
ชิลริมทะเลชิมอาหารอิตาเลียน
ชิลริมทะเลชิมอาหารอิตาเลียน : ชวนชิม เรื่องโดยรพินทร์ ศรีวิไล
ไม่รู้ทำไมนะหน้าร้อนทีไรต้องนึกถึงทะเลเป็นอันดับแรกทุกครั้งไป คงจะเข้าทำนอง “นึกไม่ออกบอกทะเล” ก็น่าจะได้ ครั้งนี้ขอเป็นจังหวัดที่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานครอย่าง ระยอง แล้วกัน หาดทราย สายลม ของที่นี่ช่วยให้ซัมเมอร์นี้สดชื่นได้ไม่แพ้ที่ไหน มีที่เที่ยว มีที่พักแล้ว อีกเรื่องสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือเรื่องกิน มาทีไรก็จัดเต็มกับซีฟู้ดนานาชนิด ปิ้ง ย่าง เผา คราวนี้ต้องลองเปลี่ยนรูปแบบบ้างละ มาลงตัวที่อาหารอิตาเลียนกับห้องอาหารนัมเบอร์ 43 อิตาเลียน บิสโทร โรงแรมแคนทารี เบย์ ระยอง
ห้องอาหารสไตล์อิตาเลียนที่โรงแรมแห่งนี้ การันตีความอร่อยจากเชฟ จิโอวานนี ซาลิเซ ชาวอิตาเลียน ขอบอกประวัติสักเล็กน้อยว่า หนุ่มอิตาเลียนผู้นี้สั่งสมประสบการณ์การทำอาหารเมื่อครั้งยังเป็นนักเรียนจนได้เปิดร้านพิซซ่าเล็กๆ เป็นของตัวเอง จากนั้นตัดสินใจเดินทางไปหลายประเทศและร่วมงานกับร้านอาหารชื่อดังหลายแห่งในตำแหน่งพ่อครัว ปัจจุบันเป็นเชฟอยู่ที่ห้องอาหารนัมเบอร์ 43 อิตาเลียน บิสโทร เคป เฮ้าส์ หลังสวน กรุงเทพฯ และแวะเวียนมาเทรนด์ฝีมือให้เชฟที่สาขาระยองอยู่บ่อยครั้ง
เอาล่ะไม่รอช้าขอประเดิมเมนูแรกด้วย ปลาแซลมอนซอสเนยมะนาว เนื้อปลาสีส้มห่อด้วยฟอยล์แล้วนำไปอบ ปรุงรสด้วยเลมอนกับไวน์ขาว ช่วยดับกลิ่นคาวของปลา คลุกเคล้ามากับผักต่างๆ อย่าง กะหล่ำดอก บร็อกโคลี หน่อไม้ฝรั่ง ข้าวโพดอ่อน มะเขือเทศ เพิ่มความกลมกล่อมด้วยเกลือและพริกไทยเล็กน้อย เคี้ยวคำแรกสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มของเนื้อปลา เปรี้ยวนิดๆ จากเลมอน ผักหลากหลายมีความกรุบเล็กๆ ช่วยเสริมให้มีรสชาติยิ่งขึ้น ต่อกันด้วย ข้าวรีซอตโตหมึกดำกุ้ง หน้าตาอาจจะดูแปลกใหม่สำหรับบางคน เมล็ดข้าวนำเข้าจากอิตาลีขนาดอวบสั้นแตกต่างจากข้าวไทย หุงด้วยเวลาเพียง 7 นาที เพื่อให้ข้าวไม่อ่อนเกินไป นำไปผัดกับเนยและหมึกดำจนสีดำนวลสนิท วางกุ้งด้านบน สีดำของข้าวตัดกันกับสีขาวชมพูของกุ้ง ดึงดูดชวนรับประทาน โดยเชฟที่นี่บอกว่า ข้าวจะต้องใช้เวลาหุงไม่นานเพื่อคงความเป็นอิตาเลียนที่มีความกรุบของเมล็ดเล็กน้อย
ผ่านไป 2 เมนูนั่นแค่เริ่มต้น เมนูต่อไปห้ามพลาดเด็ดขาดกับ “อัฟโฟกาโต พิซซ่า หรือ พิซซ่าหน้าผักโขมกุ้ง” ที่เชฟทำให้ดูสดๆ กับมุมพิซซ่าภายในห้องอาหารหรือที่เรียกว่า “พิซซ่า คอร์เนอร์” เป็นมุมขนาดย่อมที่จะโชว์การทำทุกขั้นตอน ตั้งแต่นวดแป้งยันนำเข้าเตาอบ ส่วนประกอบหลักคือ มอสซาเรลล่าชีส ผักโขม และกุ้ง อบด้วยเวลา 6-7 นาที หลังจากนำมาเสิร์ฟแล้วอย่ามัวยึกยัก รับประทานในเร็วไว เพราะเชฟที่นี่กระซิบว่า เมนูนี้ยิ่งทานขณะร้อนจะยิ่งได้อรรถรส ใช้มือหรือช้อนได้ตามสะดวก บริเวณขอบของพิซซ่าจะมีความกรอบเล็กน้อย ในขณะที่ตรงกลางจะนุ่ม รสเค็มมันจากชีสลงตัวกับแป้งพิซซ่าผักโขมและกุ้ง โปรดระวังหนึ่งชิ้นไม่พอจะเบิ้ลสองไม่รู้ตัว
ขอเมนูจากมหาสมุทรเน้นๆ กันสักจานกับ พาสต้าเส้นหมึกดำซีฟู้ดซอสมะเขือเทศ พ่อครัวนำกระเทียมสับไปผัดเนยเป็นอันดับแรก กระเทียมเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้มีรสชาติ จากนั้นหย่อนปลาหมึก หอยลาย หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ กุ้ง มะเขือเทศราชินี ใบโหระพา พริกไทยดำลงไป ไวน์ขาวเล็กน้อย หยอดซอสมะเขือเทศ แล้วตามด้วยเส้นพาสต้า ซึ่งขึ้นอยู่กับลูกค้าว่าต้องการเส้นชนิดไหน ในครั้งนี้เลือกเป็นเส้นเฟตตูชินีหมึกดำ รสชาติหวานนิดๆ เปรี้ยวหน่อยๆ จากซอสมะเขือเทศ หอมกลิ่นซีฟู้ดอันนุ่มเด้งไปกับลิ้น เป็นอีกหนึ่งจานอิตาเลียนที่โดดเด่นทั้งหน้าตาและรสสัมผัสเลยทีเดียว
จานสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด (เพราะยังมีของหวานต่อ) สเต็กเนื้อสันใน จากเนื้อชั้นดีส่งตรงมาจากออสเตรเลีย เคียงกับหน่อไม้ฝรั่งพันเบคอน เนื้อสเต็กนุ่มกำลังดี กรุ่นกลิ่นพริกไทยอ่อนๆ ของซอสที่มีส่วนผสมของไวน์แดงและเห็ด อย่าเพิ่งทำท่าอิ่มไป ต้องปิดท้ายด้วยของหวานเบาๆ อย่าง ทีรามิสุ ที่เสิร์ฟมาในแก้ว สวยงามน่ารับประทานด้วยการตกแต่งจากผลไม้ตระกูลเบอร์รี่และฝอยทอง โรยผงโกโก้ หวานนุ่มลิ้นกับวิปครีมสีขาวที่บรรจงตีผสมกับบรั่นดี ได้กลิ่นหอมในแบบฉบับของขนมอิตาเลียน
ในยามค่ำคืนสามารถเพลิดเพลินกับบาร์เครื่องดื่มและดนตรีสด นักดนตรีเริ่มบรรเลงตั้งแต่เวลา 19.00 น. ห้องอาหารริมทะเลแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ถนนเลียบชายฝั่ง ริมหาดแสงจันทร์ ห่างจากตัวเมืองเพียง 10 นาที เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-24.00 น. สามารถเดินเข้าไปได้เลยหรือจะกริ๊งกร๊างไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมก่อนได้ที่เบอร์ 0-3880-4884