ไลฟ์สไตล์

นั่งรถไฟไป'แฟรงก์เฟิร์ต'

นั่งรถไฟไป'แฟรงก์เฟิร์ต'

01 พ.ค. 2559

นั่งรถไฟไป'แฟรงก์เฟิร์ต' : เที่ยวนี้ขอเล่า โดยกาญจนา หงษ์ทอง

             เมืองบางเมือง ที่บางที่ เราก็เห็นเขาเป็นแค่ทางผ่านมาตลอด จึงได้รู้จักกันอย่างผิวเผินและฉาบฉวย ครั้นพอได้เข้าไปคลุกคลีตีสนิทอย่างจริงจัง จึงพบว่า เขาน่าคบหาจะตายไป

             แฟรงก์เฟิร์ต (Frankfurt) ก็เป็นแบบนั้นแหละ ที่ผ่านมาสารภาพว่าฉันรู้จักเมืองนี้แบบฉาบฉวยมาตลอด ทั้งที่เทียวไปเทียวมาเยอรมนีนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ใช้แฟรงก์เฟิร์ตเป็นทางผ่านไปหาเมืองโน้นเมืองนี้

             กระทั่งครั้งนี้ ที่ตั้งใจใช้เวลากับแฟรงก์เฟิร์ตอย่างจริงจัง จึงนั่งรถไฟข้ามจากฝรั่งเศสไปหาเมืองใหญ่ของเยอรมนีแห่งนี้

             พูดถึงรถไฟยุโรป (www.raileurope.co.th) นั้น ไม่ว่าจะนั่งฝั่งฝรั่งเศสหรือเยอรมนีก็สะดวกสบาย ตรงเวลาทั้งนั้น เที่ยวนี้ฉันใช้บริการตั๋วรถไฟยุโรปแบบ Eurail global pass ซึ่งจะนั่งไปไหนในยุโรปอีก 20 กว่าประเทศก็ทำได้ ขอแค่มีเวลาเที่ยวเป็นพอ

             เมื่อมาถึงสถานีรถไฟประจำเมืองแฟรงก์เฟิร์ต ต้องหาทางลงไปต่อรถไฟ S-Bahn ไปอีก 2 สถานี

             นั่งแค่ประเดี๋ยวเดียว ก็เห็นป้ายของโรงแรมสุดฮิพอย่าง Capri by Fraser Frankfurt (http://frankfurt.capribyfraser.com/en) แขวนอยู่ลิบๆ แค่ผลักประตูเข้าไปก็แทบร้องว้าว เป็นที่พักที่ไม่ใช่แค่ทันสมัยเท่านั้น แต่บรรยากาศการตกแต่งด้านใน ไล่ไปตั้งแต่ล็อบบี้ ห้องอาหาร ไปยันห้องพักเท่เก๋ และสะดวกสบายสุดๆ

             ส่วนการดีไซน์ภายในห้องพัก ต้องบอกว่าเป็นที่พักที่ไม่ได้มีแค่เตียงนอนสบายๆ แต่ลักษณะห้องเหมือนเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ที่มีครัว ไมโครเวฟ และมีอุปกรณ์ทำครัวให้ครบครัน เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเดินทางที่อยากจะมองหาที่พักแสนสบายและทำเลดี ใจกลางเมืองแฟรงก์เฟิร์ต

             ที่จริงแฟรงก์เฟิร์ตเป็นเมืองใหญ่ จึงมีที่พักให้เลือกหลากหลายระดับและหลายทำเล คลิกไปสำรวจได้ที่เว็บไซต์จองที่พักอโกดา (www.agoda.com) ที่ให้เรตติ้งและบอกทำเลเอาไว้อย่างละเอียด

             ก็บอกแล้วว่ามาแฟรงก์เฟิร์ตเที่ยวนี้กะว่าเที่ยวแบบจริงจัง เลยมุ่งหน้าไปตั้งหลักที่ใจกลางเมืองแถวย่านจัตุรัสรือเมอร์ แต่ไม่รู้อีท่าไหน โผล่จากรถไฟใต้ดินมาจึงเป็น ถนนไซล์ ซึ่งเป็นถนนสายช็อปปิ้งของแฟรงก์เฟิร์ตที่แออัดไปด้วยผู้คน

             ย่านนี้มีช็อปปิ้ง คอมเพล็กซ์หลายแห่งเช่น Galeria Kaufhof, Karstadt, Zeilgalerie และ MyZeil

             นั่นทำให้เห็นเลยว่า ถึงแฟรงก์เฟิร์ตจะไม่ใช่สวรรค์ของนักช็อป แต่แฟรงก์เฟิร์ตก็เป็นเมืองที่เหมาะจะเดินทอดน่องช็อปปิ้งได้อย่างสนุกสนานไม่แพ้เมืองไหนในเยอรมนี

             จากถนนไซล์ คราวนี้เดินซอกแซกไปหา จัตุรัสรือเมอร์  ลัดเลาะแค่ไม่กี่อึดใจก็ถึงสะดือเมืองของแฟรงก์เฟิร์ต

             ที่นี่คือจัตุรัสห้าเหลี่ยมที่เก่าแก่ที่สุดในแฟรงก์เฟิร์ต และเคยเป็นตลาดและชุมทางการค้าตั้งแต่ปีค.ศ. 1480 มีโบสถ์ที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 และ 15 ที่จริงถูกทำลายช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปซะเยอะ แต่ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ ซึ่งก็ยังคงรักษาเค้าโครงแบบดั้งเดิมเอาไว้

             ที่จริงมุมนี้เป็นย่านเมืองเก่าที่มีอาคารเก่าแก่แบบนีโอโกธิกตั้งเรียงรายอยู่ แต่ทุกวันนี้กลายเป็นคาเฟ่และร้านรวงอยู่รายรอบจัตุรัสเกือบหมดแล้ว จะมีอยู่มุมหนึ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ ที่นั่นคือทาวน์ ฮอลล์ สไตล์โกธิกอันเก่าแก่ ฝั่งตรงข้ามเป็น ฮิสทอริชเชอ ออสไซเลอร์ บ้านโครงไม้สมัยกลางที่มีความงดงามเป็นเอกลักษณ์ ได้รับการบูรณะเป็นอย่างดี

             และตรงกลางจัตุรัสก็น่ามองเพราะมีน้ำพุแห่งความยุติธรรม (Gerechtigkeitsbrunnen) ทอดตัวอยู่

             นอกจากอาคารงดงามเก่าแก่ห้อมล้อมอยู่ ละแวกนั้นมีทั้งโบสถ์เซนต์พอล ที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ที่เคยเป็นรัฐสภาแห่งแรกของเยอรมัน โบสถ์เลออนฮาร์ด อันเก่าแก่ตั้งแต่สมัยโรมานีค-โกธิกตอนปลาย หรือสร้างประมาณปีค.ศ. 1219 ที่ได้รับการบูรณะอย่างดี แต่ต่อมาช่วงศตวรรษที่ 15 เปลี่ยนมาสร้างแบบโกธิก

             แต่ที่ฉันเร่งฝีเท้าไปหา ก็คงเป็นโดม โบสถ์หลักของเมืองที่สร้างแบบโกธิก ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 14 ตั้งอยู่ไม่ไกลจากจัตุรัสรือเมอร์ ในช่วงปีค.ศ. 1562-1792 ใช้โบสถ์แห่งนี้เป็นสถานที่ทำพิธีราชาภิเษกกษัตริย์แห่งจักรวรรดิโรมัน

             เดินละจากย่านเมืองเก่าไป ก็เห็นแม่น้ำไมน์ทอดตัวอยู่ และแน่นอนว่าเมื่อยืนอยู่กลางสะพานที่พาดผ่านแม่น้ำไมน์ ก็จะเห็นตึกสูงระฟ้าตั้งเรียงรายอยู่ มุมนี้นี่เองที่ทำให้หลายคนเรียกแฟรงก์เฟิร์ตว่าแมนฮัตตันแห่งเมืองเบียร์
 
             ภาพของการเป็นเมืองธุรกิจการค้า และศูนย์กลางทางการเงินของประเทศและของยุโรปคมชัดมากขึ้น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าแบงก์ใหญ่ๆ ในยุโรปจำเป็นต้องมีสำนักงานในแฟรงก์เฟิร์ต ตลาดหุ้นของเยอรมนี และตลาดค้าเงินตราต่างประเทศก็อยู่ที่นี่เช่นกัน

             นอกจากจะมีระบบสาธารณูปโภคที่เหนือชั้น ยังเป็นศูนย์กลางการคมนาคมและทางการบิน มีสนามบินใหญ่ที่สุดในเยอรมันและใหญ่เป็นอันดับสองของยุโรปรองจากฮีทโธรว์ในลอนดอน ขณะที่แต่ละวันมีผู้คนสัญจรไปมาทางรถยนต์และรถไฟกว่า 6 แสนคน เท่าๆ กับตัวเลขผู้คนที่อยู่อาศัยในเมืองนี้

             การจัดงานแสดงสินค้าสำคัญระดับโลกก็ล้วนแต่มาใช้แฟรงก์เฟิร์ตเป็นสถานที่จัดงานทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นงานแฟรงก์เฟิร์ต ออโต้ โชว์ งานบุ๊ก แฟร์ และงานสินค้าตกแต่งบ้านที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรปก็จัดขึ้นที่นี่

             เรียกได้ว่า แฟรงก์เฟิร์ตเป็นเมืองแห่งความอุดมสมบูรณ์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไมน์ที่ไหลผ่าน กลางเมือง และช่างเป็นเมืองที่มีความขัดแย้งกันอยู่ในตัวหลายประการ บางมุมเต็มไปด้วยตึกระฟ้าหากแต่ใกล้ๆ กันยังเป็นอาคารเก่าแก่ยังคงมีให้เห็น อาจจะดูเป็นเมืองใหม่ แต่ในโซนของเมืองเก่าก็เต็มไปด้วยมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่ตกทอดมาจากอดีต

             อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำไมน์ ยังเป็นย่านพิพิธภัณฑ์ที่คนรักความสุนทรีย์มาท่องพิพิธภัณฑ์กันได้อย่างเต็มอิ่มแน่

             เป็นแฟรงก์เฟิร์ตที่ต่างจากทุกเที่ยว เพราะเป็นเที่ยวที่ได้ใช้เวลาจนสนิทกับแฟรงก์เฟิร์ตมากขึ้น จึงพบว่า เมืองนี้มีดีกว่าจะนั่งรถไฟผ่าน