
เหรียญพระพรหม อ.ติ๋ว วัดมณีชลขัณฑ์
23 ก.พ. 2559
พระองค์ครู : เหรียญพระพรหม อ.ติ๋ว วัดมณีชลขัณฑ์ : เรื่อง ไตรเทพ ไกรงู
คำว่า “พระพรหม” ในทางพระพุทธศาสนา หมายถึง ท่านผู้มีความเพียรกล้า ทรงไว้ซึ่งปัญญาเกินสามัญชน ปรารถนาจะพ้นจากกิเลสานุสัย แล้วบังเกิดอยู่ที่พรหมภูมิ ไม่ข้องในกาม มี ๒ ประเภท คือ รูปพรหม และอรูปพรหม คำว่า “พระพรหม” ในทางพราหมณ์-ฮินดู หมายถึงเทพสูงสุดผู้สร้างโลก
ในพระพุทธศาสนานั้น ยอมรับว่าพระพรหมเป็นเทพที่ปกป้องพระพุทธศาสนา เข้ามาเกี่ยวข้องกับพระบรมศาสดาหลายหนด้วยกัน เห็นง่ายๆ ก็คือ การอาราธนาให้แสดงธรรมเป็นเจ้าแรก ดังปรากฏในบทอาราธนาเทศน์ว่า “พรหมาจโลกาธิปติ สหัมปติ” อันเป็นการระลึกถึงการอาราธนาธรรมของพระสหัมบดีพรหมนั่นเอง
อีกทั้งหลักธรรมในพระพุทธศาสนาข้อหนึ่งก็เป็นพรหมวิหารคือ ธรรมะที่พระพรหมถือปฏิบัติเป็นประจำ และผู้ที่จะได้ไปเป็นพรหมก็ต้องปฏิบัติเช่นนั้น ประกอบด้วย
๑.เมตตา คือ มีความสงสารและเห็นใจผู้ที่ด้อยกว่าและร้องขอความช่วยเหลือ
๒.กรุณา คือ ให้การสงเคราะห์ตามควรแก่กรณีที่จะทำได้
๓.มุทิตา คือ ให้ด้วยความบริสุทธิ์ไม่หวังในสิ่งตอบแทนภายหลังและให้โดยทั่วกัน
และ ๔.อุเบกขา คือ ความเที่ยงธรรมไม่ลำเอียงเห็นแก่หน้าหรือการให้ความเสมอภาคนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้เองพระเกจิยุคโบราณ และปัจจุบันจึงมีการจัดสร้างวัตถุมงคล “เหรียญพระพรหม” ออกมาหลายสำนัก หากเป็นเหรียญพรหมยุคเก่า อันดับหนึ่งของเมืองไทยต้องยกให้สำนักวัดสะแก อยุธยา ริเริ่มสร้างเมื่อสมัยท่านอาจารย์เฮง ไพรวัลย์ ซึ่งเป็นฆราวาสจอมขมังเวทย์ ของอยุธยา เหรียญนี้ในหมู่ลูกศิษย์จะเรียกกันว่าหลังยันต์เกราะเพชร ส่วนเซียนพระจะเรียกกันว่ายันต์ตาราง ยันต์ตะแกรง
แต่ถ้าเป็นพระเกจิอาจารย์ยุคปัจจุบันเหรียญพรหมที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ คือ เหรียญพรหม ที่จัดสร้างโดยพระครูวิมลญาณอุดม (ธรรมนูญ ฐิตวฑฺฒโน) หรืออาจารย์ติ๋ว รักษาการเจ้าอาวาสวัดมณีชลขัณฑ์ อ.เมือง จ.ลพบุรี โดยใน พ.ศ.๒๕๕๙ นี้ท่านได้จัดสร้างเหรียญพระพรหม เนื้อทองคำ โดยสร้างสร้างเพียง ๓๖ เหรียญ เท่านั้น ซึ่งไม่มีการให้เช่าบูชาแต่จะมอบให้เป็นที่ระลึกสำหรับบุคคลสำคัญเท่านั้น
พระอาจารย์ติ๋ว อุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์เมื่ออายุ ๒๐ ปี วัดมณีชลขัณฑ์ อ.เมือง จ.ลพบุรี มีพระครูมงคลภาณี (หลวงพ่อมัง) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูวินิยาภิรัต (หลวงพ่อถมยา) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูพรหมจริยาทร (หลวงพ่อพรหมา) วัดมณีชลขัณฑ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า ฐิตวฑฺฒโน
แม้ว่าอาจารย์ติ๋วจะเรียนวิชามาจากครูหลายท่าน แต่ครูคนสำคัญที่ถ่ายทอดวิชาให้พระอาจารย์จติ๋ว คือ อาจารย์เทพ สาริกบุตร อาจารย์ด้านไสยเวทย์คนหนึ่งในเมืองไทยที่หาตัวจับได้ยากยิ่งเลยทีเดียว รวมทั้งผู้ถูกยกให้เป็นปรมาจารย์ทางโหราศาสตร์ที่สำคัญคนหนึ่งของเมืองไทย เป็นผู้ชี้ทางสว่าง และยังได้แนะนำวิชาคาถาอาคมต่างๆ อีกมากมายให้กับท่าน เป็นผู้มีพระคุณต่อท่านมากท่านหนึ่ง ต่อจากนั้นอาจารย์ธรรมนูญ (ติ๋ว) ก็มิได้ขวนขวายไปร่ำเรียนวิชากับพระอาจารย์ท่านใดอย่างจริงจัง ท่านมุ่งหน้าปฏิบัติธรรมภาวนา และการนั่งวิปัสสนากรรมฐานเป็นหลัก
พระอาจารย์ติ๋วได้รับความไว้วางใจจากเจ้าอาวาสให้ดูแลบริหารงานปกครอง และได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็นพระกรรมวาจารย์ เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๐ พ.ศ.๒๕๔๓ ได้รับบัญชาจากสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชฯ ให้ขึ้นเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส ปีต่อมาท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครูวินัยธร ฐานานุกรมของพระพรหมมุนี วัดบวรนิเวศฯ หลังจากนั้นก็ได้รับพระราชทานเป็นพระครูสัญญาบัตรที่พระครูวิมลญาณอุดม จน พ.ศ.๒๕๕๓ ได้รับพระราชทานเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ที่ชื่อเดิมคือ พระครูวิมลญาณอุดม ตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมณีชลขัณฑ์