ไลฟ์สไตล์

ผ่อนผันค่าเทอม-ให้ทุนยากจนมาตรการอุ้มผู้ปกครองรับเปิดเทอม

ผ่อนผันค่าเทอม-ให้ทุนยากจนมาตรการอุ้มผู้ปกครองรับเปิดเทอม

16 พ.ค. 2559

ผ่อนผันค่าเทอม-ให้ทุนยากจนมาตรการอุ้มผู้ปกครองรับเปิดเทอม : เกศกาญจน์ บุญเพ็ญรายงาน

           ในภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง รายได้ไม่สัมพันธ์กับค่าครองชีพ ที่พาเหรดปรับตัวเพิ่มขึ้น การใช้จ่ายต้องคิดให้หนักกว่าปกติ จ่ายเฉพาะที่จำเป็น ยิ่งครอบครัวใดที่มีลูกวัยเรียนก็ถือว่าหนัก ยิ่งวันเปิดเทอม 16 พฤษภาคม 2559 พ่อแม่ผู้ปกครองจำต้องพึ่งโรงรับจำนำ แลกทรัพย์สินเป็นเงินเพื่อการศึกษาของลูก

           โครงการเรียนฟรี เรียนดี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ รัฐอุดหนุน ชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียน หนังสือ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง แต่ “การลงทุนเพื่อการศึกษา” ผ่านห้องเรียนพิเศษต่างๆ เป็นอีกปัจจัยที่ผู้ปกครองยุคดิจิทัลทำเพื่อลูก อาทิ เรียนห้องเรียนอิงลิชโปรแกรม จ้างครูสอนภาษาชาวต่างประเทศ นวัตกรรมใหม่ๆ ห้องเรียนติดแอร์ พ่อแม่ผู้ปกครองต้องจ่ายเงินเพิ่ม

           ดร.กล้าศักดิ์ จิตต์สงวน ผู้อำนวยการโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) บอกชัดเจน แนะนำว่า สภาวะเศรษฐกิจฝีดทั่วโลก ทุกโรงเรียนเข้าใจถึงความจำเป็นของผู้ปกครอง ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายต่างๆ มากขึ้น หากผู้ปกครองมีความจำเป็นไม่สามารถจ่ายค่าเทอมได้ทั้งหมดในคราวเดียว ควรติดต่อกับทางโรงเรียนเพื่อขอผ่อนจ่ายได้ อาทิ จ่ายเป็นรายเดือน หรือจะทยอยจ่ายให้ครบภายภายในเทอมนั้นๆ ก็ได้ ขอแค่มาคุยกันให้ชัดเจน ถ้าครอบครัวที่มีฐานะยากจนจริงๆ ก็อาจจะขอยกเว้นได้ แต่ยืนยันว่านักเรียนทุกคนต้องได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพเท่าเทียมกัน

           ทั้งนี้ การกำหนดรายการและอัตราการเรียกเก็บเงินบำรุงการศึกษานั้น สถานศึกษาทุกแห่งจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) กำหนด ซึ่งต้องคำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจ โดยทุกโครงการที่จะขอเก็บค่าใช้จ่ายต้องเขียนรายละเอียด เหตุผลความจำเป็นที่ชัดเจน จากนั้นนำเสนอให้คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียนพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน และนำเสนอไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) อนุมัติ ซึ่งในเขตพื้นที่ฯ อาจจะไม่พิจารณาตามที่ขอไปทุกโครงการ หรืออาจจะพิจารณาตัดทอนรายจ่ายบางรายการลงได้ ก่อนจะส่งเรื่องกลับมายังโรงเรียนประกาศให้ผู้ปกครองรับทราบ ส่วนเงินที่ได้รับจากผู้ปกครองทุกคนจะถูกจัดเก็บเป็นรายได้ของสถานศึกษา และผู้ปกครองจะได้รับใบเสร็จทุกครั้ง

           การเก็บเงินบำรุงการศึกษาจะไม่มีการบังคับ เป็นไปตามความสมัครใจ ผู้ปกครองสามารถเลือกให้ลูกได้รับบริการในทุกรายการ หรือเลือกบางรายการที่เห็นว่าจำเป็นก็ได้ อย่างที่โรงเรียนบดินทรเดชาฯ ผมจะประชุมกับผู้ปกครองชี้แจงทำความเข้าใจแต่ต้นว่าเก็บเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง บางรายการก็เก็บเพียงครั้งเดียว อาทิ ตรวจสุขภาพ บางรายการต้องเก็บทั้งสองเทอม อาทิ จ้างครูต่างชาติ ล่าสุดปีการศึกษา 2559 นักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 จ่ายค่าเทอมคนละ 3,300 บาท ม.4 คนละ 3,600 บาท ทั้งนี้ ยอมรับว่าโรงเรียนบดินทรเดชาฯ มีปัญหาดังกล่าวน้อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มี บางรายผมเคยลงไปเยี่ยมบ้านพบว่าครอบครัวลำบากมาก หาเช้ากินค่ำ กลับมาผมทำเรื่องยกเว้นค่าเทอมก็มีและยังหาทุนให้ด้วย เพราะฉะนั้น ผมเชื่อว่าไม่มีผู้บริหารคนใดอยากจะขูดรีดเอาเป็นเอาตายกับผู้ปกครอง และก็พร้อมให้การศึกษาที่ดีแก่เด็กทุกคน” ดร.กล้าศักดิ์ กล่าว

           ด้าน นายชลำ อรรถธรรม ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สนผ.) สพฐ. กล่าวว่า ปกติแล้วการเก็บเงินบำรุงการศึกษา จะทำเฉพาะในโรงเรียนที่มีขนาดใหญ่ มีชื่อเสียง มีความพร้อมและมีศักยภาพ และต้องการเพิ่มเติมคุณภาพการศึกษาให้แก่นักเรียนด้วยรูปแบบต่างๆ เป็นกรณีพิเศษ ซึ่งงบประมาณที่รัฐอุดหนุนให้อาจไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องขอความร่วมมือจากผู้ปกครองขอสนับสนุนค่าใช้จ่ายในรายการอื่นๆ ที่นอกเหนือจากที่รัฐจัดให้เป็นกรณีพิเศษ ตามประกาศ ศธ. เรื่องเงินบำรุงการศึกษาของสถานศึกษาในสังกัด ศธ. ซึ่งในแนบท้ายของประกาศจะกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาไว้ให้ อาทิ ห้องเรียนอิงลิชโปรแกรม ระดับก่อนประถมศึกษา-ม.ต้น เก็บไม่เกิน 35,000 บาทต่อคนต่อเทอม ม.ปลาย ไม่เกิน 40,000 บาทต่อคนต่อเทอม ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ต้องเก็บไม่เกิน 2,000 บาทต่อคนต่อเทอม

           ขณะที่ ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า มีข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการว่าสัดส่วนการกู้ยืมเพื่อลงทุนทางการศึกษา ครอบครัวยากจน 52% ปานกลาง 27% และมีฐานะ 19% จะเห็นได้ว่าทุกครอบครัวยอมลงทุนเพื่อการศึกษา สะท้อนว่าเรียนฟรีไม่ฟรีจริง ช่วงเปิดเทอมพ่อแม่จะเดือดร้อนที่สุดต้องเตรียมหาเงินเป็นค่าใช้จ่ายในการเรียน ขณะที่ค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนลำพังแค่ค่าครองชีพ เคาะตัวเลขคร่าวๆ อยู่ที่เดือนละ 2,500 บาทไม่รวมค่าเรียนพิเศษ ค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษาอื่นๆ ตรงนี้ครอบครัวฐานะยากจนจะได้รับผลกระทบมาก ดังนั้น รัฐบาลควรต้องทบทวนนโยบายเพื่อหาทางช่วยเหลือ อาทิ ตั้งกองทุนการศึกษาช่วยเด็กยากจน กำหนดเส้นความยากจน 1.5 แสนบาทต่อปี สามารถกู้เรียนได้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย เป็นต้น ตรงนี้จะช่วยดึงเด็กให้อยู่ในระบบการศึกษาได้มาก 22-25% ลดปัญหาเด็กออกกลางคัน รวมถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้

           “เปิดเทอมเป็นช่วงที่พ่อแม่หวานอมขมกลืน ต้องหาเงินสุดชีวิตเพื่อการศึกษาของลูก โดยไม่ให้ลูกรู้ว่าตัวเองลำบากแค่ไหน จึงไม่แปลกใจที่ได้เห็นภาพพ่อแม่เดินเข้าโรงรับจำนำ หรือไปกู้หนี้นอกระบบซึ่งดอกเบี้ยสูง ตรงนี้ถ้าเป็นไปได้ผมอยากเสนอให้รัฐเข้ามาดูว่าถ้ากู้มาเพื่อลงทุนการศึกษาประสานให้โรงรับจำนำปรับลดดอกเบี้ยได้หรือไม่ ขณะเดียวกันต้องเปลี่ยนทัศนคติเด็ก อย่าเอาแต่เรียน แต่ให้ทำงานพิเศษที่เหมาะสมกับวัย เปิดเทอมมาเขาก็จะมีรายได้จากที่ทำงานมาใช้จ่ายส่วนหนึ่ง เป็นการแบ่งเบาภาระพ่อแม่ ที่สำคัญเวลานี้รัฐมีโครงการประชารัฐมีภาคเอกชนมาร่วมขับเคลื่อน ควรใช้โอกาสนี้ ขอความสนับสนุนในด้านอุปกรณ์ ทุนการศึกษาแก่เด็กที่ด้อยโอกาส ซึ่งภาคเอกชนก็ได้ประโยชน์สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้” ศ.ดร.สมพงษ์ ให้ข้อเสนอแนะ