ไลฟ์สไตล์

ลุยสวนมะพร้าวน้ำหอมบ้านแพ้ว แวะชิมส้มโอพันธุ์ดีที่ 'แม่กลอง'

ลุยสวนมะพร้าวน้ำหอมบ้านแพ้ว แวะชิมส้มโอพันธุ์ดีที่ 'แม่กลอง'

27 มี.ค. 2559

ท่องโลกเกษตร : ลุยสวนมะพร้าวน้ำหอมบ้านแพ้ว แวะชิมส้มโอพันธุ์ดีที่ 'แม่กลอง' : โดย...สุรัตน์ อัตตะ

 
                    นโยบายเกษตรแปลงใหญ่และการส่งเสริมปลูกพืชใช้น้ำน้อยเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในปีนี้เริ่มปรากฏผลอย่างเป็นรูปธรรมแล้วในหลายจังหวัดภาคกลางและภาคตะวันตก ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรที่ 2 ราชบุรี กรมส่งเสริมการเกษตร หลังทุกฝ่ายให้การสนับสนุนช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทำให้เกษตรกรเริ่มมีรายได้เข้ามา โดยไม่ต้องกังวลปัญหาภัยแล้งอีกต่อไป
 
                    “ท่องโลกเกษตร” อาทิตย์นี้ตามคณะผู้บริหารกรมส่งเสริมการเกษตร ภายใต้การนำของ ชาตรี บุญนาค ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรที่ 2 ราชบุรี นำคณะสื่อมวลชนจากส่วนกลางลงพื้นที่ดูความคืบหน้าการดำเนินงานเกษตรแปลงใหญ่และมาตรการแก้ปัญหาภัยแล้ง โดยปลูกพืชใช้น้ำน้อยตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงเกษตรฯ ในพื้นที่รับผิดชอบประกอบไปด้วยสมุทรสาคร สมุทรสงคราม และนครปฐม
 
                    บ่ายโมงตรงทุกคนพร้อมกันที่จุดนัดหมายภายในกรมส่งเสริมการเกษตร ถนนพหลโยธิน จากนั้นมุ่งหน้าสู่ อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร เพื่อเยี่ยมชมกระบวนการแปรรูปผลิตภัณฑ์มะพร้าวน้ำหอมของบริษัท เค เฟรช จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายมะพร้าวน้ำหอมและทันทีที่คณะเดินทางไปถึงเข้ารับฟังบรรยายสรุปจาก ชาตรี บุญนาค ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรที่ 2 ราชบุรี พูดถึงภาพรวมการส่งเสริมการทำเกษตรแปลงใหญ่ในพื้นที่รับผิดชอบ 8 จังหวัดภาคกลางและภาคตะวันตก ประกอบด้วย จ.สมุทรสาคร (มะพร้าวน้ำหอม) สมุทรสงคราม (ส้มโอขาวใหญ่) นครปฐม (ข้าว) กาญจนบุรี (มันสำปะหลัง) ราชบุรี (สับปะรดบ้านคา) เพชรบุรี (ข้าว) สุพรรณบุรี (ข้าว) และประจวบคีรีขันธ์ (สับปะรด) โดยมีการรวมกลุ่มเพื่อง่ายต่อการบริหารจัดการผลผลิตและมีเกษตรกรอำเภอในพื้นที่เป็นผู้จัดการแปลง ซึ่งก็ประสบผลสำเร็จพอสมควรหลังได้ดำเนินการมากว่าขวบปี
 
                    “แปลงใหญ่สมุทรสาครจะทำเรื่องมะพร้าวน้ำหอมเพราะที่นี่ปลูกกันเยอะ ส่วนสมุทรสงครามเป็นส้มโอขาวใหญ่ พืชทั้งสองอย่างไม่มีปัญหาเรื่องการตลาด แต่จะทำอย่างไรให้มีผลผลิตเพิ่มในพื้นที่จำกัดและไม่ให้มีปัญหาโรคและแมลงรบกวน โดยเฉพาะการระบาดของหนอนหัวดำในมะพร้าว ที่ผ่านมาเราจะสนับสนุนให้เกษตรกรแก้ปัญหาโดยการปล่อยแตนเบียนบราคอนทำลายหนอนหัวดำ ซึ่งก็ได้ผลพอสมควร ส่วนผลผลิตเกือบทั้งหมดก็จะส่งโรงงานเค เฟรช ก็เป็นหนึ่งในโรงงานที่เข้ารับซื้อผลผลิตของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการเกษตรแปลงใหญ่” ชาตรี เผยข้อมูล
 
 
ลุยสวนมะพร้าวน้ำหอมบ้านแพ้ว แวะชิมส้มโอพันธุ์ดีที่ \'แม่กลอง\'
 
 
                    ขณะที่ รศ.วรรณะ มหากิตติคุณ ผู้ช่วยรองประธาน บริษัท ออล โคโค จำกัด ในเครือเค เฟรช กล่าวเสริมว่า กระบวนการแปรรูปมะพร้าวน้ำหอมของบริษัทนั้น หลังจากรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรในเครือข่ายก็จะนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ  ก่อนส่งจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ ปัจจุบันมีการส่งออกกว่า 30 ประเทศทั่วโลก พร้อมทดลองชิมผลิตภัณฑ์มะพร้าวน้ำหอมของบริษัท ก่อนทั้งหมดลงพื้นที่ดูแปลงปลูกของลุงบุญลอย ทรัพย์มา ประธานกลุ่มเกษตรกรแปลงใหม่มะพร้าวน้ำหอมบ้านแพ้ว ซึ่งมีอาชีพปลูกมะพร้าวน้ำหอมจำหน่ายมากกว่า 40 ปี บนเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ใน ต.บ้านแพ้ว ปัจจุบันมีมะพร้าวน้ำหอมที่ปลูกไว้จำนวน 700 ต้น มีรายได้หลักจากการขายผลผลิตและหน่อมะพร้าว โดยจะมีพ่อค้าแม่ค้ามารับซื้อถึงหน้าสวนสนนราคาลูกละ 10-12 บาท ส่วนหน่อมะพร้าวหน่อละ 40-50 บาท และจะต้องสั่งล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือน โดยลุงบุญลอยบอกว่า ปัญหาตอนนี้ไม่ใช่เรื่องราคา แต่ผลผลิตมีไม่พอขาย พร้อมสาธิตวิธีปอกมะพร้าวเพื่อรับประทานสดๆ ให้ทุกคนได้ลองชิมกัน
 
                    จากนั้นมุ่งหน้าสู่ จ.สมุทรสงคราม เพื่อไปเยี่ยมชมแปลงเรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตส้มโอของกลุ่มส้มโอพันธุ์ชาวใหญ่ใน ต.บางสะแก อ.บางคนที ของลุงประวิตร คุ้มสิน (08-9522-2969) ซึ่งเป็นแปลงส้มโอปลอดสารเคมี ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 10 ไร่เศษ พร้อมดูการสาธิตนวัตกรรมใหม่การเพิ่มมูลค่าผลผลิตส้มโอสีทองแม่กลอง โดยกิตติพงษ์ งามจริง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ สำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรสงคราม ในการนำถุงกระดาษคาร์บอนมาห่อผลส้มโอให้มีสีทองเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตและทำให้ส้มโอเนื้อนุ่ม รสชาติหอมหวานอร่อยกว่าส้มโอทั่วไป
 
                    “ส้มโอตั้งแต่เริ่มออกดอกจนเก็บเกี่ยวผลผลิตใช้เวลา 8 เดือน  6 เดือนแรกใช้ถุงสีขาวห่อเพื่อป้องกันแมลงวันทองเจาะผล จนกระทั่งผลส้มโออายุ 6 เดือน ให้เปลี่ยนเป็นถุงกระดาษคาร์บอนห่อต่อไปอีก 2 เดือน จนกระทั่งเก็บเกี่ยวผลผลิตเพื่อเพิ่มสีผลส้มโอให้มีสีเหลืองและมีเนื้อนิ่มเพิ่มรสชาติความอร่อยและขายได้ราคาดีกว่าส้มโอทั่วไปถึงสองเท่า ปกติส้มโอขาวใหญ่ทั่วไปขายกันอยู่ที่ 70-80 บาทต่อลูก แต่ถ้าสีทองอยู่ที่ 120-150 บาท อย่างช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา ทางกลุ่มผลิตมา 800 ลูก ส่งห้างพารากอนที่กรุงเทพฯ ขายหมดเกลี้ยงในวันเดียว” นักวิชาการคนเดิมระบุ
 
                    ปัจจุบันการรวมกลุ่มทำส้มโอแปลงใหญ่ใน จ.สมุทรสงคราม มีพื้นที่เพียง 600 ไร่เศษเท่านั้น ในขณะที่มีสมาชิกมากถึง 137 ราย ทั้งนี้ เนื่องจากแต่ละรายมีพื้นที่ปลูกส้มโอไม่มากนักเฉลี่ย 1-5 ไร่เท่านั้น  จากนั้นจึงมุ่งหน้าไป อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เพื่อดูการปลูกข้าวโพดฝักอ่อนของกลุ่มเกษตรกรบ้านใหม่เจริญพรใน ต.หนองกระทุ่ม เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งแทนการทำนา ซึ่งเป็นอาชีพหลักของชาวบ้านที่นี่ 
 
                    “ข้อดีของข้าวโพดฝักอ่อน นอกจากใช้น้ำน้อยแล้วยังสามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน เก็บฝักอ่อนขาย ส่วนต้นข้าวโพดก็ใช้เป็นอาหารโคเนื้อ เพราะชาวบ้านที่นี่เลี้ยงโคกันแทบทุกครัวเรือน” วิชาญ สอนกระต่าย (08-1773-8920) ประธานกลุ่มเกษตรกรปลูกข้าวโพดฝักอ่อนบ้านใหม่เจริญพร เผยข้อมูล ปัจจุบันผลิตข้าวโพดฝักอ่อนทั้งหมดจะมีพ่อค้ามารับซื้อถึงแปลงปลูก โดยเกษตรกรมีรายได้จากการปลูกข้าวโพดฝักอ่อนจำหน่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 4,000 บาทต่อไร่  ขณะที่แต่ละรายจะใช้พื้นที่ปลูกเพียงแค่ 2-3 ไร่ ใช้ระยะเวลาปลูกประมาณ 2 เดือนก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้และเป็นอีกพืชที่สร้างรายได้และเหมาะสมในการปลูกช่วงหน้าแล้งอีกด้วย
 
 
 
 
-------------------------
 
(ท่องโลกเกษตร : ลุยสวนมะพร้าวน้ำหอมบ้านแพ้ว แวะชิมส้มโอพันธุ์ดีที่ 'แม่กลอง' : โดย...สุรัตน์ อัตตะ)