เครื่องรางแห่งโภคทรัพย์และเสี่ยงโชค'มาแรง!'สำนักอ.คม | คมชัดลึก

           ในปัจจุบันมีฆราวาสที่ถูกยกให้เป็น “จอมขมังเวทย์” ท่านหนึ่งมีโดยเฉพาะชาวจีนยกย่องให้เป็น “ปรมาจารย์” ท่านหนึ่งเลยทีเดียวคือ “อ.คม ไตรเวทย์” ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณวัดบางกุ้งใต้ ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี โดยท่านได้ศึกษาเวทมนตร์คาถาต่างๆ ควบคู่ไปกับการเข้าฌานฝึกพลังจิต กระทั่งมีวิทยาอาคมแก่กล้า ปลุกเสกวัตถุมงคลเข้มขลังของจริง จนกลายเป็นที่ยอมรับนับถือของบรรดาลูกศิษย์ไทยและต่างประเทศ ถึงกับถูกยกให้เป็น “ฆราวาสผู้เรืองวิทยาอาคมแห่งเมืองสุพรรณบุรี”

           สำหรับวัตถุมงคลที่ขึ้นชื่อว่ายอดนิยมมากที่สุดมี ๒ อย่าง กุมารทอง ว่ากันว่าจำนวนการจัดสร้างน่าจะเกินหลักหลายหมื่นตน และ เดือยงูเหลือม เกือบหมื่นซึ่งเป็นเครื่องรางที่มีคติความเชื่อว่า “มีคุณทางโภคทรัพย์และการเสียงโชค”

           โดยที่มาของชื่อกุมารทองนั้น อ.คม บอกว่า ขณะที่ปั้นกุมารทองนั้นเกิดนิมิตขึ้นเองว่ากุมารทองแต่ละตนเกิดขึ้นมาเอง ขณะเดียวกันบางครั้งชื่อได้มาจากช่างที่นำไปหล่อ หล่อถอดแบบ ซึ่งเป็นเช่นนี้มาทุกรุ่น เช่น สามสหาย ประกาบฟ้า แดงน้อย เทียนชัย ประกายมุข ประกายมาศ ปิ่นทอง ปิ่นเพชร ปิ่นมณี พรายดำ เป็นต้น
          
           วัสดุที่นำมาทำเป็นกุมารทองส่วนใหญ่เป็นเนื้อเรซิ่น มีเป็นบางรุ่นที่ใช้ดินอาถรรพณ์จากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่ดีดูมีความขลัง ซึ่งไม่สามารถปั้นให้สวยงามได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นเนื้ออะไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือกุมารเนื้อเรซิ่น มีประสบการณ์ทุกด้านเป็นที่เลื่องลือในหมู่ลูกศิษย์ ซึ่งเป็นเรื่องแปลกกุมารทองเนื้อโลหะจะไม่ค่อยมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์

           ส่วน “เดือยงูเหลือม” นั้น อ.คม บอกว่า เป็นเครื่องรางชนิดหนึ่งที่มีคติความเชื่อว่าสรรพคุณดี โภคทรัพย์ เสี่ยงโชค เสี่ยงทาย สามารถสะกดฝ่ายตรงข้ามได้ ดีในด้านการทำมาค้าขายคือมักจะมีลูกค้าเข้ามาหาเอง ดีด้านเมตตามหาเสน่ห์

           ตำนานแห่งการใช้เดือยงูเหลือมเป็นเครื่องรางนั้น เกิดจากการสังเกตของคนโบราณที่เข้าไปหาของป่า ซึ่งได้เห็นงูเหลือมบ่อยๆ เพราะว่ากันว่าเดือยงูเหลือมนี้จะมีเฉพาะงูที่แก่มากแล้วเท่านั้น ทั้งนี้ เดือยจะโผล่ยาวออกมาทั้งสองข้างบริเวณสะดือ (ช่องขับถ่าย) เมื่องูเลื้อยไปเรื่อยๆ หากเดือดไปเกี่ยวกับหญ้า หรือรากไม้เข้า ณ ที่ใด มันจะหยุดเพราะไม่ช้าบริเวณนั้นจะมีสัตว์มาให้กินเรียกว่า “ติดตรงไหนรอตรงนั้น”

           เมื่อคนโบราณสังเกตเห็นบ่อยๆ เข้า เมื่องูตายก็มาผ่าท้องดูก็คิดว่าน่าจะเป็นเดือยก็เอามาใช้พกติดตัวไม่ต้องปลุกเสกกำกับคาถา คนที่ออกหาปูหาปลาสมัยก่อนก็จะพกติดตัวไปด้วยก็จะได้ปลามากกว่าคนอื่น ในขณะแม่ค้าหาบของขายก็จะผูกเดือยงูเหลือมไว้ที่ปลายไม้คานก็จะขายของดี จากเรื่องเล่าดังกล่าวจึงเป็นความนิยมกันมาถึงทุกวันนี้

           ทั้งนี้ อ.คม มักบอกผู้ที่ไปเช่าวัตถุมงคลเสมอๆ ว่า “ผมไม่ใช่เป็นผู้วิเศษ เป็นเพียงสะพานและสื่อวิญญาณให้ครูบาอาจารย์ที่จะรับความศักดิ์สิทธิ์จากครูบาอาจารย์ให้ประดิษฐานในสิ่งหนึ่งสิ่งใดในพิธีกรรมที่กระทำเท่านั้น ความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคลนั้นเกิดจากบารมีของครูบาอาจารย์ บวกกับเวทมนตร์คาถา และบารมีที่เราปฏิบัติโดยการอธิษฐานบุญเข้าไปในวัตถุมงคล”

           ส่วนเงินที่ได้จากการใช้บูชาวัตถุมงคลนั้น อ.คม บอกว่า จะแบ่งเป็น ๓ ส่วน คือ ๑.ใช้เป็นทุนในการสร้าง เพราะไม่มีใครสร้างให้ ยิ่งสร้างสวยยิ่งมีต้นทุนสูง ๒.ใช้เลี้ยงปากท้องและครอบครัว และ ๓.บำรุงพระพุทธศาสนา และสร้างสาธารณกุศล แม้จะไม่ใช่พระภิกษุสงฆ์ก็จะยึดหลักที่ว่า “โลกอย่าให้ซ้ำ ธรรมอย่าให้มัวหมอง”

           ปัจจุบัน อ.คม สร้างสถานปฏิบัติธรรมโดยใช้ชื่อว่า “ธรรมสถานแก่นธรรม บารมีพ่อแก่” ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ตั้งอยู่บนพื้นที่ธรณีสงฆ์ซึ่งเป็นวัดสร้างมาหลายรอยปีแล้ว เมื่อสร้างศาสนสถานเสร็จจะจดทะเบียนเป็นมูลนิธิโดยใช่ชื่อว่า “มูลนิธิธรรมสถานแก่นธรรม” เพื่อดูแลรักษาสถานที่แห่งนี้ให้คงอยู่ตราบนานเท่านาน

          
๑๙-๒๑ งานไหว้สาบูรพาจารย์

           สำนักสักยันต์ อ.คม จะมีรูปแบบลายยันต์ต่างๆ มากมายหลายร้อยยันต์ อ.คม บอกว่า ที่ห้ามเด็ดขาด คือ ๑.ห้ามด่าพ่อล้อแม่ หมิ่นบุพการีชน ๒.ห้ามมีชู้กับเมียคนอื่น ห้ามข่มขืนกระทำชำเรา และ ๓.ห้ามหมิ่นครูบาอาจารย์และพระสงฆ์ผู้ทรงศีล ถ้าใครทำยันต์จะเสื่อมทั้งหมด เหลือแต่รูปยันต์ซึ่งไร้ความศักดิ์สิทธิ์

           อย่างไรก็ตามแม้ว่าในวันไหว้ครูจะมีคนมาร่วมงานจำนวนมาก รวมทั้งมีผู้เดินทางมาสักยันต์จำนวนมาก แต่ อ.คม จะไม่เรียกบุคคลเหล่านี้ว่าลูกศิษย์เลย โดยจะเรียกว่า “ผู้ที่เคารพนับถือซึ่งกันและกัน” ส่วนลูกศิษย์จริงๆ นั้น มีไม่กี่คน ผู้ที่เป็นลูกศิษย์นั้นหมายถึง “ผู้ที่เคารพนับถือ มาคอยรับใช้ มาเรียนรู้วิชา และครอบครูประสิทธิ์ประสาทวิชาให้”

           ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ นี้ ขอเชิญสานุศิษย์และสาธุชนทุกท่านร่วมมหาพิธีศักดิ์สิทธิ์ครั้งยิ่งใหญ่ ไหว้ครูประจำปี ณ ธรรมสถานแก่นธรรม บารมีพ่อแก่ โดยมีกำหนดการดังนี้

           วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ พฤษภาคม เวลา ๐๙.๑๙ น. เปิดพิธีสักยันต์ประจำสำนัก ยันต์มหาลาภ ยันต์มหาเสน่ห์-ยันต์พลิกดวงร้ายกลายเป็นดี (พิธีสักมีตลอดวันและตลอดงาน)

           วันศุกร์ที่ ๒๐ พฤษภาคม เวลา ๐๙.๑๙ น. ทำพิธีสักการะพระพุทธสิหิงคามหามุนีตรีโลกเชษฐ์ และพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ในสำนัก เวลา ๑๐.๐๐ น. พิธีถวายมหาสังฆทาน ๑๐ ทิศ เวลา ๑๔.๐๐ น. พุทธาภิเษกปลุกเสกมงคลวัตถุต่างๆ เวลา ๑๙.๐๐ น. พิธีนพพระเคราะห์เสริมดวง เปิดขุมทรัพย์ เวลา ๑๙.๐๐ น. เวียนเทียนวันวิสาขบูชา เวลา ๒๐.๐๐ น. ฟังพระอภิธรรม เวลา ๒๑.๐๐ น. พระเถราจารย์ สวดคาถามหามงคลบทต่างๆ ๑๐๘ จบ

           วันเสาร์ที่ ๒๑ พฤษภาคม เวลา ๗๐๐ น. ทำบุญถวายภัตาหารเช้า ๐๙.๑๙ น. ทำพิธีบวงสรวงไหว้ครูบูรพาจารย์ และครอบเศียรครู

           ผู้มีจิตศรัทธาร่วมพิธีสอบถามข้อมมูลได้ที่ “ธรรมสถานแก่นธรรม บารมีพ่อแก่” โทร.๐๘-๑๕๘๖-๔๔๙๕ และ ๐๙-๙๑๓๒-๗๕๙๕ หรือ “www.ahchankhom.com ”

๒๒ พ.ค. วัดเขาน้อยคีรีวันหล่อพระใหญ่ ๑๙ เมตร

           “วัดเขาน้อยคีรีวัน” ตั้งอยู่ที่ ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ปัจจุบันมีพระอาจารย์นวน ขนฺติพโล เป็นเจ้าอาวาส

           พระอาจารย์นวน บอกว่า วัดเขาน้อยแห่งนี้มีลักษณะภูมิประเทศเป็นเนินเขาสูง มีป่าไม้เบญจพรรณลำต้นใหญ่ขึ้นอยู่มากมาย เป็นที่เงียบสงบ โดยหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ ท่านเห็นว่า ที่แห่งนี้น่าจะเป็นสถานที่เหมาะสมแก่การปฏิบัติธรรม และเจริญกรรมฐานเป็นอย่างมาก

           จากการสร้างศรัทธาชาวบ้านที่เริ่มจากกุฏิไม้หลังเดียว ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ได้รับการพัฒนาขึ้น จนคณะสงฆ์โดยมหาเถรสมาคมอนุญาตให้ตั้งเป็นวัดประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา และแถลงการณ์คณะสงฆ์ ตั้งชื่อว่า “วัดเขาน้อยคีรีวัน” ถือว่าเป็นวัดโดยถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ มีเนื้อที่ครั้งแรกทั้งหมด ๘ ไร่ ขณะนี้กำลังก่อสร้างอุโบสถเพื่อประโยชน์ในการบำเพ็ญกุศล ทำสังฆกรรมอุปสมบทแก่กุลบุตรผู้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา

           อย่างไรก็ตามในวันอาทิตย์ที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๙ นี้ เวลา ๑๖.๔๙ น. วัดจัดให้มีงานบุญเทปูนหล่อพระพุทธเมตตา ขนาดหน้าตัก ๑๙ เมตร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก

           สำหรับการเดินไปวัดแห่งนี้ เมื่อถึง จ.ชลบุรี ให้ใช้ถนนบายพาสไปเส้นทางสี่แยกบ้านบึงประมาณ ๑๒ กิโลเมตร จากสี่แยกบ้านบึง (สี่แยกเอ็ม ๑๖) ไปอีก ๓ กิโลเมตร จะเห็นซุ้มประตูเข้าวัด ระยะทางเข้าวัดประมาณ ๕ กิโลเมตร หรือสอบถามเส้นทางได้ที่ โทร. ๐๘-๔๗๓๗-๘๙๙๙