ไลฟ์สไตล์

ไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่นปรากฏการณ์ของขึ้น'วันไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่น'

ไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่นปรากฏการณ์ของขึ้น'วันไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่น'

19 มี.ค. 2559

ศิษย์หลวงพ่อเปิ่นเรือนหมื่น แห่ร่วมงานไหว้ครูแม้จะละสังขารมา ๑๔ ปี แต่ศรัทธายังล้นหลาม เสือเผ่น หนุมมาน ลิงลม ฤาษี แผลงฤทธิ์กันสุดเดช

           "๑๔ ปี" แห่งการมรณภาพ "พระอุดมประชานาถ" หรือ "หลวงพ่อเปิ่น" อดีตเจ้าอาวาสวัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม (เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๕ เวลา ๑๐.๕๕ น. อายุ ๗๙ ปี พรรษา ๕๔) ที่ลูกศิษย์ขนานนามให้เป็น "เทพเจ้าแห่งลุ่มแม่น้ำนครชัยศรี" แต่พระสงฆ์ที่เป็นลูกศิษย์ยังคงสืบทอดการสักยันต์ตามตำราของหลวงพ่อเปิ่นไว้อย่างสมบูรณ์
ไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่นปรากฏการณ์ของขึ้น\'วันไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่น\'
 
           การจัดพิธีไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่นได้จัดมาทุกปีตั้งแต่หลวงพ่อเปิ่นยังมีชีวิตอยู่และจะมีลูกศิษย์มาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งต่อมาพิธีไหว้ครูสักยันต์ของวัดบางพระก็ยังไม่สิ้นมนต์ขลัง แม้ว่าหลวงพ่อเปิ่น จะละสังขารไป ๑๔ ปีแล้ว แต่ลูกศิษย์นับหมื่นจากทั่วสารทิศยังคงแห่รวมพิธีไหว้ครูกัน 
 
           ในวันไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่น ถือเป็นวันชุมนุมลูกศิษย์จากทั่วทุกสารทิศ ที่ยังคงแห่ร่วมพิธีไหว้ในวันเสาร์ของเดือนกุมภาพันธ์ หรือเดือนมีนาคม เป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการระลึกถึงครูบาอาจารย์เป็นสำคัญ โดย ในปี พ.ศ.๒๕๕๙ นี้ "งานไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่น" จัดขึ้นวันเสาร์ที่ ๑๙ มีนาคม  เวลา ๐๙.๓๙ น. 
 
           สาเหตุที่ทำพิธีกันในวันเสาร์ บูรพาจารย์กล่าวไว้ว่า วันเสาร์เป็นวันที่แข็งที่สุด พิธีการอันใดที่วัดจัดขึ้นในวันนี้ จะมีกฤตยานุภาพเข้มแข็งมาก วันบูชาครูเป็นวันที่เสมือนหนึ่งเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีน้อมระลึกเคารพนับถือบุญคุณของบูรพาจารย์ ครูบาอาจารย์ คณาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ วิชาไสยเวท คาถาอาคม คัมภีร์ต่างๆ ให้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตั้งมั่นกระทำแต่ความดี
 
           พิธีไหว้ครูหรือบูชาครูของหลวงพ่อเปิ่น เป็นพิธีของพระเกจิอาจารย์ที่บูชาบูรพาจารย์ บวงสรวงพรหม เทพยดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ กล่าวกันว่าระหว่างที่องค์ท่านบริกรรมพระคาถา วิปัสสนากรรมฐานระลึกถึงครูบาอาจารย์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ องค์ต่างๆ จะเข้าประทับหมุนเวียนกันไปนับเป็นจำนวนพันๆ ภาค อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นองค์พ่อแก่ฤาษี หรือบูรพาจารย์ พระอาจารย์ต่างๆ ตลอดจนเทพเทวดาเบื้องบน ก็มาร่วมพิธีให้เข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น
  
           อย่างไรก็ตามในคืนก่อนวันไหว้ครู (คืนวันศุกร์ที่ ๑๑มีนาคม ๒๕๕๙) พระที่ทำหน้าที่สักยันต์ของวัด รวมทั้งลูกศิษย์ของหลวงพ่อเปิ่นที่ได้รับการครอบครูสักยันต์ ต้องนั่งสักยันต์ตั้งแต่เช้าวันศุกร์ บางรูปบางคนต้องนั่งสักยันต์ไปถึงรุ่งเช้าของวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันไหว้ครู โดยผู้ที่มาสักยันต์อยากได้ลายยันต์ไปเข้าพิธีในวันนี้
 
           ยิ่งใกล้เวลา ๐๙.๓๙ น. บริเวณลานโล่งด้านหน้ารูปหล่อหลวงพ่อเปิ่น ลูกศิษย์พากันนำพานดอกไม้มาบูชาครู ส่วนภายในวงสายสิญจน์ ผู้คนนั่งเบียดเสียดแออัดกันเต็มสนามรอบสายสิญจน์ที่ดูแคบไปถนัดใจ 
  
           ปรากฏการณ์อย่างหนึ่งที่น่าสนใจในวันไหว้ครู คือ ศิษย์คนใดสักยันต์รูปสัตว์ชนิดใดก็จะแสดงอาการของสัตว์ชนิดนั้นๆ ตลอดช่วงพิธีไหว้ครู ซึ่งเป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจของผู้ที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนเป็นอย่างยิ่ง
  
           ทั้งนี้มีคติความเชื่อว่า “คนที่มีอาการของขึ้น” ส่วนใหญ่มักเกิดกับคนที่มีความเลื่อมใส จิตใจตั้งมั่นยึดมั่นในครูบาอาจารย์ อ่อนไหวง่าย เมื่อหลับตาระลึกถึงครูบาอาจารย์ท่าน พวกที่สักอักขระที่เป็นรูปลักษณ์ต่างๆ เช่น ผู้ที่สักรูปเสือเผ่น ก็กางเล็บกระโดดโจนทะยานวิ่งเข้าหาหลวงพ่อหน้าปะรำพิธี 
 
           ผู้ที่สักเป็นรูปหนุมานก็กระโดดโลดเต้นตีลังกาเข้าหา ที่สักหมูป่าก็แผดเสียงร้องก้อง วิ่งเข้าหาหลวงพ่อ บนพื้นดินก็มีคนคลานเลื้อยเหมือนปลาไหล บางคนของขึ้น ก็ทำท่าทางยกมือเหมือนถือไม้เท้าเดินกระย่องกระแย่ง ลักษณะเหมือนฤาษี  
 
           ครั้นได้ฤกษ์ พิธีเริ่มขึ้นเวลา ๐๙.๓๙ น. พระครูอนุกูลพิศาลกิจ หรือ หลวงพ่อสำอาง เจ้าอาวาสวัดบางพระ ได้เดินผ่านหมู่ลูกศิษย์ที่พนมมือกราบไหว้ตลอดระยะทาง จนขึ้นสู่ปะรำพิธี หมู่ลูกศิษย์ที่อยู่ในวงสายสิญจน์บางคนก็เกิดอาการที่เรียกว่า "ของขึ้น" 
 
           เมื่อแต่ละคนมีอาการของขึ้นก็จะวิ่งมาที่หน้าพิธีแต่ทางวัดได้เตรียมเจ้าหน้าที่ไว้คอยดูแลจำนวนมากและช่วยแก้พวกที่ของขึ้น 
 
           วิธีแก้ของขึ้นก็โดยการใช้ 2 มือ ตบที่หูเบาๆ หรือใช้มือลูบหน้าตรงจมูก หรือยกขาให้สูงกว่าตัว การไม่ให้ของขึ้นจะเตือนสติให้หายใจลึกๆ ให้ลืมตาไม่ให้หลับตา ซึ่งบางคนไม่รู้สึกตัวว่าตัวเองทำอะไรไปบ้าง
 
           หลังจากนั้นก็มีการปะพรมน้ำพระพุทธมนต์ โดยหลวงพ่อสำอางค์ และพระเกจิที่อยู่บนปรัมพิธีเป็นผู้ปะพรมโดยใช้ปั้มน้ำในการฉีดน้ำมนต์เนื่องจากมีคนจำนวนมากเมื่อเริ่มพรมน้ำมนต์บรรดาลูกศิษย์ได้กรูกันเข้ามาที่หน้าพิธี ซึ่งหลายๆคนเมื่อโดนน้ำมนต์ก็มีอาการของขึ้นกันต่างส่งเสียงร้องคำรามจนลั่นวัด ซึ่งต้องใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงในการประพรมน้ำมนต์ให้บรรดาลูกศิษย์จนหมด
 
           เมื่องานพิธีบูชาครู บูรพาจารย์สิ้นสุดลงแล้ว ลูกศิษย์บางคนก็เข้ามาขอเครื่องบายศรี ผลไม้ต่างๆ อาหารคาวหวานมากินเพื่อเป็นสิริมงคล พอหลวงพ่อลงมาจากปะรำพิธีกลับมาที่กุฏิ เครื่องบูชาเซ่นสังเวยบนปะรำพิธีก็หายวับไปกับตาไม่มีอะไรเหลือ แม้แต่โอ่งน้ำมนต์ที่มีน้ำมนต์เต็มโอ่งก็แห้งขอด งานบูชาครูก็เป็นอันจบสิ้นพิธี ท่ามกลางความยินดีปรีดาของเหล่าลูกศิษย์ที่อิ่มเอิบไปด้วยแรงบุญอันเป็นสิ่งที่เป็นมงคลสูงสุดที่เขาเหล่านั้นได้รับ เหลือไว้แต่ตำนานพิธีบูชาครูอันเข้มขลัง
 
           พระอาจารย์อภิญญา คนุตฺตโม หรือ หลวงพี่ญา อาการของขึ้นมากที่สุดน่าจะเป็นเสือเผ่น รองลงมาเป็นฤาษี (พ่อแก่) หนุมาน ลิงลม หมูทองแดง และปลาไหล ที่เป็นเช่นนี้เพราะมีคนสักยันต์รูปเสือเผ่นมากกว่าสัตว์อื่นๆ
  
           ส่วนจำนวนลูกศิษย์ที่มาสักยันต์เพิ่มขึ้น หลวงพี่ญา บอกว่า มาจาก ๓ เหตุผล คือ ๑.คำเล่าขานของคนรุ่นก่อนๆ ๒.การคมนาคมที่สะดวกขึ้น และ ๓.การเสนอข่าวของสื่อมวลชน บางวันมีคนมาตั้งแต่ ๖ โมงเช้า สักยันต์ไปจนถึงมืดค่ำก็มี ถ้าเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ อาจจะเป็นร้อยคน
 
           “เหตุที่คนสักมากขึ้น เพราะสภาพสังคมขาดที่พึ่งทางใจ สักแล้วจะทำให้ชีวิตดีขึ้น คุ้มครองให้เกิดความปลอดภัย  ส่วนอาการของขึ้น มีทั้งขึ้นจริงและขึ้นตามเพื่อน รายที่ขึ้นตามเพื่อน เพราะถ้าไม่ขึ้นอาจจะคิดไปเองว่าไม่ขลัง จึงต้องทำแกล้งบ้าง รายที่แกล้งขึ้นจะสังเกตได้ง่ายๆ คือ ขึ้นบ่อยครั้งมากเกินไป"  หลวงพี่ญากล่าว
 
           ทั้งนี้ หลวงพี่ญา พูดไว้อย่างน่าคิดว่า "ใครที่สักยันต์จากสำนักวัดบางพระ ใช่ว่าสักไปแล้วจะขลัง มีพุทธคุณเข้มขลังเสมอไป ทั้งนี้ ต้องยึดหลักปฏิบัติอย่างเคร่งครัด คือ ๑.ศีล ๕ อย่าให้ขาด โดยเฉพาะข้อ ๓ ห้ามผิดลูกเขาเมียเขา เที่ยวซ่องโสเภณี ใครผิดข้อนี้ข้อเดียว พุทธคุณของยันต์ไม่แสดงปาฏิหาริย์ 
 
           นอกจากนี้แล้ว ยังมีข้อห้ามสำหรับคนสักยันต์อีก คือ ๑.ห้ามผิดลูกเมียเขา ๒.ห้ามด่าบุพการี ๓.ห้ามกินน้ำเต้า มะเฟือง และ ๔.ห้ามลอดไม้ค้ำกล้วย ตะพานหัวเดียว
 
           สำหรับประวัติของ พระอุดมพระชานาถ หรือ หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ นามเดิม เปิ่น นามสกุล ภู่ระหงษ์ เกิดวันอาทิตย์ที่ ๑๒สิงหาคม พ.ศ.๒๔๖๖ เดือน ๙ ปีกุน กระทั่งวันที่ ๓๐ มิ.ย. ๒๕๔๕ เวลา ๑๐.๕๕ น. หลวงพ่อเปิ่น ได้ละสังขารด้วยอาการสงบที่โรงพยาบาลศิริราช รวมสิริอายุ ๗๙ ปี พรรษาที่ ๕๔ พรรษา