ไลฟ์สไตล์

ครองเวหาครองนทีจักรีนฤเบศร

ครองเวหาครองนทีจักรีนฤเบศร

03 ม.ค. 2559

ครองเวหาครองนทีจักรีนฤเบศร : ถิ่นไทยงาม

          ราว 18 ปี ที่ผ่านมา ในการเข้าประจำการของ เรือหลวงจักรีนฤเบศร เรือธงและเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกและลำเดียวในกำลังรบของกองทัพเรือไทย ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ แถมมองไปถึงอนาคตอย่างงงๆ ว่า เราจำเป็นขนาดไหนที่ต้องมีเรือใหญ่ขนาดนี้ เราไม่ได้มีสงครามกับใคร ไม่ได้มีสงครามทางเรือ ไม่ได้มีปัญหาเรื่องพิพาทหมู่เกาะ จนต้องเสริมทัพเรือให้ยิ่งใหญ่ หากนับตั้งแต่ที่เรือลำนี้เข้าประจำการ วันที่ 20 มีนาคม 2540 เราก็ได้คำตอบอยู่ในตัวของมันเองอยู่แล้ว

ครองเวหาครองนทีจักรีนฤเบศร

          ชื่อ จักรีนฤเบศร แปลว่า ผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์จักรี ที่ได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ไม่เพียงตอกย้ำความยิ่งใหญ่ของตัวเรือ แต่ยังรวมไปถึงภารกิจที่ยิ่งใหญ่ด้วย

ครองเวหาครองนทีจักรีนฤเบศร

          ร.ล.จักรีนฤเบศร มีรหัสประจำเรือ 911 นำแบบมาจากเรือปรินซีเป เด อัสตูเรียส (Principe de Asturias) ของกองทัพเรือสเปน แม้จะลดสเปกความเกรียงไกรลงมาบ้าง แต่ก็ยังจัดว่ายิ่งใหญ่ โดยมีความยาวตลอดลำเรือ 182.6 เมตร มีความกว้างสูงสุด 30.5 เมตร กินน้ำลึกระหว่าง 6.2-6.8 เมตร มีความเร็วสูงสุด 24 นอต เรียกว่าถ้าจะเดินทางจากสัตหีบไปภูเก็ตก็ใช้เวลาราวครึ่งวัน

ครองเวหาครองนทีจักรีนฤเบศร

          ทันทีที่เรือรบลำนี้เข้าประจำการก็ต้องออกปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุไต้ฝุ่นซีต้า ที่ จ.ชุมพร ในเดือนสิงหาคมปีเดียวกันนั้น โดยใช้เฮลิคอปเตอร์ประจำเรือบรรทุกอาหารไปแจกจ่ายผู้ประสบภัยและลำเลียงผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล และอีก 3 เดือนต่อมาก็ออกช่วยเหลือชาวประมงที่ประสบภัยจากพายุไต้ฝุ่นลินดา นอกจากนี้ยังมีภารกิจช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่หาดใหญ่ จ.สงขลา, ภารกิจค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยรวมถึงเก็บกู้ศพผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ เมื่อเดือนธันวาคม 2547, ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ในปี 2554

ครองเวหาครองนทีจักรีนฤเบศร

          ซึ่งเรือรบใหญ่สามารถที่จะฝ่าคลื่นจัด พายุซัดได้ดี ทำให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปได้ดีกว่า “ถ้าเรายืดหยัดด้วยตัวเองแทบไม่รอด แล้วจะไปช่วยคนอื่นให้รอดได้อย่างไร” เป็นคำตอบได้ดีถึงความจำเป็นที่ต้องมีเรือขนาดใหญ่และยุทโธปกรณ์ครบครัน

ครองเวหาครองนทีจักรีนฤเบศร

          นอกจากภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว ร.ล.จักรีนฤเบศรยังต้องฝึกฝนตัวเองในการซ้อมรบเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับศึกสงครามที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ ควบคู่ไปกับการทำตัวเป็นทูตสันถวไมตรีกับผู้คน ด้วยการอ้าแขนต้อนรับผู้มาเยือน ซึ่งแต่ละเดือนไม่ใช่น้อยๆ ระหว่างที่ไม่ได้ออกปฏิบัติภารกิจ หรือซ้อมรบ จะจอดประจำการเทียบท่าเรือจุกเสม็ด ฐานทัพเรือสัตหีบ และอนุญาตให้ประชาชนเฉพาะคนไทยเข้าเยี่ยมชมได้ทุกวันระหว่างเวลา 09.00-17.00 น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ แต่ต้องแต่งกายสุภาพ(ห้ามสวมรองเท้าแตะ), ห้ามนำกระเป๋าสัมภาระ กระเป๋าหรืออาหาร เครื่องดื่ม สัตว์เลี้ยง, กล้องวิดีโอ ห้ามพกพาอาวุธและวัตถุอันตราย และเยี่ยมชมได้เฉพาะบริเวณที่กำหนดเท่านั้น บนเรือมีโรงพยาบาลขนาด 15 เตียง มีอุปกรณ์การแพทย์ครบครัน มีครัวขนาดใหญ่ ห้องพัก และห้องรับรองผู้ประสบภัยที่เตรียมพื้นที่ไว้เป็นพิเศษ แต่จุดที่เป็นไฮไลท์ ใครๆ ก็ชอบไปเดินเล่น ก็คือบริเวณที่เป็นดาดฟ้า ซึ่งเป็นรันเวย์ของเครื่องบินด้วย อ้อ...ถ้าจะนับจากชั้นล่างสุดถึงชั้นบนสุดที่เป็นห้องควบคุมเรือ ก็มีทั้งหมด 6 ชั้นทีเดียว มีลิฟต์เล็กๆ ไว้บริการด้วย

          ส่วนถ้าจะไปเยี่ยมชมเป็นหมู่คณะ ให้แจ้งชื่อหน่วยงาน วัน-เวลาและจำนวนผู้เข้าเยี่ยม ส่งถึงผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ กองเรือยุทธการ ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 20180 ก็จะได้รับการอำนวยความสะดวก มีเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลของเรือตามที่ต้องการด้วย

          ใกล้จะถึงวันเด็กแล้ว ร.ล.จักรีนฤเบศร ก็เป็นหนึ่งในผู้มีบทบาทสำคัญในการต้อนรับเด็กๆ มาเยี่ยมชมทำความรู้จัก แม้การจราจรจะติดขัด แถวเด็กๆ ที่ยาวเหยียด แต่ในเมื่อเด็กไม่บ่น เรือหลวงซึ่งรับบทหนักก็ไม่บ่นเหมือนกัน

          (กองกิจการพลเรือน กองเรือยุทธการ โทร.0-3843-9479 )