
เบตงขุนเขาและสายหมอกใต้สุดแดนสยาม
31 ม.ค. 2559
เบตงขุนเขาและสายหมอกใต้สุดแดนสยาม : ชวนเที่ยว เรื่อง/ ภาพ สมศักดิ์ ล่ำพงศ์พันธุ์
เบตงเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดยะลา อยู่ใต้สุดของประเทศไทยห่างจากตัวเมืองยะลาประมาณ 140 กม. มีถนนเส้นทางเดียวที่ตัดผ่านมีสภาพที่โค้งคดเคี้ยวผ่านซอกหุบเขา จึงเป็นเมืองที่มีลักษณะพิเศษหลายๆ อย่าง เช่นป้ายทะเบียนรถเป็นชื่ออำเภอแห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศ เนื่องจากเดินทางยากลำบาก จึงอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในเมืองเบตงด้วยการทำป้ายทะเบียนเฉพาะเบตงขึ้นมา และยังมีตู้ไปรษณีย์ที่สูงใหญ่ที่สุดด้วย

ดินแดนใต้สุดเมืองแดนสยามเป็นเมืองเก่าแก่ตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2441 คำว่า “เบตง” (Betong) มาจากภาษามลายูว่า “BuluhBetong” หมายถึงไม้ไผ่หรือไผ่ตง และมีโครงสร้างทางวัฒนธรรม 3 ชนชาติ คือ ไทย มุสลิม และจีน ที่อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข แม้ว่าปัจจุบันสถานการณ์ทางจังหวัดชายแดนใต้จะไม่ค่อยสงบ แต่เมืองเบตงก็ยังปกติไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น จึงกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่คึกคักมาตลอด มีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย สิงคโปร์ เข้ามาเป็นประจำ ยิ่งกระแสแหล่งท่องเที่ยวทะเลหมอกอัยเยอร์เวงโด่งดัง นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ยิ่งเข้ามามากขึ้น

สำหรับตัวเราเองก็เคยมาเที่ยวเบตงหลายครั้งแล้ว จึงมีความมั่นใจว่าเมืองเบตงแห่งนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด โดยเฉพาะเรื่องการเดินทางจะมีรถทัวร์ประจำทางกรุงเทพฯ-เบตง แม้ว่าจะนั่งรถนานสักหน่อยแต่ราคาไม่แพง หรือจะเลือกเดินทางนั่งเครื่องบินลงหาดใหญ่แล้วต่อรถตู้หาดใหญ่-เบตงผ่านยะลาเข้าเบตงค่าโดยสารประมาณ 250 บาท หรือจะเลือกเส้นทางมาเลเซียเข้าด่านประกอบด้วยรถเก๋งอย่างดี แต่ค่ารถคนละ 400 บาท และต้องใช้พาสปอร์ตหรือทำบอร์เดอร์พาส

ผมลองเลือกใช้เส้นทางผ่านมาเลเซียเพื่อศึกษาสภาพการเดินทาง พบว่าถนนหนทางก็ดี รถน้อยผ่านเมืองเล็กๆ ก่อนจะเข้าสู่ด่านไทย ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงก็ถึงเมืองเบตง

ภายในเมืองเบตงจะมีศูนย์กลางอยู่ที่บริเวณวงเวียนหอนาฬิกาคู่บ้านคู่เมือง ตกเวลาค่ำๆ จะมีบรรยากาศสีสันสวยงาม มีนกนางแอ่นมาเกาะนอนตามสายไฟทุกคืน และมีอาคารบ้านเรือนทาสีสดใส เพื่อเป็นมิติความสดใสของบ้านเมืองให้น่าเที่ยวชมมากขึ้น และยังมีร้านอาหารร้านค้าโรงแรมที่พักก็อยู่ไม่ไกลกัน

ในบริเวณสี่แยกหอนาฬิกามีตู้ไปรษณีย์ ที่สูงและใหญ่ที่สุดในโลก อันเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวของเมืองไทย สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์การสื่อสารของอำเภอเบตง ปัจจุบันก็ยังใช้งานได้ปกติ และกลายเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของเมืองเบตง

จะมีใครรู้มั้ยว่า ตู้ไปรษณีย์แห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2467 มีอายุร่วม 89 ปี เป็นคอนกรีตเสริมเหล็กมีเส้นรอบวงของตัวตู้ประมาณ 140 ซม. ตู้มีความสูงถึง 290 ซม. นับจากฐานขึ้นไปรวมความสูงทั้งหมด 320 ซม.

จากสี่แยกวงเวียน เดินขึ้นเนินสูงไปยังอุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ เป็นอุโมงค์ที่สร้างลอดภูเขาแห่งแรกของเมืองไทยทะลุไปอีกด้านหนึ่งเพื่อเชื่อมต่อการขนส่งระหว่างชุมชนเมืองในปัจจุบัน กับชุมชนเมืองใหม่ บริเวณถนนอัยเยอร์เบอร์จัง มีระยะทางยาว 273 เมตร ทำให้การสัญจรในตัวเมืองสะดวกยิ่งขึ้น ด้านบนอุโมงค์เป็นสวนสาธารณะ มีพิพิธภัณฑ์ศิลปวัฒนธรรม สามารถชมวิวเมืองเบตงได้อีกจุดหนึ่ง
ในบริเวณใจกลางเมืองเบตงจะมีร้านค้าร้านอาหารที่หลากหลาย หากใครจะรับประทานอาหารในเบตงก็มีเมนูประจำเบตงที่ขึ้นชื่ออย่าง ไก่เบตง เป็นไก่พันธุ์เลียงชานมีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน เนื้อหวานนุ่ม ไม่เปื่อยยุ่ย นำมาทำเป็นเมนูไก่สับเบตง, ไก่ตุ๊นยาจีน, ไก่ตุ๋นมะนาวดอง, ต้มยำไก่ หรือไก่ต้มซีอิ้ว

นอกจากนี้ยังมีผักน้ำเป็นพืชเฉพาะถิ่น ปลูกในน้ำ นำมาทำเป็นเมนูผัดผักน้ำ ผักน้ำต้มกระดูกหมู และยังเมนูปลาจีนนึ่งบ๊วย, เคาหยกหมี่เบตง, เฉาก๊วยเบตง เป็นต้น
เมืองเบตงจัดว่าเป็นเมืองที่สงบเงียบก็พอมีเด็กแว้นๆ อยู่บ้าง หากเป็นช่วงวันศุกร์-อาทิตย์ จะนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย สิงคโปร์ เดินกันขวักไขว่อย่างไร้วินัยทางสังคม แต่หลายๆ คนก็พอเข้าใจพื้นฐานสังคมของเขาก็ไม่คิดอะไรมาก
ออกมานอกเมืองเบตง จะมีวัดเบตง หรือ วัดพุทธาธิวาส มีเจดีย์ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง เป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามจัดสร้างอย่างมีชั้นเชิงลดหลั่นตามสภาพความลาดเอียงของภูมิประเทศ เป็นศาสนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวพุทธนับถือยึดเหนี่ยวจิตใจมาตลอด บนวัดพุทธาธิวาสมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พุทธศาสนิกชนนิยมมาสักการบูชา 3 สิ่งคือ พระมหาธาตุเจดีย์, พระพุทธธรรมประกาศ, พระพุทธธรรมกายมงคลปยุรเกศานนท์สุพพิธาน และวิหารหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด
ภายในเมืองเบตงจะมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ที่อยู่ใจกลางเมืองไม่ไกลจากที่พักมากนัก ส่วนโรงแรมที่พักก็มีหลายระดับหากเป็นโรงแรมที่สูงที่สุดในเบตง คือ โรงแรมแกรนด์แมนดารินสูง 25 ชั้นสามารถมองเห็นวิวรอบเมืองแบบ 360 องศา หากเป็นช่วงเวลายามพลบค่ำจะแสงสีที่สวยงามของเมืองเบตงได้อย่างยอดเยี่ยม
หากว่าเป็นห้วงเวลายามเช้าตรู่ เราได้เห็นภาพบรรยากาศสวยงามที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนว่าเมืองเบตงได้ถูกโอบล้อมสายหมอกและทะเลหมอกอยู่รอบด้าน สายลมหนาวในแดนใต้โชยมาเบาๆ ไม่ได้หนาวเหน็บเหมือนทางภาคเหนือ หรือภาคอีสาน
ยามเมื่อแสงเรืองรองจับผืนฟ้าเป็นสีสันขณะที่แสงไฟในตัวเมืองยังปรากฏเด่นชัด จึงทำให้ภาพบรรยากาศทิวทัศน์ของตัวเมืองเบตงสวยงามอย่างน่าอัศจรรย์ โดยเฉพาะกลุ่มเมฆก้อนใหญ่ที่ค่อยๆ ค่อยปรับสีน่าตระการ เมื่อมองไกลออกไปยังขุนเขาที่รายล้อมรอบเมืองก็เห็นสายหมอกแปรเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง จนเราไม่สามารถจับจังหวะได้ทันว่าจะเปลี่ยนเป็นแบบไหน โดยเฉพาะมุมทางด้านตะวันออกกำลังมองเห็นแสงสีมลังเมลืองพร้อมสายหมอกที่หนาตาจับตามแนวยอดเขา หากเยื้องไปทางขวามือเป็นทางด้านทิศใต้จะมองเห็นยอดเขานมสาวฝั่งประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะมีจุดชมทะเลหมอกสองแผ่นดินทางบ้าน 50 ไร่ หรือจะมองมาทางมุมวงเวียนหอนาฬิกาจะเห็นสายหมอกจับตามแนวยอดเขาที่สวยงามไม่แพ้กัน จนกระทั่งแสงแดดเริ่มสาดแรงเพิ่มขึ้น สายหมอกจึงค่อยๆ จางหายไปพร้อมเสียงรถยนต์ดังสะท้อนขึ้นมายังยอดตึก
ความงดงามของทะเลหมอกในเมืองเบตงจะมีจุดชมวิวได้อีกจุดหนึ่ง คือ ในบริเวณพระตำหนักเส้นทางออกไปทางชายแดน และในบริเวณบ้าน 50 ไร่ อยู่ในบริเวณเขตแดนไทย-มาเลเซีย
หากจะถึงถึงทะเลหมอกที่สุดอลังการตาของอำเภอเบตงแล้วก็ต้องยกให้ ที่ตำบลอัยเยอร์เวง บริเวณยอดเขาไมโครเวฟ กับยอดเขากุนุงซิลิปัต เป็นธรรมชาติที่สวยงามสุดๆ แต่อยู่ไกลจากเมืองไปมาก หากจะไปชมทะเลหมอกที่เขาไมโครเวฟก็ต้องออกจากที่พักในตัวเมืองเบตงสักตี 4
นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงเมืองเบตง ได้แก่ อุโมงค์ปิยะมิตร เคยเป็นฐานที่มั่นกลุ่มขบวนการจีนคอมมิวนิสต์มลายาในช่วงปีพ.ศ. 2519 สร้างเพื่อใช้เป็นฐานปฏิบัติการเพื่อหลบภัยทางอากาศและสะสมเสบียง ตั้งอยู่บนเนินเขากลางป่าดงดิบล้อมรอบด้วยป่าทึบ ภายในอุโมงค์มีความกว้างพอสำหรับคนเดินได้ มีความยาวของอุโมงค์ประมาณ 1 กิโลเมตรในอดีตมีทางเข้า-ออก 9 ทางแต่ปัจจุบันเหลือเพียง 6 ทาง ภายในอุโมงค์ยังคงพบสภาพร่องรอยต่างๆ ไว้เกือบสมบูรณ์
และในเส้นทางที่ผ่านไปยังอุโมงค์ปิยะมิตร มีบ่อน้ำร้อนให้ท่องเที่ยว รวมถึง สวนดอกไม้เมืองหนาว สวนหมื่นบุปผาเป็นจุดท่องเที่ยวพักผ่อนที่ไม่ควรพลาดเช่นกัน
ก่อนจะเข้าตัวเมืองเบตง ยังมีสวนสาธารณะริมทางเป็นจุดหนึ่งที่เราต้องเช็กพ้อยท์กันว่า เมืองเบตงเป็นยังไงกันบ้าง สวยงามแค่ไหน ชื่นชอบมากน้อยเพียงใด หรือจะบอกว่าเราควรมาเยือนเมืองเบตงแห่งนี้ือีกมั้ย ด้วยการไปยืนถ่ายภาพประทับความทรงจำดีๆ ไว้ตรงป้าย……..“ O.K. BETONG” (บรรยายภาพ) 1-หมอกล้อมเมืองเบตงในยามเช้าตรู่ มิติความงามที่สัมผัสได้ 2-แสงสีทองสาดผ่านยามเช้า เห็นวัดพุทธาธิวาสโดดเด่นบนยอดเขา 3-นกนางแอ่น เกาะนอนตามสายไฟ บริเวณวงเวียนหอนาฬิกากลางเมือง 4- ตู้ไปรษณีย์ที่สูงใหญ่ สัญลักษณ์ของเมืองเบตง 5- สีสันของบ้านเรือนที่ทาสีใหม่กับวันฟ้าสีคราม 7-หนึ่งในแลนด์มาร์คเบตง 8-โกวิท ร้านนาฬิกาเสียงศิลป์กับนาฬิกาหลากชนิดเต็มร้าน 9-แทบไม่น่าเชื่อว่า กาแฟร้อนใส่กระป๋องหิ้วกลับบ้านแบบนี้ยังมีอยู่ที่เบตง 10-อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ อุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขาแห่งแรกของเมืองไทย 13-สวนหมื่นบุปผา เป็นสวนดอกไม้เมืองหนาวในเมืองเบตง 15-ไก่สับเบตง อาหารขึ้นชื่อของเมืองเบตง 16-ผักน้ำ เป็นพืชเฉพาะถิ่นนำมาทำเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อ 17-สายหมอกที่ไหลอ้อยอิ่งตามแนวเทือกเขารอบเบตง 20-การทาสีตึกด้วยสีสันสดใส เพื่อให้บรรยากาศบ้านเมืองมีความสด