
คืนถิ่น... แมลงทับ สู่เครื่องประดับสุดเก๋
27 เม.ย. 2559
ทำมาหากิน : คืนถิ่น... แมลงทับ สู่เครื่องประดับสุดเก๋ : โดย...ธานี กุลแพทย์
จากพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงให้นำปีกแมลงทับทำเป็นเครื่องประดับ อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ แต่เนื่องจากต้องใช้แมลงทับเป็นจำนวนมาก จึงมีพระราชดำริให้ศึกษาความเป็นมาของวงจรชีวิตแมลงทับเพื่อหาแนวทางการเพาะเลี้ยงอันเป็นการอนุรักษ์ไม่ให้หมดไปจากธรรมชาติ
กลุ่มแมลงทับคืนถิ่นหนองบัวลำภู จึงถือกำเนิดเกิดขึ้นปี 2546 บนพื้นที่ 2 งาน ของนายสมัคร นามสีฐาน 19 หมู่ 2 ต.เก่ากลอย อ.นากลาง เพื่ออนุรักษ์แมลงทับมิให้สูญพันธุ์ ตามโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ในพระราชดำริ ที่ให้นำเอาปีกแมลงทับที่ตายแล้วมาสร้างสรรค์เป็นเครื่องประดับ เริ่มจากสมาชิก 20 คน โดยการส่งเสริมของกรมพัฒนาชุมชน กรมป่าไม้ อุตสาหกรรมจังหวัด อุตสาหกรรมเขต 4 และจ.หนองบัวลำภู มีนายจารึก ปริญญาพล ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู (ยุคนั้น) ร่วมผลักดันให้ผลงานของกลุ่มเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
ถึงวันนี้กว่า 1 ทศวรรษ ผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม โดยการนำของนายสมัคร นามสีฐาน และสมาชิกเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นกว่า 10 ชีวิต ทั้งการสนับสนุนของหน่วยงานต่างๆ ยังดำเนินไปด้วยดี มีผลงานเครื่องประดับจากปีกแมลงทับทั้งเข็มกลัด ทั้งแบบกางปีกและไม่กางปีก ต่างหู ของฝากของที่ระลึกต่อเนื่อง โดยแมลงทับนอกจากเพาะเลี้ยงในพื้นที่ 2 งานแล้ว กลุ่มยังรับซื้อจากเครือข่ายในราคาตัวละ 2 บาท
“วงจรชีวิตของแมลงทับจะอยู่ราว 1 ปี ที่ผ่านมาในพื้นที่ 2 งาน แต่ละปีจะเพาะเลี้ยง 1 หมื่นตัวใน 3 สี เขียวอมแดง เขียวเข้ม และสีแดง แต่จะเก็บผลิตผลได้เพียง 30-35% ที่เหลือจะถูกสารเคมีตายหมดระหว่างทางการเจริญเติบโต ซึ่งเป็นปัญหาเดียวที่แมลงทับจะอยู่ไม่ครบวงจรชีวิต เราจึงต้องรับซื้อจากชาวบ้านอีกทางเพื่อนำมาผลิตชิ้นงาน” ประธานกลุ่มแจง และว่าในพื้นที่ 2 งาน จะปลูกหญ้าเพ็กและแซมด้วยไม้แดงเพื่อเป็นอาหารให้แมลงทับ
ทว่าผู้ที่สนใจในผลิตภัณฑ์แต่ยังรู้สึกตะขิดตะขวงใจว่าปีกแมลงทับเหล่านี้มาจากไหน ได้จากการทรมานสัตว์หรือไม่ ประธานกลุ่ม ยืนยันให้คลายกังวลว่า ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มทั้งหมดทำขึ้นจากปีกแมลงทับที่จบวงรอบชีวิตแล้ว ทำให้ชิ้นงานผ่านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) และการันตีความประณีตสวยงาม ที่ได้รับรางวัลโอท็อประดับ 4 ดาว 4 ปีซ้อน (2553-2556)
ทั้งนี้ สินค้ามีจำหน่ายที่ร้านค้าจังหวัด ที่กลุ่ม ในสนนราคาชิ้นละ 150-500 บาท หรือหากอยากทราบรายละเอียดโทรศัพท์ไปสอบถามประธานกลุ่มได้ที่ 08-9937-9257
ด้านการเก็บรักษามี 3 ข้อคือ ห้ามโดนไฟหรืออยู่ในอุณหภูมิที่สูงกว่า 100 องศาเซลเซียส ห้ามลงเครื่องซักผ้า อาจทำให้ปีกแตกหักได้ หรือหากโดนน้ำควรเช็ดให้แห้ง และเมื่อใช้เสร็จแล้วควรเก็บใส่กล่องบรรจุภัณฑ์ เพียงเท่านี้ก็จะคงความสวยงามได้นานแสนนาน
อนาคตอันใกล้ นายสมัคร บอกจะเพิ่มพื้นที่เพาะเลี้ยงขึ้นอีก 2 ไร่ อยู่ห่างจากพื้นที่เดิมไป 200-300 เมตร เพื่อความมีมาตรฐานของแมลงทับ ซึ่งตั้งเป้าว่าในปี 2559 และ 2560 ผลิตผลจะเพิ่มเป็น 45-50% และจะทำให้ได้ 80% ในปี 2562 ซึ่งนายสมัครย้ำว่าเท่านี้ก็นับเป็นความภูมิใจแล้ว
-----------------------
(ทำมาหากิน : คืนถิ่น... แมลงทับ สู่เครื่องประดับสุดเก๋ : โดย...ธานี กุลแพทย์)