
เปิดปูมสมศักดิ์ โตรักษาทนายสมเด็จฯช่วง
เปิดปูมสมศักดิ์ โตรักษา ทนายสมเด็จฯช่วง : ปิยะนุช ทำนุเกษตรไชย
ในช่วงเริ่มต้นของการสืบสวนรวบรวมข้อเท็จจริงกรณีเบนซ์คลาสสิกจดประกอบ ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ในความครอบครองของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ “สมเด็จช่วง” เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช มี “ศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร” เป็นทนายความดูแลการประสานข้อมูลให้แก่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ
แต่เมื่อคดีเริ่มมีความชัดเจน ว่าขั้นตอนการนำเข้า การจดประกอบ ผิดกฎหมายหลายขั้นตอน ทางวัดปากน้ำได้เปลี่ยนทีมทนายความให้อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานทนายความ “สมศักดิ์ โตรักษา” ส่วน “ศุภภัทร์พจน์” กลับไปทำหน้าที่ไวยาวัจกรวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม ที่มีพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ “หลวงพี่น้ำฝน” เป็นเจ้าอาวาส ซึ่งวัดแห่งนี้ก็มีคดีนำเข้ารถจากัวร์โบราณที่อยู่ในชั้นการตรวจสอบของดีเอสไอว่าข้อเท็จจริงเป็น “รถจากัวร์” หรือ “แพนเธอร์” กันแน่
ประวัติของ “สมศักดิ์ โตรักษา” ทนายความที่ถูกวิจารณ์หนักจากการเล่นแง่ ไม่ยอมให้สมเด็จช่วงให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ทั้งที่ฝ่ายราชการยอมผ่อนปรนสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นการนำดอกไม้ธูปเทียนแพรเข้ากราบนมัสการ การขอเข้าสอบปากคำที่วัดปากน้ำ ในเวลา 2 ทุ่ม ตามความประสงค์ของสมเด็จช่วง แต่สุดท้ายทีมสอบสวนดีเอสไอและอัยการต้องกลับออกจากวัดด้วยภาพของความ “เหวอ วืด อด” ชนิดสุดบรรยาย
สมศักดิ์ โตรักษา เปิดสำนักงานกฎหมายอยู่ที่ 182/9 ซ.อุดมสุข 20 ถ.สุขุมวิท แขวงและเขตบางนา กทม. ในทางการเมือง “สมศักดิ์ โตรักษา” รับว่าความเป็นทนายให้แก่พรรคไทยรักไทยในคดียุบพรรคไทยรักไทย กรณีจ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งเป็นคดีในศาลรัฐธรรมนูญและเคยโต้เถียงกับ “จรัญ หัตถกรรม” ตุลาการรัฐธรรมนูญระหว่างการไต่สวน นอกจากนี้ยังเป็นทนายความให้การบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และบริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ (บทม.) ฟ้องโพสต์พับลิชชิ่งข้อหาหมิ่นประมาทจากการลงข่าวรันเวย์ร้าว
ในแวดวงคนดัง “สมศักดิ์” เป็นทนายรับว่าความ ให้ “สุพจน์ ทรัพย์ล้อม” อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลฐานร่ำรวยผิดปกติ ปกปิดบัญชีทรัพย์สินและถูกยึดทรัพย์ 64 ล้านบาท และเป็นทนายให้ “ปลอดประสพ สุรัสวดี” เมื่อครั้งดำรงแหน่งปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในคดีส่งเสือโคร่งไปประเทศจีน
แวดวงบันเทิง “สมศักดิ์” รับว่าความให้ “พอล" ภัทรพล ศิลปาจารย์ นักแสดงชื่อดัง ที่มีคดีฟ้องร้องกับ รุจน์โรจน ศรีรัตน์ คดีถูกหุ้นส่วนฉ้อโกงยักยอกทรัพย์ธุรกิจคลินิกไคโรฟิตและรับว่าความให้นักร้องวงอะแคปเปลล่า 7 ที่ถูกฟ้องในคดียาเสพติด
ขณะเดียวกัน ในแวดวงกีฬา ได้รับเป็นทนายความให้ “บังยี" วรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในคดีที่ถูกบริษัทแดอัน 21 จำกัด ประเทศเกาหลีใต้ ยื่นฟ้องสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ข้อหาร่วมฉ้อโกงจากการชักชวนมาลงทุนทำธุรกิจด้านกีฬาและดูแลสิทธิประโยชน์ด้านต่างๆ
ส่วนคดีในความรับผิดชอบของดีเอสไอ อาจจะคุ้นกับชื่อ “สมศักดิ์” เพราะต้องพบปะกันในหลายคดี อาทิ คดีการก่อสร้างโรงงานวัคซีนและการสำรองวัตถุดิบพาราเซตามอลขององค์การเภสัชกรรม (อภ.) โดย “สมศักดิ์” รับเป็นเป็นที่ปรึกษาให้แก่ อภ. และเป็นทนายความให้ นพ.วิทิต อรรถเวชกุล อดีต ผอ.อภ. รวมถึงในคดีการเลิกจ้างจากตำแหน่ง ผอ.อภ.ด้วย
“สมศักดิ์” ยังรับเป็นทนายความให้ สลิล โตทับเที่ยง อดีตผู้บริหารปุ้มปุ้ย บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) เข้าร้องทุกข์ให้ดีเอสไอตรวจสอบการยักยอกทรัพย์ของกรรมการบริษัทซึ่งเป็นบุคคลในตระกูลโตทับเที่ยง
นอกจากนี้ ยังพบว่า “สมศักดิ์” รับเป็นทนายความจำเลยให้แก่ชาวอังกฤษเดนมาร์ก กลุ่มมาเฟียแบนดิโดส ที่ดีเอสไอสอบสวนพบพฤติการณ์ข่มขืนใจผู้อื่นกรรโชกทรัพย์นักธุรกิจชาวต่างชาติในเมืองพัทยาและเกาะสมุยอีกด้วย
นอกจากบทบาทในอาชีพทนายความแล้ว “สมศักดิ์” ยังลงทุนเปิดธุรกิจรีสอร์ท “ยังโทนเฮ็ลธปาร์ค” ริมแม่น้ำแควน้อย จ.กาญจนบุรี บนเนื้อที่ 300 ไร่ ให้บริการบ้านพักโรงแรมค่ายลูกเสือ-เนตรนารี
สมศักดิ์ โตรักษา ได้เล่าให้ “เครือเนชั่น” ฟังว่า เป็นคนกรุงเทพมหานคร เกิดย่านบางซื่อ จบการศึกษาทางด้านนิติศาสตร์ ระดับปริญญาตรี-โท-เอก จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง
“ก่อนที่ผมจะมายึดอาชีพทนายความ เคยเป็นอาจารย์สอนกฎหมายตามมหาวิทยาลัยต่างๆ สำหรับอาชีพทนายความ ผมเริ่มว่าความมาตั้งแต่อายุ 20 กว่าๆ จนถึงปัจจุบัน ผมทำอาชีพทนายความมากว่า 30 ปีแล้ว ผ่านการทำคดีมานับพันคดี”
สมศักดิ์ บอกว่า เคยเป็นทนายความแก้ต่างให้แก่จำเลยหรือผู้ถูกร้องในคดีสำคัญๆ มามากมาย เช่น คดีกรรมการ ป.ป.ช.ขึ้นเงินเดือนให้ตัวเอง, คดีอาญาที่ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีต รมว.กลาโหม และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ถูกฟ้อง “คดีจ้างพรรคเล็ก” ลงสมัครรับเลือกตั้ง, คดียุบพรรคไทยรักไทย, คดีทุจริตรถ-เรือ ดับเพลิงของ กทม. โดยเป็นทนายความให้แก่ โภคิน พลกุล อดีต รมว.มหาดไทย, คดีที่ สุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดคมนาคม ถูก ป.ป.ช.ร้องต่อศาลว่าร่ำรวยผิดปกติ, คดีทุจริตโครงการออกสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว หรือคดีหวยบนดิน โดยเป็นทนายความให้แก่ พล.อ.ธรรมรักษ์ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีคนหนึ่งใน “รัฐบาลไทยรักไทย"
นอกจากนั้น ยังได้เล่าถึงที่มาของการได้เข้ามาเป็น “ที่ปรึกษากฎหมาย” ให้แก่ “สมเด็จช่วง” เกี่ยวกับรถเบนซ์คลาสสิกว่า ครอบครัวให้ความเคารพนับถือสมเด็จวัดปากน้ำอยู่แล้ว ถือว่าเป็น “ลูกศิษย์” คนหนึ่ง และได้มีวัดหลายวัดด้วยกัน ได้ติดต่อให้เขามาช่วยเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้แก่สมเด็จวัดปากน้ำและไม่ใช่มีเฉพาะตัวเขาเท่านั้น ที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายให้ในเรื่องนี้ โดยยังมีที่ปรึกษากฎหมายคนอื่นอีก ที่มีชื่อชั้นเหนือกว่า
"สำหรับเรื่องรถโบราณก็รอทางดีเอสไอแจ้งเป็นหนังสือมาว่าจะถามในประเด็นอะไรบ้าง ทางเราก็จะตอบแต่ละข้อที่ถามเป็นหนังสือเช่นกัน การตอบเป็นหนังสือมีข้อดี คือป้องกันการบิดเบือนได้ ส่วนสมเด็จช่วงจะชี้แจงด้วยวาจาด้วยหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับที่ว่าข้อเท็จจริงที่ถามนั้นเป็นเรื่องอะไร เมื่อมีการกล่าวหาสมเด็จช่วง ท่านก็มีสิทธิ์พิสูจน์ เราจะชี้แจงในส่วนที่พาดพิงถึงท่าน ที่ผ่านมาสมเด็จช่วงจะใช้หลักอภัยและเมตตาธรรมมาตลอด เห็นได้ว่าไม่เคยฟ้องกลับใคร แต่ถ้าไปกล่าวหาจนรุนแรงมาก เราจะพิจารณากันอีกที” สมศักดิ์ กล่าวในตอนท้าย