
หมอเผด็จแนะดลฤดีทำสัญญาใช้หนี้
หมอเผด็จลั่นตลอด10ปีแต่ไม่เคยได้เงินจากดลฤดี แนะถ้าจะคืนจริงควรทำหนังสือสัญญาชดใช้หนี้มีผลทางกม.สหรัฐอเมริกา อย่าพูดลอยๆ เดินหน้าฟ้องขอชดใช้เงินคืน
เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ทพ.เผด็จ พูลวิทยกิจ ทันตแพทย์คลินิกแห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ผู้ค้ำประกัน ทพญ.ดลฤดี จำลองราษฎร์ อดีตอาจารย์ภาควิชาทันตกรรมสำหรับเด็ก คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) ที่ไม่กลับมาทำงานชดใช้ทุนรัฐบาล กล่าวถึงกรณีที่ ทพญ.ดลฤดี ตอบอีเมล์ผ่านสื่อ และระบุว่าจะใช้เงินคืนให้แก่ผู้ค้ำประกันว่า ตนไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้เลย เพราะตลอดเวลา 10 ปี ทพญ.ดลฤดี ก็พูดเช่นนี้มาหลายครั้งแล้วว่าจะใช้เงิน แต่ยังไม่เคยเห็นเป็นรูปธรรม แต่ยอมรับว่ามีช่วงแรกที่ใช้เงินมา 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งตนคิดว่าหาก ทพญ.ดลฤดี ต้องการที่จะใช้เงินผู้ค้ำประกันทุกคนจริง ก็ควรโอนเงินมาให้ได้แล้ว และควรทำหนังสือสัญญาชดใช้หนี้ที่มีผลทางกฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกาว่าจะชดใช้เงินให้ หากทำแบบนี้ที่ตนกล่าวถึงจะยอมรับ และเชื่อถือในคำพูดได้ แต่ถ้ายังพูดลอยๆ จะให้เชื่อมั่นได้อย่างไร รวมถึงการกระทำของ ทพญ.ดลฤดี น่าจะเป็นเพียงการลดกระแสสังคม การสร้างภาพก็เป็นงานถนัดของเขา และถ้าจะคืนเงินจริงๆ อดีตจะตั้งทนายความมาสู้ทำไม
ทพ.เผด็จ กล่าวต่อไปว่าตนยังคงยืนยันจะฟ้องร้อง ทพญ.ดลฤดี เพื่อให้ชดใช้เงินคืน ซึ่งตอนนี้กำลังปรึกษากับทนายความ และเตรียมข้อมูลต่างๆ รวมถึงรับฟังข้อเสนอแนะจากคนที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวแล้ว ตนไม่เคยคิดที่จะฟ้องร้อง ทพญ.ดลฤดี แต่เมื่อคนไทยในสหรัฐอเมริกาตั้งทุนให้ตนสู้ ตนก็ต้องต่อสู้ เพื่อให้เป็นกรณีตัวอย่าง ซึ่งอยากให้ ทพญ.ดลฤดี มาชำระเงินคืน และมาขอโทษมากกว่าไม่ได้ต้องการฟ้องร้องหรือทำอย่างอื่น ทั้งนี้ สำหรับกรณี ที่มีมีสื่อลงข่าวว่าตนจะฟ้อง มม. เรื่องนี้ขอยืนยันเช่นเดียวกัน ว่าไม่เคยคิด และไม่เคยพูดว่าจะฟ้อง มม.เลย แต่พูดเสมอว่า อยากให้ มม.มีการช่วยเหลือพวกตนที่เป็นผู้ค้ำประกันให้มากกว่านี้ เช่น การหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ หรือไม่คิดดอกเบี้ย เพื่อจะได้เป็นบรรทัดฐานสำหรับผู้ค้ำประกันรายอื่น หากต้องเกิดกรณีการเบี้ยวทุนแบบนี้อีก ส่วนก่อนหน้านี้ที่ มม. ระบุว่า ได้ลดดอกเบี้ยให้แก่ผู้ค้ำประกันแล้วนั้น ในเรื่องนี้เป็นผลมาจากนายประสิทธิ์ จำลองราษฎร์ ซึ่งเป็นอาของ ทพญ.ดลฤดี เป็นผู้แนะนำให้ขอลดดอกเบี้ย ซึ่งการดำเนินเรื่องนี้ได้นั้น ผู้ค้ำประกันต้องทำเรื่องผ่าน มม. ไม่สามารถทำเองได้ ทาง มม.ถึงได้เข้ามาดำเนินการให้
ทั้งนี้ ในส่วนกระแสสังคมต้องการให้ยื่นเรื่องต่อทันตแพทยสภาเพื่อให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพนั้น คิดว่าทำไปก็ไม่มีผลอะไร เพราะ ทพญ.ดลฤดี ได้ใบอนุญาตฯ ของสหรัฐอเมริกา และก็คงไม่กลับมาเมืองไทยอยู่แล้ว จึงมองว่าทำไปก็ไม่น่าจะเกิดประโยชน์อะไร เช่นเดียวกับ การติดต่อไปยังพ่อของ ทพญ.ดลฤดี เพื่อพูดคุยในเรื่องการไม่ใช้ทุนคืน ซึ่งที่ผ่านมามีหลายคนเคยมีการติดต่อกับพ่อของ ทพญ.ดลฤดีแล้ว แต่พ่อก็พูดในทำนองว่าไม่รับรู้กับคนๆ นี้ ตัดขาดกันไปนานแล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนไม่ได้ติดต่อไปยัง มม. แล้ว เพราะได้ใช้หนี้ในส่วนของผู้ค้ำประกันไปหมดแล้ว เวลานี้ทางผู้ค้ำประกัน ต้องไปฟ้องเอาในส่วนของผู้ค้ำประกันเอง ขณะที่ทาง มม. ก็ต้องไปฟ้องเอาอีก 20 ล้านที่หายไป
ทพ.เผด็จ กล่าวอีกว่า มีหลายเรื่องที่สังคมตั้งข้อสังเกต และยังเคลือบแคลงใจ โดยเฉพาะกรณีการที่ มม.อนุมัติให้ลาออกทั้งที่ ทพญ.ดลฤดี ยังไม่ใช้ทุนคืน ซึ่งการที่ มม.ชี้แจงว่า การขอลาออกจากราชการกับการชดใช้เงินทุนเป็นคนละกรณีกัน เพราะการให้ข้าราชการลาออก และยังต้องชดใช้ทุน ไม่เป็นเหตุให้ยับยั้งการลาออก ตามระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยการลาออกจากราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ.2551 ก็มีหลายคนตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดถึงนำระเบียบฯ ปี 2551 มาชี้แจง ทั้งที่ ทพญ.ดลฤดี ลาออกเมื่อปี 2547 ดังนั้น จึงขอยืนยันที่อยากให้มีองค์กรกลางเข้าไปตรวจสอบ มม. เพื่อทุกอย่างจะได้เคลียร์ เพราะถ้ายังไม่เคลียร์สังคมก็ยังเคลือบแคลงแบบนี้ต่อไป



