ไลฟ์สไตล์

ร.ร.ปทุมคงคาใช้'สะเต็มศึกษา'สร้างแรงบันดาลใจ'เด็ก'สู่อาชีพ

ร.ร.ปทุมคงคาใช้'สะเต็มศึกษา'สร้างแรงบันดาลใจ'เด็ก'สู่อาชีพ

04 ม.ค. 2559

ร.ร.ปทุมคงคาใช้'สะเต็มศึกษา'สร้างแรงบันดาลใจ'เด็ก'สู่อาชีพ : เกศกาญจน์ บุญเพ็ญ

           สะเต็มศึกษาเป็นกลวิธีที่สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) สนับสนุนเพื่อให้เกิดการบูรณาการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์เข้าด้วยกัน หวังให้ผู้เรียนนำความรู้ไปใช้เพื่อแก้ไขปัญหาในชีวิตและพัฒนาอาชีพโรงเรียนปทุมคงคา หนึ่งในโรงเรียนเครือข่ายสะเต็มศึกษาก็ได้นำกิจกรรมที่ชื่อว่า “นาวาฝ่าวิกฤต” ไปจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ให้แก่นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
ร.ร.ปทุมคงคาใช้\'สะเต็มศึกษา\'สร้างแรงบันดาลใจ\'เด็ก\'สู่อาชีพ
 
           สำหรับ “นาวาฝ่าวิกฤต” กำหนดให้นักเรียนสวมบทบาทเป็นวิศวกรที่จะต้องออกแบบและสร้างพาหนะสำหรับบรรทุกสิ่งของในช่วงวิกฤติน้ำท่วมซึ่งพาหนะดังกล่าวต้องสามารถบรรทุกสิ่งของให้ได้มากที่สุด โดยไม่เปียกน้ำและใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าโดยตัวแทนนักเรียน ม.3 ได้แก่ นายธนบดี แนวศรีนาค นายสุรเชษฐ์ สิทธิสุข ด.ช.ธีรภัทร แก้วกำเนิด และ ด.ช.ประภัทร จิตต์ฮหมัน ชั้น ม.3 ร่วมเล่าถึงการทำกิจกรรมดังกล่าวว่า กิจกรรมนาวาฝ่าวิกฤต เป็นการนำประสบการณ์จากน้ำท่วมครั้งใหญ่ จะประกอบไปด้วยฐานการเรียนรู้ 3 ฐาน
ร.ร.ปทุมคงคาใช้\'สะเต็มศึกษา\'สร้างแรงบันดาลใจ\'เด็ก\'สู่อาชีพ
 
           ฐานที่การเรียนรู้ที่ 1 ทำดินน้ำมันให้ลอยน้ำได้อย่างไร โดยตั้งคำถามว่าถ้าปั้นดินน้ำมันทั้งก้อนเป็นสี่เหลี่ยมแผ่นบางๆ และนำไปลอยน้ำดินน้ำมันรูปทรงดังกล่าวจะลอยน้ำได้หรือไม่ และให้ออกแบบและปั้นดินน้ำมันที่สามารถลอยน้ำฐานการเรียนรู้ที่ 2 สูงหรือต่ำมีผลต่อการทรงตัวเรืออย่างไร โดยต้องสร้างเรือ 2 ชั้นโดยใช้วัสดุเป็นถ้วยโฟมแล้ววางดินน้ำมันก้อนเล็กทรงกลม 4 ก้อนบนเรือสองชั้นตามตำแหน่งต่างๆ และให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายว่าเหตุใด ตำแหน่งที่บรรทุกสิ่งของบนเรือจึงมีผลต่อการทรงตัวของเรือและฐานการเรียนรู้ที่ 3 บรรทุกสิ่งของได้เท่าใด โดยคำนวณหาปริมาตรขวดพลาสติกทรงกระบอก และหาคำตอบว่าขวดพลาสติกสามารถบรรทุกสิ่งของเข้าไปข้างในได้มากที่สุดเท่าไรโดยที่ขวดยังไม่จมน้ำ
ร.ร.ปทุมคงคาใช้\'สะเต็มศึกษา\'สร้างแรงบันดาลใจ\'เด็ก\'สู่อาชีพ
 
           “การทำกิจกรรมทั้ง 3 ฐานการเรียนรู้ทำให้เราได้รับประสบการณ์ในการเรียนวิทยาศาสตร์ที่สนุกขึ้น ได้ฝึกการทำงานกับเพื่อนในทีมและได้แข่งขันเรียนรู้จากเพื่อนในทีมอื่นๆ ด้วย นอกจากนี้ความรู้ที่ได้ก็จะติดตัวให้เรานำไปปรับใช้กับการเรียนวิชาอื่นๆ รวมถึงใช้ในชีวิตประจำวันได้” กลุ่มนักเรียนชาย ม.3 กล่าว
ร.ร.ปทุมคงคาใช้\'สะเต็มศึกษา\'สร้างแรงบันดาลใจ\'เด็ก\'สู่อาชีพ
 
           ขณะที่ น.ส.มุทิตา กกแก้ว ครูสอนวิทยาศาสตร์ ม.ต้นและวิชาเคมี ม.ปลาย อธิบายว่า โรงเรียนปทุมคงคา ได้เริ่มนำร่องนำสะเต็มศึกษามาใช้ทำกิจกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนมาตั้งแต่ภาคเรียนที่ 1/2558 ซึ่งกิจกรรมนาวาฝ่าวิกฤตนั้น ทาง สสวท.พัฒนาขึ้นและนำมาใช้ในการเรียนของนักเรียน ม.ต้น มีเป้าหมายที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กได้ฝึกฝนในการเป็น “วิศวกรน้อย” โดยจำลองสถานการณ์ที่เจอขึ้นจริงมาเป็นตัวกระตุ้นเพื่อให้นักเรียนรู้จักคิดแก้ไขปัญหา ซึ่งปัญหาต่างๆ สามารถแก้ไขได้ด้วยความรู้ด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพราะฉะนั้น สิ่งที่นักเรียนจะได้จึงแตกต่างไปจากการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ในอดีตที่รู้แค่ด้านวิชาการ อาทิ รู้จักความหนาแน่น รู้ว่าสารที่มีมวลเท่ากันต้องทำวัตถุรูปทรงอย่างไร ขนาดใด ฯลฯ
ร.ร.ปทุมคงคาใช้\'สะเต็มศึกษา\'สร้างแรงบันดาลใจ\'เด็ก\'สู่อาชีพ
 
           “กิจกรรมสะเต็มศึกษาจะส่งเสริมให้เด็กได้ศึกษาลงมือปฏิบัติ นำความรู้ที่ได้แต่ละฐานไปสู่การสร้างชิ้นงานและยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจและปูทางการเป็นวิศวกรน้อยให้แก่เด็กๆ ส่วนตัวมองว่าการนำรูปแบบสะเต็มศึกษามาใช้จัดกิจกรรมการสอนถ้าทำอย่างต่อเนื่องจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน เพราะเด็กเกิดความคุ้นชินเกิดทักษะชีวิต รู้จักคิดและวางเป้าหมายเพื่อจะเดินไปสู่เป้าหมายได้สำเร็จ เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การทำงานร่วมกันในหมู่เพื่อน รับฟังความคิดเห็นไม่ใช่รู้หรือสนใจแค่ตนเอง ที่สำคัญความรู้ไม่ได้จบลงแค่ในห้องเรียนและแค่การสอบ” น.ส.มุทิตา กล่าว
 
           ในตอนท้าย น.ส.มุทิตา บอกด้วยว่า ที่โรงเรียนยังใช้กิจกรรมสะเต็มศึกษา ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในระดับ ม.ปลายด้วย โดยจะเน้นกิจกรรมที่เน้นทักษะชีวิตและยังต่อยอดไปสู่การประกอบอาชีพด้วย