซึ่งแต่เดิมการขนส่งสินค้าจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปยังยุโรป แอฟริกา หรือตะวันออกกลางและเอเชียใต้จะต้องขนส่งผ่านทางช่องแคบมะละกา ใช้ระยะเวลาที่นานถึงสองสามสัปดาห์ ถ้าหากเกิดท่าเรือน้ำลึกทวายตามโครงการจะช่วยร่นระยะเวลาการขนส่งและขนถ่ายสินค้าจากทะเลจีนใต้มายังทะเลอันดามัน หรือจากเวียดนามมายังเมียนมาร์ได้รวดเร็วขึ้นและลดค่าใช้จ่ายในการกระจายสินค้าได้มากขึ้น
ในอนาคตเมืองทวายจากที่มีเกษตรกรรมเป็นฐานคงจะถูกแปลงโฉมไปสู่การเป็นเมืองท่าการค้าและอุตสาหกรรมที่สำคัญของภูมิภาคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
--------------------
(ทำกินถิ่นอาเซียน : ทวาย…เมืองเกษตรกรรมที่จะถูกแปลงโฉม : โดย ... รศ.สมพร อิศวิลานนท์)