
หลวงพ่อบัววัดปลาไหลพระเกจิศิษย์หลวงพ่อใยวัดระนาม
หลวงพ่อบัววัดปลาไหลพระเกจิศิษย์หลวงพ่อใยวัดระนาม : ไพศาล ถิระศุภะ
อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี มีพระคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านไสยเวท และแก่กล้าด้านอาคม ตั้งแต่ยุคอดีตจนถึงยุคปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในนั้น คือ หลวงพ่อบัว วัดปลาไหล ต.ประศุก ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทางด้านทิศตะวันตก
หลวงพ่อบัว เดิมชื่อ บัว แย้มกลัด ชาตะที่บ้านไผ่ขวาง หมู่ ๑๐ ต.ประศุก อ.อินทร์บุรี เมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๔๔๐
ท่านได้เข้าศึกษาที่สำนักเรียนวัดปลาไหล (ในขณะนั้นยังไม่มีโรงเรียน) พออ่านออกเขียนได้ก็ออกจากสำนักเรียนไปช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพด้วยความมานะ อุตสาหะ สุจริตตลอดมา จนอายุได้ ๒๒ ปี ถูกเกณฑ์ให้เข้ารับราชการทหาร สังกัดกองทหารสัมภาระ กรมเกียกกายทหารบก บางซื่อ พระนคร
พ.ศ.๒๔๖๖ ท่านออกจากราชการทหารแล้วได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดแจ้ง ต.ท่างาม อ.อินทร์บุรี เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๔๖๖ โดยมี ท่านพระครูสิงหราชมุณี (ใย) วัดระนาม ต.ชีน้ำร้าย เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการอินทร์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระวินัยธรเขียว เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายานามว่า “โชติญาโน” มีความหมายว่า “ผู้รุ่งเรืองด้วยความรู้”
เมื่ออุปสมบทแล้ว ได้ไปจำพรรษาอยู่ในวัดแห่งหนึ่งที่ จ.อุทัยธานี ในช่วงนั้นท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัย และวิชาแพทย์แผนโบราณ จากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญจนมีความรู้ความสามารถเป็นอย่างดี
พ.ศ.๒๔๖๗ ท่านได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดตลุก อ.สรรพยา จ.ชัยนาท เป็นเวลา ๑ ปีเศษ จากนั้นได้ย้ายมาอยู่ที่วัดปลาไหล ตลอดเรื่อยมา โดยได้ฝากตัวขอเรียนวิชาไสยเวทกับท่านพระครูสิงหราชมุนี (ใย) วัดระนาม พระอุปัชฌาย์ ซึ่งเป็นพระคณาจารย์ที่เก่งกล้าสามารถทางไสยเวทเป็นอย่างสูง
พ.ศ.๒๔๘๑ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดปลาไหล พ.ศ.๒๕๐๑ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูบัว
ท่านเป็นพระที่เคร่งครัดต่อพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง และได้พัฒนาจนวัดปลาไหลมีความเจริญรุ่งเรืองวัดหนึ่ง
หลวงพ่อบัว เป็นผู้พูดน้อย แต่พูดจริงทำจริง และท่านยังมีความรู้พิเศษในทางการแพทย์แผนโบราณ สามารถช่วยเหลือชีวิตของผู้เจ็บป่วยให้รอดชีวิตมานับไม่ถ้วน โดยมิได้เห็นแก่ความเหนื่อยยาก และไม่คิดค่าตอบแทนแต่ประการใด ภายในวัดจะเห็นว่าเต็มไปด้วยต้นยานานาชนิด
นอกจากนี้ น้ำมนต์ของท่านยังสามารถปัดเป่าอาการเจ็บป่วยให้หายอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก อาทิ คนแขนขาหัก ท่านใช้น้ำมนต์พ่น ทาและดื่มให้หายได้โดยไม่ต้องเข้าเฝือกหรือใส่ยาแต่ประการใด
น้ำมนต์ของท่านยังใช้รดแก้คุณไสย ภูตผีปีศาจเข้าสิงได้ชะงัดหนัก ท่านได้กล่าวอย่างมั่นใจว่า "น้ำมนต์ของท่านจะอยู่คู่กับวัดปลาไหลตลอดไป เมื่อท่านได้ละสังขารไปแล้ว น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านหน้าวัด สามารถใช้แทนเป็นน้ำมนต์ของท่านได้ เนื่องจากท่านได้ทำพิธีทางไสยศาสตร์โดยอธิษฐานไว้ให้มีความศักดิ์สิทธิ์ตลอดกาล”
หลวงพ่อบัว มีสหธรรมิกในเขต อ.อินทร์บุรี ที่สนิทสนมกันมากอยู่ ๒ ท่าน คือ หลวงพ่อโต๊ะ วัดกำแพง และหลวงพ่อบุญ วัดท่าอิฐ ทั้ง ๓ ท่าน ต่างเป็นพระคณาจารย์ที่เรืองวิชาไสยเวทของ อ.อินทร์บุรี โดยมีการแลกเปลี่ยนวิชาไสยเวทกันอยู่เสมอ
ในช่วงหนึ่ง พระคณาจารย์ทั้ง ๓ ท่าน ได้ไปฝากตัวศึกษาวิชาไสยเวทเพิ่มเติมกับหลวงพ่อเภา วัดถ้ำตะโก ต.เขาสมอคอน อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ผู้เรืองวิชาไสยเวท ของ จ.ลพบุรี เพื่อให้มีความเชี่ยวชาญยิ่งขึ้นไปอีก
ในด้านวัตถุมงคล หลวงพ่อบัวได้จัดสร้างทั้งประเภทพระเครื่องและเครื่องราง มีพุทธคุณดีเด่นในทุกด้านแบบครอบจักรวาล อาทิ พระพิมพ์สมเด็จสามชั้น เนื้อผงพุทธคุณ, พระสุคะโต ปางมารวิชัย เนื้อดินเผา, พระลีลา เนื้อดินผสมผงพุทธคุณ, เหรียญรูปเหมือน พิมพ์เสมา รุ่นแรก ปี ๒๕๐๖ เนื้อทองแดงรมดำ, ภาพถ่ายอัดกระจก ฯลฯ
ด้านเครื่องราง อาทิ ตะกรุด สาลิกา ผ้ายันต์ พญาปลิง ฯลฯ ที่สร้างชื่อเสียงให้ท่านมาก คือ พญาปลิง ที่สร้างจากเนื้อดินผสมผงพุทธคุณ มีพุทธคุณครอบจักรวาล แต่เน้นหนักไปทางด้านโภคทรัพย์ และมหาเสน่ห์
หลวงพ่อบัวได้อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของบรรดาศิษยานุศิษย์ และประชาชนทั่วไป เรื่อยมาจนถึงวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๑๐ ท่านได้ถึงแก่กาลมรณภาพด้วยโรคลม คณะศิษยานุศิษย์ได้จัดการศพของท่านอย่างสมเกียรติ โดยจัดให้มีการสรงน้ำศพท่านถึง ๒ วัน มีศิษยานุศิษย์ ญาติมิตร ท่านที่เคารพนับถือ และประชาชนทั่วไป มาสรงน้ำศพท่านเป็นจำนวนมาก โดยได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลอยู่ถึง ๗ วัน แล้วเก็บสังขารของท่านไว้บนหอประชุมวัดปลาไหล และได้ทำพิธีฌาปนกิจในโอกาสต่อมา สิริรวมอายุได้ ๗๐ ปี พรรษา ๔๖ เหลือไว้แต่คุณความดีงาม และความศักดิ์สิทธิ์ในวัตถุมงคลของท่าน ที่เป็นอมตะคงอยู่ตลอดกาลนาน