น้ำมันไพลทอดสูตรโบราณ ตำรับแก้ปวด - อักเสบ | คมชัดลึก

 

                    ไพล หรือปูลอย ปูเลย (ภาคเหนือ) ว่านไฟ (ภาคกลาง) มิ้นสะล่าง (ฉาน-แม่ฮ่องสอน) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Zingiber montanum (Koenig) Link ex Dietr อยู่ในวงศ์ Zingiberaceae เป็นพืชลงหัว มีเหง้าใหญ่ เนื้อในสีเหลือง มีกลิ่นหอมใบเรียวยาวปลายแหลม ดอกออกรวมกันเป็นช่ออยู่บนก้านช่อดอก ส่วนที่ใช้เป็นยาคือ ส่วนเหง้าที่แก่จัด โดยจะเก็บหลังจากต้นไพลลงหัวแล้ว

 

                    โดย หัวหรือเหง้าของไพร มีสรรพคุณมากมาย อาทิ ช่วยแก้อาเจียน อาการอาเจียนเป็นโลหิต แก้อาการปวดฟัน ช่วยขับโลหิต รักษาโรคที่เกี่ยวกับโลหิตออกทางปากและจมูก รักษาหอบหืด แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ท้องขึ้น ท้องเดิน ช่วยขับลมในลำไส้ แก้อาการปวดท้อง ท้องเสีย แก้บิด บิดเป็นมูกเลือด แก้อาการท้องผูก สมานแผลในลำไส้ แก้ลำไส้อักเสบ ขับระดู ประจำเดือนของสตรี ขับเลือดร้ายทั้งหลายและแก้มุตกิดระดูขาว ช่วยทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ ช่วยรักษาอาการเคล็ดขัดยอก ฟกช้ำบวม ข้อเท้าแพลง ช่วยลดอาการอักเสบ แก้ปวด บวม เส้นตึง เมื่อยขบ รักษาโรคผิวหนัง รักษาฝี ช่วยดูดหนอง แก้ผดผื่นคัน ใช้ทาเคลือบแผลเพื่อป้องกันอาการติดเชื้อ รักษาโรคเหน็บชา ใช้เป็นยาชาเฉพาะที่ ใช้เป็นยาสมานแผล ช่วยลดการบีบตัวของมดลูกและลำไส้ ช่วยต้านเชื้อราและแบคทีเรีย เชื้อจุลินทรีย์ ช่วยต้านฮิสตามินในผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคหอบหืด สามารถช่วยลดขนาดของตุ่มนูนจากการฉีดน้ำยาฮิสตามินเข้าใต้ผิวหนัง ช่วยให้ผู้ป่วยมีอาการหอบน้อยลงและการทำงานของปอดดีขึ้น ช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้น ช่วยไล่แมลง ฆ่าแมลง ช่วยกันยุง และช่วยไล่ยุง

 

                    ดอก มีสรรพคุณของช่วยขับโลหิตและกระจายเลือดเสีย กระจายเลือดที่เป็นลิ่มเป็นก้อน, ต้น ช่วยแก้ธาตุพิการ ช่วยแก้อุจจาระพิการ, ใบ ช่วยแก้ไข้ แก้เมื่อย แก้อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดตามร่างกาย แก้อาการครั่นเนื้อครั่นตัว และในส่วนของราก ช่วยแก้เลือดกำเดาไหล

 

                    มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้นำ ตำรับน้ำมันไพลทอดสูตรโบราณ ซึ่งเป็นสูตรที่เพิ่มเหง้าขมิ้นชัน เพื่อช่วยเสริมฤทธิ์ต้านการอักเสบและแก้ปวด มาเผยแพร่เพื่อให้ประชาชนสามารถนำไปใช้ได้เองในครัวเรือน โดยขมิ้นชันประกอบด้วยสารสำคัญ คือ น้ำมันหอมระเหย และสารกลุ่ม curcuminoids ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและแก้ปวดได้

 

 

 

                    ส่วนประกอบ

 

                    1.หัวไพลสด 2 กิโลกรัม

 

                    2.ขมิ้นชันสด 1/2 กิโลกรัม

 

                    3.น้ำมันปาล์ม หรือน้ำมันมะพร้าว 1 กิโลกรัม

 

                    4.ดอกกานพลู 100 กรัม

 

                    5.การบูร 100 กรัม

 

 

 

                    1.หั่นไพลสด และขมิ้นชันสด ให้เป็นชิ้นบางๆ

 

                    2.เทน้ำมันปาล์ม หรือน้ำมันมะพร้าวลงกระทะ ยกตั้งไฟ พอน้ำมันร้อนปานกลาง ให้นำไพลและขมิ้นชันลงทอดในน้ำมัน ทอดจนไพลและขมิ้นชันกรอบเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแก่ (ระวังไหม้) แล้วน้ำมันเป็นสีเหลืองใส แล้วช้อนเอาชิ้นไพลและขมิ้นชันออก

 

                    3.ตำกานพลูให้ป่น จากนั้นนำลงทอดในน้ำมันต่อและลดไฟให้เหลือไฟอ่อนๆ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันในกานพลูระเหยไป ทอดประมาณ 5 นาที แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง

 

                    4.พอน้ำมันอุ่นๆ ผสมการบูรลงในน้ำมัน แล้วเทลงในภาชนะที่สามารถปิดฝาให้สนิทป้องกันการระเหยได้ แล้วเทบรรจุลงขวดเล็กปิดฝาให้แน่นเพื่อนำไปใช้ต่อไป

 

 

                    สรรพคุณ ช่วยคลายความอ่อนล้าของร่างกาย บรรเทาอาการปวดเมื่อย การอักเสบของเอ็น กล้ามเนื้อและข้อต่อ

 

 

                    วิธีใช้ นวดบริเวณที่มีอาการได้บ่อยเท่าที่ต้องการ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ควรนวดคลึงสักครู่ให้น้ำมันซึมเข้าสู่บริเวณที่มีอาการ

 

 

                    นอกจากนี้ ในปัจจุบันยังมีครีมไพล ที่มีสรรพคุณในการลดอาการปวดกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกาย โดยมีการศึกษาทางคลินิกพบว่า ครีมไพล 14% ช่วยลดอาการปวดบวมในการรักษาข้อเท้าแพลง มีการบวมเพิ่มขึ้นของข้อเท้าน้อยกว่ากลุ่มที่ได้รับยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยเฉพาะในช่วง 2-3 วันแรกของการรักษา ช่วยลดอาการปวด โดยผู้ป่วยรับประทานยาแก้ปวดพาราเซตามอล น้อยกว่าผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอก และช่วยให้การเคลื่อนไหวของข้อเท้าดีขึ้น โดยขยับข้อเท้าลงได้ดีกว่า นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม เป็นเวลา 6 สัปดาห์ พบว่า ครีมไพล มีประสิทธิภาพเทียบเท่า 1% Diclofenac gel ในแง่ของลดอาการปวดข้อ และทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น

 

 

                    ข้อควรระวัง ไม่ควรรับประทานจำนวนมากหรือติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากอาจเกิดพิษต่อตับได้ และไม่ควรทานเดี่ยวๆ เป็นระยะเวลานาน ห้ามทาครีมที่มีส่วนผสมของไพลใกล้ขอบตา เนื้อเยื่ออ่อน หรือผิวหนังที่มีบาดแผล สตรีมีครรภ์และสตรีที่อยู่ระหว่างการให้นมบุตรไม่ควรรับประทาน