
ใช้'ไส้เดือนฝอย'พิฆาตศัตรูพืช เพิ่มทางเลือก'เกษตรอินทรีย์'
ใช้'ไส้เดือนฝอย'พิฆาตศัตรูพืช เพิ่มทางเลือก'เกษตรอินทรีย์' : ดลมนัส กาเจ
หลังจาก ดร.นุชนาถ ตั้งจิตสมคิด ผู้เชี่ยวชาญจากสำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ กรมวิชาการเกษตร ประสบผลสำเร็จในการวิจัยพัฒนาไส้เดือนฝอยพันธุ์ไทย (Steinernema sp. Thai strain) ใช้กำจัดแมลงศัตรูพืช โดยเฉพาะกลุ่มหนอนใยผัก หนอนกระทู้หอม หนอนกระทู้ผัก หนอนแมลงนูนหลวง ด้วงหมัดผัก ด้วงกุหลาบ และอื่นอีกหลายชนิด ทำให้ นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมวิชาการเกษตร มอบหมายให้สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 3 ร่วมกับสำนักวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ เร่งทดสอบเทคโนโลยีนำไปต่อยอดเพื่อกำจัดแมลงศัตรูพืช จำพวกด้วงหมัดผักของคะน้า ด้วยการใช้ไส้เดือนฝอยสายพันธุ์ไทย ซึ่งเป็นปรสิตของแมลงที่ทำให้แมลงตายได้ภายในเวลา 48 ชั่วโมงทันที
เบื้องต้นได้จัดอบรมและถ่ายทอดความรู้วิธีการใช้ไส้เดือนฝอยพันธุ์ไทยควบคุมด้วงหมัดผักอย่างมีประสิทธิภาพให้แก่เกษตรกร นำร่องในแปลงของวิสาหกิจชุมกลุ่มผลิตผักปลอดสารพิษตำบลโคกสำราญ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น โดยใช้ไส้เดือนฝอยสายพันธุ์ไทยสลับกับการใช้สารสะเดาแล้วสุ่มตรวจนับแมลงทุกครั้งหลังการพ่นไส้เดือนฝอย 3 วัน พบว่าจำนวนด้วงหมัดผักสีน้ำเงินลดลง 46-75% ส่วนด้วงหมัดผักแถบลายลดลง 29-85% และหลังการพ่นไส้เดือนฝอย 3 ครั้ง ตรวจพบด้วงหมัดผักแต่ละชนิด เฉลี่ยไม่เกิน 0.2 ตัวต่อตารางเมตร และไม่พบสารตกค้างในคะน้าแต่อย่างใด
“จ.ขอนแก่น เป็นแหล่งผลิตพืชผักที่มีศักยภาพในพื้นที่กว่า 53,370 ไร่ ที่ผ่านมาเกษตรกรปลูกผักประสบปัญหาแมลงศัตรูระบาดโดยเฉพาะในพืชตระกูลกะหล่ำ ทั้ง คะน้า กวางตุ้ง ผักกาดขาวปลี และกะหล่ำปลี เกษตรกรใช้สารเคมีในการกำจัดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีสารเคมีตกค้างในผลผลิตและไม่สามารถควบคุมแมลงได้ แต่พอมาใช้ไส้เดือนฝอยพันธุ์ไทยควบคุมปรากฏว่าได้ผลครับ” นายสมชาย กล่าว
ด้าน นายดิเรก ตนพยอม รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2558 ที่ผ่านมา กรมวิชาการเกษตรได้ขยายผลการจัดฝึกอบรมการผลิตไส้เดือนฝอยพันธุ์ไทยกำจัดแมลง เพื่อให้เกษตรกรสามารถเพาะเลี้ยงไส้เดือนฝอยสายพันธุ์ไทยไว้ใช้เองได้ โดยได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์ต่างๆตลอดจนหัวเชื้อไส้เดือนฝอยจากโครงการพัฒนาชุดผลิตไส้เดือนฝอยกำจัดแมลง จากนั้นได้ขยายผลสู่เกษตรกรทำใช้เอง รวมทั้งคำแนะนำทางวิชาการจาก ดร.นุชนารถ ตั้งจิตสมคิด ทำให้เกษตรกรได้เรียนรู้หลักการผลิตและใช้ไส้เดือนฝอยให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดรวมกว่า 200 ราย
ปัจจุบันสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 3 ได้เร่งขยายผลต่อยอดโครงการพัฒนาต้นแบบการผลิตผักปลอดภัยเพื่อการค้าในสภาพแปลงใหญ่ เพื่อสร้างแปลงต้นแบบนำร่องการผลิตพืชปลอดภัยเชิงการค้าในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน พร้อมเชื่อมโยงกลุ่มผู้ผลิตและตลาดสินค้าพืชปลอดภัยในพื้นที่ ต.โคกสำราญ โดยเน้นใช้เทคโนโลยีจากผลการวิจัยของกรมวิชาการเกษตร และหน่วยงานต่างๆ เช่น ปุ๋ยหมักเติมอากาศ การใช้ชีวินทรีย์ และสารธรรมชาติเพื่อป้องกันกำจัดศัตรูพืช รวมทั้งวางแผนการผลิตให้มีชนิดและปริมาณที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดด้วย
หลังจากนำร่องในแปลงกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตผักปลอดภัยบ้านโคกสำราญ ต่อไปจะเร่งถ่ายทอดความรู้และเทคนิคในการผลิตผักคุณภาพและมีความปลอดภัยตามมาตรฐานกรมวิชาการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นการการผลิตดูแลรักษา การบริหารจัดการเก็บเกี่ยว การตัดแต่ง การล้าง และการคัดบรรจุ พร้อมแนะนำส่งเสริมให้วางแผนการผลิตให้มีชนิดพืช ปริมาณ และคุณภาพตรงตามความต้องการของตลาดในเวลาที่เหมาะสม
ขณะที่ ดร.กุศล ถมมา นักวิชาการเกษตรชำนาญการ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 3 จ.ขอนแก่น ที่ทำหน้าแนะนำให้เกษตรกรเลี้ยงไส้เดือนเอง โดยเฉพาะในแปลงของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตผักปลอดสารพิษตำบลโคกสำราญ สามารถกำจัดแมลงศัตรูพืชกลุ่มหนอนใยผัก หนอนกระทู้หอม หนอนกระทู้ผัก หนอนแมลงนูนหลวง ด้วงหมัดผัก ด้วงกุหลาบ และอื่นอีกหลายชนิด รวมแล้วกว่า 200 ชนิด ได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันกำลังเดินหน้าฝึกอบรมชาวบ้านเพื่อนำไปขยายความสู่ชุมชนอื่นๆ ต่อไป
นับเป็นอีกแนวทางหนึ่ง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับแปลงเกษตรปลอดภัยรวมถึงเกษตรอินทรีย์ ที่รัฐบาลกำลังขับเคลื่อนอยู่ในขณะนี้อีกด้วย
ง่ายๆเกษตรกรเพาะเลี้ยงเองได้รูป-fo4-การฉีดหัวเชื้อไส้เดือนฝอย
สำหรับไส้เดือนฝอยพันธุ์ไทยมีลักษณะการเจริญเติบโต 3 ระยะ คือ ระยะไข่ ระยะตัวอ่อน และตัวเต็มวัย ลอกคราบในช่วงเป็นตัวอ่อน 4 ครั้ง ประกอบด้วย ตัวอ่อนระยะที่ 1, 2, 3 และ 4 เมื่อเจริญเป็นตัวเต็มวัย ตัวผู้จะเล็กกว่าตัวเมีย 3 เท่า ตัวเมีย 1 ตัว สามารถให้ลูกได้ 800-1,000 ตัว ไข่จะฟักเป็นตัวอ่อนภายในตัวแม่ ต่อจากนั้นตัวแม่จะตายในที่สุด
ไส้เดือนฝอยจะสามารถเข้าทำลายแมลงได้ทั้งระยะตัวหนอนและตัวเต็มวัยของแมลง ผ่านทางช่องเปิดปากหรือรูทวาร แล้วจะเคลื่อนที่ไปยังช่องว่างในตัวแมลง ปลดปล่อยแบคทีเรียออกมาและสร้างสารพิษ ทำให้แมลงเกิดอาการเลือดเป็นพิษและตายลง จากนั้นสู่ระยะที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อมจะเคลื่อนที่ออกมานอกซากแมลงและรอที่จะเข้าสู่แมลงตัวใหม่ต่อไป
วิธีเพาะเลี้ยงตามที่ ดร.กุศล ถมมา แนะนำชาวบ้านนั้น เริ่มจากไข่ไก่ 4 ฟอง น้ำมันหมู 130 มล. น้ำ 260 มล. ผสมให้เข้ากันเทลงฟองน้ำที่ตัดรูปสี่เหลี่ยม 1×1 ซม. จำนวน 40 กรัม คลุกเคล้าให้เข้ากัน
เตรียมกระปุกพลาสติกขนาด 600 มล. หรือถุงพลาสติกหนา จำนวน 20 ชุด บรรจุฟองน้ำที่คลุกแล้วปิดฝา เจาะรูเล็กๆ ไว้ด้านบน นำไปนึ่งฆ่าเชื้อความร้อน 80-100 องศาเซลเซียส นาน 1 ชั่วโมง เมื่อพักให้เย็น ใช้แอลกอฮอล์ 50-70% ล้างมือ ฉีดใส่ผ้า เช็ดทำความสะอาดมือและกล่องพลาสติก จากนั้นใช้ไซริงค์ฉีดยาดูดไส้เดือนฝอยพันธุ์ไทยก่อนนำไปฉีดใส่กระปุกฟองน้ำ 1 มล./กระปุ๊ก เขย่าเบาๆ ให้เข้ากัน นำไปใส่ในมุ้งกันแมลง และใต้ร่มที่มีอุณหภูมิ 27-33 องศาเซลเซียส นาน 7-15 วัน
เสร็จแล้วนำไปผสมน้ำ 1 กระปุกต่อน้ำ 10-20 ลิตร ฉีดพ่นดินที่ปลูกได้ 1 ไร่ ลงทุนเพียง 100 บาท