
'บิ๊กต๊อก'จี้'หมอวิชัย'เคารพกติกา
11 ม.ค. 2559
'ไพบูลย์' ย้อน 'หมอวิชัย' ให้รับผิดชอบคำพูด เคารพกติกา ไม่เห็นด้วย 'เรืองไกร' เสนอยุบ สสส. ชี้ หลายโครงการเป็นประโยชน์ แค่ต้องจัดระบบใหม่ให้สังคมหายเคลือบแคลง
11 ม.ค. 59 พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า จะส่งจดหมายยื่นข้อเสนอให้ รมว.ยธ. ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) พิจารณายุบ หรือยกเลิก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ว่า ไม่เข้าใจว่ายุบในความหมายของนายเรืองไกร คืออะไร แต่ต้องยอมรับว่ามีหลายโครงการของ สสส.ที่ทำแล้วเกิดประโยชน์ ถ้าเสนอให้ยุบโดยไม่ให้มี สสส. ณ เวลานี้ ตนก็ไม่เห็นด้วย เพราะที่ผ่านมา สสส.มีโครงการที่ดีมีประโยชน์หลายโครงการ ซึ่งควรจะมีการจัดระบบใหม่เพื่อให้สังคมปราศจากความเคลือบแคลงและหายสงสัย ไม่ใช่เรื่องแปลกหากเราทำเพื่อความบริสุทธิ์ใจ เพราะการจัดระบบสามารถทำได้ ถ้าปล่อยไว้ให้เคลือบแคลงก็จะมีปัญหาไม่จบไม่สิ้น ถือเป็นคนละเรื่องกับการปลดย้ายบอร์ด สสส.ตามคำสั่ง ม.44
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวถึง กรณีของ นพ.วิชัย โชควิวัฒน อดีตกรรมการกองทุน สสส. ที่ถูกย้าย จะไม่เข้าร้องขอความเป็นธรรมกรณีที่ถูกปลด ว่า การกำหนดรายชื่อตามมาตรา 44 แม้จะเสนอไปแล้ว แต่โดยหลักการผู้ที่ถูกย้ายก็สามารถยื่นร้องขอความเป็นธรรมได้เสมอ บางคนแม้จะออกคำสั่งไปแล้วแต่เมื่อนำหลักฐานมาพิสูจน์หรือมีข้อมูลใหม่ที่ตรวจสอบได้ ทาง ศอตช.ก็ออกคำสั่งถอนให้ การใช้คำสั่งนี้เพื่อเป็นมาตรการระงับยับยั้ง ไม่ใช่เป็นคำสั่งเบ็ดเสร็จเหมือนคำสั่งศาลยุติธรรม การจะเข้ามาร้องขอความเป็นธรรมหรือไม่ ถือเป็นสิทธิ์ของเขา แต่อยากขอให้เคารพในกติกาของ ศอตช.ด้วย เพราะการประกาศรายชื่อที่โยกย้ายตามคำสั่ง ม.44 มีมาแล้ว 2 ล็อต ก่อนคำสั่งปลดบอร์ด สสส. ซึ่งเป็นล็อตที่ 3 ก็มีกติกาชัดเจนว่า รายชื่อที่ถูกโยกย้ายไม่ได้ระบุว่าเป็นความผิดเด็ดขาด หากชี้แจงได้ก็สามารถคืนตำแหน่งได้
"เราใช้มาตรการนี้เพื่อยับยั้งยังไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดในมาตรการทางปกครอง ถ้าพิสูจน์ได้ก็กลับสู่ตำแหน่งเดิม ถ้าเขาไม่ขอใช้สิทธิ์ก็ต้องเคารพกติกา ถ้าท่านอยากให้เคารพกติกาก็ต้องเคารพกติกาของผมด้วย เพราะนั่นคือสิ่งที่สังคมต้องการ และการที่ไปกล่าวเรื่องคนโน้นคนนี้มีปัญหา ท่านก็ต้องเคารพคำพูดของท่านด้วยว่าพูดแล้วเกิดความเสียหายกับคนอื่นและองค์กรอื่นหรือไม่ ถ้าไม่เคารพกติกาก็จะเกิดผลเสียได้ ส่วนการดำเนินการในทางอาญาจะมีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสำนักการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และ คตร. ซึ่งไม่ได้อยู่ในกำกับดูแลของ ศอตช. เพียงแต่ทำงานร่วมกันเพื่อนำไปสู่การออกคำสั่งมาตรา 44 ถ้าทั้ง 2 หน่วยงานเรียกให้ข้อมูลก็คงต้องมา"



