
วิจัยพบผูกเสี่ยว-ปิยวาจานำพาอาเซียนสันติสุข
การวิจัยทางพระพุทธศาสนาค้นพบประเพณีผูกเสี่ยว สนทนากันด้วยปิยวาจา แนวทางการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมในประชาคมอาเซียน
กระแสการเปลี่ยนแปลงในสังคมเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อมีการเปิดตัวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนโดยเฉพาะในสังคมเมืองนั้นต่อไปจะเป็นศูนย์รวมความหลากหลายของผู้คนในหลายเชื้อชาติและศาสนาเข้ามาเพื่อแสวงหาช่องทางในการประกอบอาชีพ ส่งผลให้เกิดการก่อตัวเป็นชุมชนที่มีการอาศัยอยู่ของผู้คนที่มาจากหลายเชื้อชาติและศาสนา ซึ่งหากผู้คนที่มาอาศัยอยู่ร่วมกันขาดความเข้าในวัฒนธรรมที่แตกต่างหรือไม่เคารพในความเชื่อของกันและกันก็อาจเป็นสาเหตุให้เกิดความสับสนวุ่นวายในสังคมนั้นๆ ได้
ดร.ลำพอง กลมกูล นักวิจัยประจำศูนย์อาเซียนศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ภายใต้การสนับสนุนจาก พระราชวรเมธี, ดร.รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและรักษาการผู้อำนวยการศูนย์อาเซียนศึกษา ได้ผลักดันให้เกิดการพัฒนาโครงการวิจัยเพื่อศึกษาอยู่ร่วมกันของประชาชนที่อยู่ในสังคมที่มีลักษณะของความเป็นพหุวัฒนธรรม โดยได้จัดโครงการพัฒนาศักยภาพการวิจัยทางพระพุทธศาสนาเพื่อความก้าวหน้าในประชาคมอาเซียนและเปิดโอกาสให้นักวิจัยผู้เข้าร่วมโครงการได้ลงมือเขียนโครงการวิจัยตามขั้นตอนของกิจกรรมเชิงปฏิบัติการ ด้วยการมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการวิจัยจากปัญหาวิจัยใกล้ตัวและเชื่อมโยงหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาและศึกษาในบริบทที่เกี่ยวข้องกับประชาคมอาเซียน
หนึ่งในประเด็นที่เป็นปัญหาวิจัยคือ การอยู่ร่วมกันของประชาชนในสังคมที่เป็นพหุวัฒนธรรม ซึ่งสอดคล้องกับโจทย์วิจัยของเครือข่ายองค์กรบริหารงานวิจัยแห่งชาติ (คอบช.) เมื่อคณะผู้วิจัยได้พัฒนาโครงการวิจัยแล้วก็ได้ดำเนินการพัฒนาเครื่องมือวิจัยแล้วลงพื้นที่เก็บรวบรวมข้อมูลในพื้นที่ของตน วิเคราะห์ข้อมูล และนำเสนอผลการวิจัยแบบเล็กๆ ง่ายๆ และมีความสำคัญ (small, simple, and significant) โดยเน้นกระบวนการที่ถูกต้อง ชัดเจน
และสรุปรายงานการวิจัยในรูปแบบบทความวิจัย โดยใช้เวลาในการศึกษาวิจัยเพียง 3-4 เดือนจากการร่วมกันเรียนรู้และฝึกปฏิบัติในครั้งนี้ทำให้มีงานวิจัยที่ได้ศึกษาและพัฒนาทั้งหมด 7เรื่อง ที่ศึกษาเกี่ยวกับความเป็นสังคมพหุวัฒธรรม ประกอบด้วย เรื่องที่ 1 การศึกษาการอยู่ร่วมกันทางสังคมและวัฒนธรรม 4 เผ่าไทย จังหวัดศรีสะเกษ เรื่องที่ 2 ความแตกต่างทางชาติพันธุ์กับวิถีการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขในประชาคมอาเซียนกรณีศึกษานิสิตกลุ่มประเทศ CLMV เรื่องที่ 3 ศึกษาปฏิสัมพันธ์ทางศาสนาของนิสิตชาวต่างชาติกันนิสิตชาวไทยที่ศึกษาใน มจร.วิทยาเขตนครราชสีมา เรื่องที่ 4 การศึกษาวิเคราะห์การทำบุญถวายสังฆทานร่วมมิตรภาพไทย-กัมพูชา เรื่องที่ 5 ศึกษาวิถีศรัทธาของพลเมืองอาเซียนในคาบสมุทรมลายูที่มีต่อพระพุทธศาสนา เรื่องที่ 6ความเชื่อเรื่องประเพณีบุญข้าวสากที่มีอิทธิพลต่อประชาชนสองฝั่งโขง และเรื่องที่ 7 การศึกษาวิเคราะห์ความสัมพันธ์ทางพระพุทธศาสนาระหว่างนิสิตล้านนากับเมืองเชียงตุง
จากการสังเคราะห์องค์ความรู้ที่ได้รับจากการทำวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม พบว่า หลักพุทธธรรมที่นำมาปรับใช้ในการอยู่ร่วมกัน ได้แก่ สังคหวัตถุ 4 พรหมวิหาร 4 สารณียธรรม 6 และหลักทิศ 6 นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมทางสังคมและทางศาสนาที่เป็นสื่อกลางในการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างคนในชุมชน เช่น ประเพณีผูกเสี่ยว การทำบุญสังฆทาน ประเพณีบุญข้าวสากรวมทั้งการสร้างวัฒนธรรมกลางร่วมกัน ได้แก่ การเคารพในกันและกัน ปฏิบัติตามกฎระเบียบของชุมชน ลดการมีอคติในกันและกัน สนทนากันด้วยปิยวาจา สร้างศรัทธาและยอมรับในความแตกต่างในการนับถือศาสนา และร่วมกันพัฒนาให้เกิดสังคมแห่งสันติสุข
โครงการวิจัยทางพระพุทธศาสนาที่มีคุณค่าและสามารถนำผลวิจัยไปปรับใช้ในสังคมได้อย่างแท้จริงจะได้รับการผลิตและนำเสนอออกมาอย่างต่อเนื่องจากส่วนงานวิจัยและบริการวิชาการของศูนย์อาเซียนศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดยจะจัดเป็นโครงการพัฒนาศักยภาพในการทำวิจัยทางพระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่องให้กับคณาจารย์ นิสิตระดับบัณฑิตวิทยาลัย และผู้สนใจทั่วไป และจะมุ่งเน้นการนำเสนอระเบียบวิธีวิทยาการวิจัยที่ทันสมัยและเทคนิคการทำวิจัยต่างๆ ให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรมของโครงการ มาร่วมเรียนรู้และฝึกปฏิบัติด้วยกันเพื่อสร้างสรรค์งานวิจัยทางพระพุทธศาสนาให้ก้าวหน้าสู่ความเป็นสากล



