
ผุดศูนย์การเรียนเฉพาะความพิการช่วยเด็กด้อยโอกาสการศึกษา
ผุดศูนย์การเรียนเฉพาะความพิการ ช่วยเด็กด้อยโอกาสเข้าถึงการศึกษา
เด็กพิการทุกคนต้องการโอกาส เพราะความพิการเป็นแค่อุปสรรคในบางเรื่องเท่านั้น หากพวกเขาได้รับองค์ความรู้และทักษะต่างๆ แล้ว ก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมเช่นเดียวกับเด็กทั่วไป บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ร่วมกับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ผลักดัน “โครงการจัดตั้งศูนย์การเรียนเฉพาะความพิการ” ภายใต้โครงการ “บิ๊กซีจับมือทำดีเพื่อชุมชน ปี3” ได้ดำเนินการปรับปรุงอาคารสถานที่ และสนับสนุนสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงสื่อการเรียนการสอนสำหรับเยาวชนผู้พิการให้สามารถเข้าถึงการศึกษาและบริการที่มีมาตรฐานและคุณภาพมากขึ้น ณ ศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดสมุทรสงคราม อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม
สรายุธ ภูคัสมาส ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดสมุทรสงคราม เล่าว่า ศูนย์นี้เป็นเหมือนโรงเรียนอนุบาลเด็กพิการแรกเริ่ม โดยจะช่วยเหลือเด็กพิการทุกประเภทให้เข้าสู่ระบบการศึกษา และเพื่อเตรียมความพร้อมจนเด็กสามารถช่วยเหลือตนเองได้ แล้วจึงค่อยส่งต่อไปยังโรงเรียนเฉพาะความพิการ หรือเรียนร่วมกับเด็กปกติ นอกจากนี้ยังมีการฝึกอาชีพรองรับกรณีที่ไม่สามารถส่งเด็กต่อได้ เนื่องจากเป็นเด็กโตเกินไปหรือมีความพิการรุนแรง
“ที่ศูนย์จะมีเด็กๆ อยู่ทุกประเภทความพิการ มีคุณครูเฉพาะการศึกษาพิเศษมาสอนประจำ อยู่ 2 คนภายใต้ 6 ทักษะ ได้แก่ ทักษะกล้ามเนื้อมัดเล็ก กล้ามเนื้อมัดใหญ่ วิชาการ การสื่อสาร สังคม การดำรงชีวิต และทักษะจำเป็นเฉพาะความพิการ ซึ่งเด็กบางคนอาจจะมีปัญหาแค่บางจุด ดังนั้นถ้าเขาได้รับการพัฒนาไปเรื่อยๆ จะสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับเด็กอื่นๆ” ผอ.ศูนย์การศึกษาพิเศษอธิบาย
นอกจากนี้ ผอ.ศูนย์การศึกษาพิเศษบอกอีกว่า เด็กพิการบางกลุ่มที่มีความบกพร่องทางด้านร่างกาย ซึ่งจะต้องใช้นักกายภาพบำบัดโดยเฉพาะ ศูนย์ใหญ่ก็จะจัดเวรนักกายภาพบำบัดออกมาให้บริการสัปดาห์ละ 2 วัน และยังออกไปเยี่ยมบ้านและบริการให้แก่เด็กพิการที่ไม่สะดวกเดินทางมาที่ศูนย์ด้วย ทั้งนี้ สื่อการเรียนการสอนทางด้านกายภาพค่อนข้างมีราคาสูง ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีของเด็กๆ ที่ได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือจากทางโครงการ เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพให้แก่ศูนย์ได้บริการชุมชนได้อย่างเต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์
“ผมเคยสัมผัสกับพ่อแม่ของเด็กพิการ เขาบอกว่าการมีลูกพิการไม่ใช่ปัญหา แต่ขอให้ทุกคนมองว่านี่เป็นโอกาสที่จะได้เลี้ยงดูลูกๆ อย่างเต็มที่ ซึ่งผมมองว่าสิ่งแรกที่จะช่วยเหลือลูกๆ ของพวกท่านได้คือความรัก เมื่อไหร่ก็ตามที่เราทำด้วยความรัก ผมเชื่อว่า ลูกๆ ของพวกเราจะมีพัฒนาที่ดีขึ้น ไม่ต้องท้อ แน่นอนว่าในช่วงแรกอาจจะเครียด แต่เมื่อเราได้เห็นพัฒนาการของเขา เราก็จะมีความสุข อยากให้กำลังให้ผู้ปกครองทุกท่าน” ผอ.ศูนย์การศึกษาพิเศษทิ้งท้าย คำบอกเล่าของ นางไพริน วัญญะโต อายุ 42 ปี อาชีพรับจ้าง คุณแม่ของ น้องอีฟ ด.ญ.สุกัญญา นาคแสง สาวน้อยวัย 14 ปี ที่มีความพิการทางสมองตั้งแต่กำเนิด และได้เข้ามาเรียนที่ศูนย์แห่งนี้ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ เพราะก่อนหน้านี้ต้องเดินทางไปที่ศูนย์การศึกษาพิเศษวัดบางกะพ้อม ที่ อ.อัมพวา พอมีศูนย์มาเปิดใกล้บ้าน พาลูกมาเรียนที่นี่ ทำงานเป็นแม่ครัว ซึ่งที่ทำงานก็เข้าใจ และให้พักเพื่อมาป้อนข้าวป้อนยาลูกได้
"ศูนย์อยู่ใกล้บ้าน ไปมาสะดวกมากขึ้น ตอนนี้ก็พอมีรายได้มาจุนเจือที่บ้านด้วย พัฒนาการของน้องอีฟดีขึ้นมาก เริ่มจำเพื่อนได้ ลูกมีความสุขเวลาได้มาเจอเพื่อนๆ ที่โรงเรียน แม่มีความสุขที่ได้ดูแลลูกด้วยวิธีการที่ถูกต้อง เพราะมีนักกายภาพบำบัดมาสอน และฝึกให้แม่ทำด้วย มีกำลังใจที่จะสู้ต่อและอยากดูแลลูกให้ดีมากขึ้น” คุณแม่น้องอีฟเล่า
เช่นเดียวกับนางลัดดาวรรณ ภักดีเจริญ อายุ 33 ปี คุณแม่ของน้องฟาอิส ด.ช.ธีรนันทร์ ภักดีเจริญ อายุ 11 ขวบ ซึ่งเป็นโรคโพรงน้ำในสมองขนาดใหญ่ (HYDROCEPPHALUS) คุณแม่ยอมรับว่าตอนแรกที่รู้ว่าน้องพิการก็รู้สึกท้อมากๆ จนได้ไปเจอเพื่อนๆ ในโรงพยาบาลและได้พูดคุยปรึกษากัน ก็เริ่มมีกำลังใจจึงพาลูกไปเรียนที่ศูนย์การศึกษาพิเศษวัดบางกะพ้อม อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เช่นเดียวกับน้องอีฟ
“แต่ก่อนหน้านี้ศูนย์อยู่ไกลบ้าน การเดินทางลำบาก บางทีก็ไม่ได้ไป ต้องรอครูเข้าไปสอนที่บ้าน ไม่ค่อยต่อเนื่อง เพราะน้องฟาอิสต้องทำกายภาพบำบัดไปด้วย จนมีศูนย์มาเปิดใกล้บ้าน ก็เลยพาน้องมาเรียนที่นี่ เดินทางไปมาสะดวกมาก มีสื่อการสอนที่ดี และยังได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงาน ทั้งรัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้น้องมีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาก สามารถตอบสนองได้ ยกแขนขา เองได้ ยิ้มได้ เราในฐานะคุณเป็นแม่ก็ดีใจ และก็ตั้งใจว่าจะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุด และสามารถช่วยเหลือตัวเองได้” คุณแม่ของน้องฟาอิส เล่า