ไลฟ์สไตล์

'เลือดชมพู'เหตุกินยาปฏิชีวนะ-แก้ปวดนาน

'เลือดชมพู'เหตุกินยาปฏิชีวนะ-แก้ปวดนาน

24 ก.พ. 2559

“แพทย์” ระบุ เลือดชมพู เกิดจาก ภาวะเม็ดเลือดแดงแตก เหตุ “กินยาปฏิชีวนะ-แก้ปวด-ความดันหัวใจ-กลูตาไธโอน” นาน ชี้ หากเลิกกินก็หายเอง รุนแรงนอนรพ.แค่ปีละ1คน

 
                      เมื่อวันที่24ก.พ.นพ.ธานินทร์ อินทรกำธรชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านโลหิตวิทยา และหัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีที่มีนักเทคนิกการแพทย์ตรวจพบผู้ป่ายรับประทานยาที่มีส่วนผสมของสมุนไพรจนทำให้ปวดท้อง หมดสติ เมื่อมีการเจาะเลือดมาตรวจก็พบว่าเลือดมีสีชมพู ว่าภาวะเลือดสีชมพูเป็นเพราะเม็ดเลือดแดงแตก แต่ในเรื่องนี้ทางการแพทย์ยังไม่เคยพบหลักฐานว่าสมุนไพรเป็นสาเหตุในการทำให้เม็ดเลือดแดงแตก มีแต่การรับประทานยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวดบางชนิด ยารักษาโรคความดัน และยารักษาโรคหัวใจ รวมถึงยาหรืออาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารกลูตาไธโอน หากรับประทานในปริมารมาก และยาวนานอาจจะมีผลทำให้ตัวคุ้มครองเม็ดเลือดแดงไม่แข็งแรงจนเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตกง่าย ซึ่งจะสามารถเห็นขั้นตอนนี้ได้เมื่อมีการนำเลือดไปปั่นเพื่อแยกพลาสมาดู และวินิจฉัยเพื่อการรักษาโรค แต่กลับพบว่าพบพลาสมากลายเป็นสีชมพู ทั้งๆ ที่ปกติควรจะเป็นสีใส หรือสีขาว
 
                      สำหรับผู้ที่มีภาวะเม็ดเลือดแดงแตกจะมีสัญญาณเตือนแสดงออกมาเช่น เหนื่อยง่าย เดินไม่ไหว คล้ายจะเป็นลม ถ้าปกติแล้วในผู้หญิงจะมีระดับฮีโมโกลบินอยู่ที่ประมาณ12ต่อกรัมเปอร์เซ็น หากลดลงต่ำกว่านี้ราว7-8กรัมเปอร์เซ็น ก็จะทำให้เกิดอาการดังกล่าว แต่เมื่อมีการหยุดยาที่จะไปเป็นตัวทำลายเม็ดเลือดแดง อาการเหล่านี้จะหายไปได้เองภายใน5-7วัน ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล เว้นแต่ว่าจะมีอาการหนักให้รีบไปพบแพทย์ อย่างไรก็ตาม อาการรุนแรงขึ้นขั้นต้องเข้าโรงพยาบาลจะพบได้น้อยมากเฉลี่ย1รายต่อปี ซึ่งไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิต