
ชูงานวัด จัดกาดหมั้ว กินสี่ถ้วย อวยพื้นถิ่นไทย
27 มี.ค. 2559
ท่องไปกับใจตน : ชูงานวัด จัดกาดหมั้ว กินสี่ถ้วย อวยพื้นถิ่นไทย : โดย...ธีรภาพ โลหิตกุล [email protected]
เคยได้ยินชื่อ “ขนมสี่ถ้วย” ไหมครับ ? เขาว่าเป็นขนมไทยแท้แต่ดั้งเดิมที่สุด ที่ปรากฏในศิลาจารึกสมัยสุโขทัย ก่อนที่ มารี เดอ กีร์มา (ท้าวทองกีบม้า) จะคิดค้นตำรับขนมไทยที่มีไข่มาผสม คือ ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ฯลฯ ในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งบางคนตีความว่าไม่ใช่ขนมไทยแท้ เพราะท้าวทองกีบม้าเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น–โปรตุเกส จึงนำเอาวัฒนธรรมขนมของสองชาตินั้นมาประยุกต์ โดยเฉพาะทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง หลายคนรวมทั้งผมเองเคยไปเห็นต้นแบบที่นครหลวงลิสบอนของโปรตุเกสมาแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจ ที่สื่อมวลชนสายกีฬาจะให้สมญานามทีมฟุตบอลโปรตุเกสว่า “ทีมฝอยทอง”
แต่ขนมสี่ถ้วยเป็นขนมไทยแท้ที่ยังไม่มี “ไข่” มาผสม ผมได้ยินชื่อมานาน จึงอยากรู้ว่ารสชาติเป็นอย่างไร ทำไมต้องสี่ถ้วย วันหนึ่ง มีโอกาสนำนักท่องเที่ยวไทยที่สนใจเรื่องวัฒนธรรม ไปเที่ยว สุโขทัย- ศรีสัชนาลัย จึงปรึกษา คุณสมชาย เดือนเพ็ญ นักวัฒนธรรมสายเลือดสุโขทัยแท้ ว่าพอจะเป็นไปได้ไหม ที่จะเนรมิต “ขนมสี่ถ้วย” ให้ลูกทัวร์ได้ชิมกันจริงๆ ไม่ใช่แค่เล่าหรือบรรยายให้ฟัง คุณสมชายบอกสบายมาก มีเครือข่ายนักวัฒนธรรมที่มีความรู้ และทำขนมสี่ถ้วยให้เรารับประทานกันได้
เราจึงช่วยกันออกแบบทัวร์ทริปนั้น ว่าหลังจากนำลูกทัวร์เดินชมและฟังบรรยายวัดสำคัญในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยจนแดดร่มลมตกแล้ว จะมีรายการพิเศษสุด คือขออนุญาตทางอุทยานใช้พื้นที่มุมหนึ่งของเจดีย์ช้างล้อม จุดที่ไม่ไปรบกวนนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น ปูเสื่อให้ลูกทัวร์นั่งฟัง อ.ประทีป สุขโสภา ขับเสภาและเล่นเพลงขอทานพื้นบ้านสุโขทัย สลับการรำและตีกลองมังคละ พร้อมเสิร์ฟ “ขนมสี่ถ้วย” ให้ชิมกันก่อนไปรับประทานอาหารค่ำ
โดยมีเกร็ดความรู้สอดแทรกด้วยว่า ขนมสี่ถ้วยเป็นขนมมงคลในงานแต่งงานของชาวสุโขทัยแต่โบราณนานมา ประกอบด้วย 1.ไข่กบ (เม็ดแมงลัก) 2.นกปล่อย (ลอดช่อง) 3.มะลิลอย (ข้าวตอก) และ 4.อ้ายตื้อ (ข้าวเหนียวดำ) นำมากินรวมในถ้วยเดียวกัน โดยใส่น้ำกะทิหรือน้ำเชื่อมตามใจชอบ เรียกว่า “ขนมสี่ถ้วย” ทุกวันนี้ พ่อแก่แม่เฒ่าชาวสุโขทัยบางหมู่บ้าน ยังพูดว่า “ไปกินสี่ถ้วย” ในความหมายว่า ไปงานแต่งงาน...อย่างที่พูดกันในอดีต
ที่พิเศษสุด คือถ้วยที่ใส่ขนมให้นักท่องเที่ยวรับประทาน คือถ้วยสังคโลกสีเขียวไข่กา สีเอกลักษณ์ของศรีสัชนาลัย สั่งทำล่วงหน้าเป็นกรณีพิเศษในราคาไม่แพงเลย พอลูกทัวร์รับประทานขนมหมดก็ใช้กระดาษทิชชูเช็ด เก็บเข้ากระเป๋ากลับไปเป็นของที่ระลึกล้ำเลอค่าน่าประทับใจ บางคนนำไปใช้เป็นที่ใส่คลิปหนีบกระดาษตั้งไว้บนโต๊ะทำงานสุดเท่อีกต่างหาก

เล่าประสบการณ์ออกแบบการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมให้ฟัง เพราะผมชอบใจและชื่นชมแนวคิดของกระทรวงวัฒนธรรม ที่จะฟื้นฟูการจัด “งานวัด” ทั่วประเทศ เพื่อกระจายรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน และปลุกจิตสำนึกคนไทยให้ใส่ใจเรียนรู้รากเหง้าท้องถิ่นตน อีกทั้งงานวัดก็จัดเป็นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมรูปแบบหนึ่งนั่นเอง
แต่ในทางปฏิบัติ ผมคิดว่างานวัด ไม่จำเป็นต้องจัดที่วัดเสมอไป คำว่า “งานวัด” น่าจะหมายถึงงานที่แสดงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมท้องถิ่นหรือชุมชน ทั้งอาหารหวานคาว การแต่งกาย การละเล่น ไปจนถึงเพลงการงานดนตรี ที่เสนอเช่นนี้ เพื่อจะได้ไม่ไปซ้ำซ้อนและสับสนกับงานประจำปีของวัด หรืองานปิดทองฝังลูกนิมิตของทางวัด อีกทั้งวัดไหน ที่เป็นวัดป่า หรือวัดแนววิปัสสนากรรมฐาน พระท่านจะได้ไม่กลุ้มใจ ว่าถ้าญาติโยมจะมาขอจัดงานวัดตามแนวนโยบายฟื้นฟูการจัดงานวัด...แล้วอาตมาจะทำอย่างไร
นั่นหมายความว่า จัดที่ไหนก็ได้ที่มีความเหมาะสม ขอเพียงให้มีกลิ่นอายงานวัด อาทิ ชิงช้าสวรรค์ ข้าวเกรียบว่าว ฯลฯ สำคัญที่สุดคืออัตลักษณ์ท้องถิ่น อาทิ นครราชสีมามีเพลงโคราช สุโขทัย พิษณุโลก มีตีกลองมังคละ พัทลุง มีมโนราห์และตีกลองตะโพน น่านมีฟ้อนแง้น อีสานมีหมอลำ ปักษ์ใต้มีหนังตะลุง ฯลฯ แต่ทั้งนี้ควรจะจัดงานโดยคำนึงถึงคนต่างถิ่น และชาวต่างชาติที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมได้ด้วย อาทิ จัดซุ้มสาธิิตการแสดงหนังตะลุง มโนราห์ หรือหมอลำ ด้วยภาษาไทย อังกฤษ จีน แล้วจากนั้น ชาวบ้านร้านถิ่นจะปักหลักฟังหมอลำ หนังตะลุง เพลงโคราช กันทั้งคืนก็ไม่ว่ากระไร
เช่นนี้แล้ว จะจัดเมื่อไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องรองานประจำปีของทางวัด บางแห่งมีนักท่องเที่ยวคึกคักอยู่แล้ว อย่างพัทยา ภูเก็ต กระบี่ เชียงใหม่ ฯลฯ อาจจัดงานวัดเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ โดยประชาสัมพันธ์ให้บริษัททัวร์ทราบโดยทั่วกัน แต่ที่สำคัญคือให้เป็นองค์กรชาวบ้านจัด หรือจะมีกิจกรรมการแสดงอะไร ก็เน้นเชิญคณะนักแสดงพื้นบ้านจริงๆ ไม่ใช่จ้างบริษัทจัดอีเวนท์ ขนดารานักร้องจาก กทม.ไปถล่ม แล้วรายได้จะกระจายไปถึงชาวบ้านได้อย่างไร กรณีนี้ราชการอาจจัดงบสนับสนุนการจัดงานตามความเหมาะสม ก็จะยิ่งดี
อีกกรณีหนึ่งคือ รณรงค์ให้บริษัททัวร์ที่มีกรุ๊ปทัวร์แน่นอนแล้ว จัด “งานวัด” เป็นการเฉพาะสำหรับลูกค้าก็ได้ ยกตัวอย่าง มีลูกทัวร์ 30-40 คน อาจจัด “กาดหมั้ว” (ตลาดที่มีของกินของใช้หลายๆ อย่างผสมกันให้เดินชิม) จัดที่รีสอร์ทหรือโรงแรมที่พักก็ได้ หรือจะปูเสื่อนั่งฟังเพลงพื้นบ้าน แกล้มขนมพื้นถิ่นอย่างที่ผมยกกรณีขนมสี่ถ้วย ก็มิได้สงวนลิขสิทธิ์แต่อย่างใด ขอให้มีกลิ่นอายพื้นบ้านพื้นถิ่น เชื่อว่าลูกทัวร์จะประทับใจ ชาวบ้านก็ภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ตน และยังเป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นจริงๆ อีกด้วย ถ้าทำกันดีๆ ทำอย่างจริงจัง ยังสร้างงานให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ไม่ต้องทิ้งถิ่นฐานมารุมหางานทำตามเมืองใหญ่กันมากมายอีกต่างหาก
เดินหน้าเลยนะครับ แนวคิดฟื้นฟูงานวัด เชิดชูอัตลักษณ์ท้องถิ่นไทย เชื่อว่าจะไปได้สวยครับ
-------------------------
(ท่องไปกับใจตน : ชูงานวัด จัดกาดหมั้ว กินสี่ถ้วย อวยพื้นถิ่นไทย : โดย...ธีรภาพ โลหิตกุล [email protected])