ไลฟ์สไตล์

พลังศรัทธาแห่งศิษย์หลวงพ่อพานสร้างรูปเหมือนแกะด้วยหินทราย

พลังศรัทธาแห่งศิษย์หลวงพ่อพานสร้างรูปเหมือนแกะด้วยหินทราย

25 มี.ค. 2559

พลังศรัทธาแห่งศิษย์หลวงพ่อพานสร้างรูปเหมือนแกะด้วยหินทราย “ใหญ่ที่สุดของเมืองไทย” : ท่องไปในแดนธรรม เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู

            วัดเฉลิมราษฎร์ หรือวัดโป่งกระสัง ตั้งอยู่บ้านโป่งกะสัง หมู่ ๔ ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ (สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย) เดิมเป็นที่พักสงฆ์ชื่อ “ที่พักสงฆ์โป่งกะสัง” พ.ต.ท.เฉลิม เฉลิมวัฒน์ เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งสำนักสงฆ์โป่งกะสัง โดยมี พล.ท.สำราญ แพทยกุล เป็นผู้วางศิลาฤกษ์ ทั้งนี้เมื่อครั้งที่สมเด็จพระศรีนครินทร์ทราบรมราชชนนี เสด็จเยี่ยมสำนักสงฆ์โป่งกะสัง พระราชทานเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท ในการก่อสร้างกุฏิสงฆ์

พลังศรัทธาแห่งศิษย์หลวงพ่อพานสร้างรูปเหมือนแกะด้วยหินทราย

            พระทองคุณมาปกครองสำนักสงฆ์โป่งกะสัง ประมาณ ๒ ปีเศษ ท่านกลับไปยังจิตภาวัน จ.ชลบุรี ราษฎรบ้านโป่งกะสังจึงนิมนต์พระพาน สุขกาโม จากวัดหนองไม้เหลือง จ.เพชรบุรี มาปกครองสำนักสงฆ์ เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๓ ต่อมาใน พ.ศ.๒๕๑๖ นายแบน วัดวิไล ได้ดำเนินการขออนุญาตสร้างวัด ได้รับอนุญาตสร้างวัดเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๗ และได้ตั้งเป็นวัดในปี พ.ศ.๒๕๑๙ ชื่อ “วัดเฉลิมราษฎร์”

            ระหว่าง พ.ศ.๒๕๑๒-๒๕๑๓ ก่อนมาเป็นเจ้าอาวาสวัดโป่งกะสัง หลวงพ่อพานกับหลวงพ่ออุ้น ได้ชวนกันออกธุดงค์เพื่อปลีกวิเวก ทั้งสองเดินธุดงค์ขึ้นแก่งกระจานไปออกปราณบุรี สามร้อยยอด กุยบุรี โดยไปถึงน้ำตกมะไฟ บ้านย่านซื่อ และเดินธุดงค์ลงมาที่บ้านโป่งกะสัง

            ในขณะนั้นเป็นพื้นที่สีแดง มีผู้ก่อการร้าย คอมมิวนิสต์เยอะมาก บริเวณดังกล่าวยังไม่ได้สร้างวัด แต่มีคนเพชรบุรีอพยพมาทำไร่ในแถบนี้มาก ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๑๓ คนบ้านแค จ.เพชรบุรี ไปทำมาหากินที่หมู่บ้านโป่งกะสัง ชื่อโยมพลอย น้อยสำราญ โดยโยมพลอยชื่นชอบ หลวงพ่อพาน ที่ท่านเป็นพระเด็ดเดี่ยว เด็ดขาด จึงไปขอหลวงพ่อเพลิน ให้หลวงพ่อพานไปเป็นเจ้าอาวาสที่วัดโป่งกะสัง

            เมื่อครั้งที่หลวงพ่อพานมาอยู่วัดโป่งกะสังครั้งแรก ท่านอยู่ตามลำพังแค่รูปเดียวเพราะในสมัยนั้นคอมมิวนิสต์ชุมมากจริงๆ จึงไม่มีพระองค์ใดกล้าอยู่ ท่านเป็นพระที่เก็บตัว วัดของท่านแทบจะเรียกว่าอยู่ในป่าก็ว่าได้ ท่านมีความมุ่งมั่นในการก่อร่างสร้างวัดโป่งกะสังที่ยังไม่มีอะไรเลย ให้เป็นวัดที่มีสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นมากมายจากบารมีของท่าน

            หลวงพ่อพาน มรณภาพเมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๙ สิริรวมอายุได้ ๘๔ ปี สรีระสังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย ทางวัดเก็บรักษาไว้ในหีบไม้เพื่อให้ญาติโยมลูกศิษย์ได้กราบไหว้ และล่าสุดด้วยพลังศรัทธาคณะศิษย์ได้รูปเหมือนหลวงพ่อพานแกะด้วยหินทราย ขนาดหน้าตักกว้าง ๕ เมตรสูง ๖.๕ เมตร จัดเป็นพระที่แกะด้วยหินทรายที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไทย โดยขณะนี้วัดกำลังสร้างวิหารครอบอยู่

            ปัจจุบันวัดโป่งกะสัง มีพระครูถาวรธรรมประสิทธ์ เป็นเจ้าอาวาส งานหนึ่งที่ท่านสานต่อเจตนารมณ์ของหลวงพ่อพาน คือ สร้างโบสถ์ ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๑๔ ผ่านไปกว่า ๔๐ ปี โบสถ์ที่หลวงพ่อพานสร้างไว้ยังไม่แล้วเสร็จ ผู้มีจิตศรัทธาเข้ากราบสรีระหลวงพ่อพาน และร่วมบุญสร้างโบสถ์ได้ที่ โทร.๐๘-๙๙๘๐-๖๖๗๐

             ขายมรดกพ่อแม่สร้างวัด

            เมื่อครั้งที่หลวงพ่อพาน สุขกาโม ยังมีชีวิตอยู่ท่าน เป็นพระที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาบารมีธรรม เคร่งในวัตรปฏิบัติและพระธรรมวินัย มีความสมถะเรียบง่าย เป็นพระผู้แก่เรียน ท่านศึกษาค้นคว้าและอ่านพระไตรปิฎกอันเป็นแก่นแท้หลักคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง

            หลวงพ่อพาน เป็นพระนักอ่าน ซึ่งมีอยู่ครั้งหนึ่งพระครูถาวรธรรมประสิทธิ์ เคยถามท่านว่า “อ่านหนังสืออะไร” ท่านตอบว่า “อ่านพระไตรปิฎก” แล้วถามต่ออีกว่า “มีกี่เล่ม” ท่านตอบว่า “๑๐๐ เล่ม” และถามต่ออีกว่า “เมื่อไร่จะอ่านจบ” ท่านตอบไว้อย่างน่าคิดว่า “จบเมื่อไรไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่อ่านเพื่อเข้าใจและนำมาปฏิบัติได้ และสอนคนอื่นได้ด้วย”

            นอกจากนี้แล้วท่านยังเป็นพระที่สมถะมากๆ กุฏิของท่านเป็นเพียงห้องเล็กๆ หลังคามุงด้วยสังกะสีเก่าๆ คนที่ไม่เคยไปวัดมาก่อน หากได้เห็นกุฏิของท่านแล้วไม่มีใครเชื่อว่าเป็นกุฏิเจ้าอาวาส ในการสร้างวัดท่านได้ขายที่ดินซึ่งเป็นมรดกของพ่อแม่ทั้งหมดเพื่อนำเงินมาสร้างวัด ยานพาหนะของวัดไม่เคยมีใช้ เวลาท่านมีกิจธุระท่านก็จะเดินอย่างเดียว รองเท้าที่ท่านใส่จะเป็นรองเท้านันยางหูหนีบ เมื่อใส่ไปนานๆ หูจะขาด ท่านก็จะเอาเชือกกล้วยมาฟั่น หรือบางคู่ก็จะใช่จีวรมาพัน

            เคยมีตำรวจท่านหนึ่งเห็นหลวงพ่อพานเดินสะพายย่าม อีกมือหนึ่งถือรองเท้า ตำรวจจึงถามท่านว่า “ทำไมหลวงพ่อไม่ใส่รองเท้า” ท่านตอบว่า “เดี๋ยวมันจะสึก” ครั้งหนึ่งมีงานทอดกฐินของวัด กรรมการวัดเคยถามท่านว่า “ทำไมไม่เอาเงินไปซื้อรถ” ท่านตอบว่า “ญาติโยมเขาให้เงินมาสร้างวัด ไม่ให้เงินมาเพื่อซื้อรถ”


เหรียญพุทธโคดม หลวงพ่อพาน รุ่นสุดท้าย

            “พระหลวงพ่อพานเป็นพระที่แรงด้วยประสบการณ์ โดยเฉพาะคนในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์และใกล้เคียง เมื่อพระมีราคาเป็นเรื่องธรรมดาพระหลวงพ่อพานมีปลอมทุกรุ่น โดยเฉพาะรุ่น ๑ ถึงรุ่น ๔ ทั้งเนื้อทองคำและเนื้อเงิน แต่ฝีมือการทำปลอมยังห่างไกล” นี่คือความเห็นของ “ด.ต.วิรัตน์ อาจสัญจร” ผบ.หมู่งานจราจร สน.บางยี่ขัน กทม. ผู้สะสมจัดพิมพ์หนังสือพระหลวงพ่อพาน และกรรมการตัดสินพระเครื่องโต๊ะหลวงพ่อของสมาคมพระเครื่องพระบูชาไทย

            พระเนื้อผงรุ่นแรก สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๔ ตามประวัติที่หลวงพ่อพานท่านได้เล่าให้นายอรรตภูมิ สร้อยทอง ซึ่งเป็นเด็กวัดและบีบนวดท่านเป็นประจำ ฟังว่า พระผงรุ่น ๑ นี้ พอท่านได้เรียนวิชากับหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวงแล้ว ท่านนำผงพุทธคุณไปให้อาจารย์ปลุกเสก แต่หลวงพ่อทองศุขกลับบอกว่า ไหนๆ ก็เรียนวิชาจบหมดแล้วก็มาปลุกเสกด้วยกันสิ ท่านจึงได้ปลุกเสกร่วมกับหลวงพ่อทองศุข

            รุ่นที่ ๒ เป็นพระสมเด็จเนื้อผงอีกเช่นกัน จัดสร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๑ โดยนำผงพุทธคุณรุ่นแรกมาผสมด้วย สังเกตให้ดีมวลสารคล้ายกันมาก ๒ รุ่นนี้ โดยรุ่นนี้ปลุกเสกร่วมกับศิษย์ผู้พี่ หลวงพ่อเพลิน ที่วัดหนองไม้เหลือง ต่อมา พ.ศ.๒๕๑๓ ท่านย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดโป่งกะสัง และนำสมเด็จรุ่นนี้มาแจกที่วัดโป่งกะสัง ชาว อ.กุยบุรี จึงจัดรุ่นนี้เป็นรุ่นแรกของวัดโป่งกะสัง ส่วนเหรียญรุ่นแรกของท่านจัดสร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๙ จำนวนไม่เกิน ๑ หมื่นเหรียญ เพราะบล็อกแตกเสียก่อน

            อย่างไรก็ตามแม้ว่าพระหลวงพ่อพานจะขึ้นชื่อว่าแพง แต่มีพระเครื่องอีกหลายรุ่นที่ท่านปลุกเสกยังเหลือให้เช่าบูชาที่วัด โดยเฉพาะเหรียญพระพุทธโคดม สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๘ จัดเป็นเหรียญรุ่นสุดท้าย ของวัดโป่งกะสัง ยังคงมีตกค้างอยู่ที่วัด เหรียญรุ่นนี้หลวงพ่อพานเคยกล่าวไว้กับลูกศิษย์หลายคนไว้ว่า “ต่อไปเหรียญรุ่นนี้จะดังเหมือนเหรียญรุ่นแรก”

            สำหรับผู้ที่สนใจประวัติการสร้างพระเครื่องและวัตถุมงคลหลวงพ่อพาน ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก “ชมรมหลวงพ่อพาน วัดโป่งกะสัง” โดย ด.ต.วิรัตน์ อาจสัญจร