ไลฟ์สไตล์

 วิศวะจุฬาฯ-ผลิตระบบคุมเด็กเล่นเกมไม่เกิน 3 ชม. ต้นทุนต่ำ-ไม่ซับซ้อน

วิศวะจุฬาฯ-ผลิตระบบคุมเด็กเล่นเกมไม่เกิน 3 ชม. ต้นทุนต่ำ-ไม่ซับซ้อน

26 ก.ค. 2552

วิศวะจุฬาฯ-มูลนิธิอินเตอร์เน็ตฯ ผลิตระบบคุมเด็กเล่นเกมไม่เกิน 3 ชม. ต้นทุนต่ำ-ไม่ซับซ้อน กุมารแพทย์ชี้ติดเกมแล้วเหมือนติดเหล้า-บุหรี่ เลิกยาก เศร้า ผู้หญิงที่คัดค้าน ถูกคุกคามทางเน็ต ด่าหยาบคาย โพลต์รูป ข่มขู เหตุขวางผลประโยชน์ร้านเกม

จากกรณีที่กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) ได้ออกกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตและการประกอบกิจการร้านวีดีทัศน์ พ.ศ.2552 โดยจะนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ในวันที่ 28 ก.ค. ซึ่งมีสาระสำคัญให้ตัดเนื้อหา “เรื่องการอนุญาตไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เล่นเกมเกินวันละ 3 ชม” โดย อ้างว่าไม่สามารถปฏิบัติได้จริงนั้น ทำให้สถาบันด้านสุขภาพเด็ก และเครือข่ายภาคสังคมออกมาคัดค้าน

 นางศรีดา ตันทะอธิพานิช มูลนิธิอินเตอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย กล่าวว่า การควบคุมเวลาการเล่นเกมของเด็กในร้านเกม ไม่ให้เกินวันละ 3 ชม. สามารถปฏิบัติได้จริง โดยภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ มูลนิธิอินเตอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย ได้คิดระบบกำกับดูแลการเล่นเกมในร้านอินเตอร์เน็ต ด้วยแนวคิดการเก็บข้อมูลการเล่นเกมต่อวันของเด็กเป็นรายคน ซึ่งผู้ให้บริการเกมจะต้องให้ข้อมูลการเล่นเกมต่อวันของเด็กจากระบบกำกับดูแล เพื่อนำมาใช้ในการกำกับดูแลเวลาการเล่นเกมของเด็ก และไม่ได้เป็นการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เพราะเป็นเพียงการให้ข้อมูลเพื่อแสดงความมีตัวตนเท่านั้น และผู้ให้บริการไม่ต้องใช้ต้นทุนสูงแต่อย่างใด

 นางศรีดา กล่าวอีกว่า สำหรับขั้นตอนการควบคุมการเล่นเกมของเด็กมีดังนี้ 1.เด็กป้อนเลขประจำตัวประชาชน เพื่อเข้าเล่นเกมผ่านเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการเกมออนไลน์ 2.เซิร์ฟเวอร์ผู้ให้บริการเกม ตรวจสอบข้อมูลเด็ก (ชื่อ สกุล วันเดือนปีเกิด) จาก เซิร์ฟเวอร์กลางระบบกำกับดูแลซึ่งเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ 3. เซิร์ฟเวอร์ผู้ให้บริการเกม สอบถามข้อมูลจาก เซิร์ฟเวอร์กลางระบบกำกับดูแล ว่าเด็กเหลือจำนวนชั่วโมงเล่นเกมต่อวัน อีกหรือไม่ ถ้าไม่เหลือ ระบบกำกับดูแล แจ้งกลับ “ครบ 3 ชม. แล้ว” แก่ เซิร์ฟเวอร์ผู้ให้บริการเกม และ ผู้ให้บริการเกมแจ้งเด็ก “ไม่อนุญาตให้เล่น” ถ้าเหลือเวลา ระบบกำกับดูแล แจ้ง “โควต้าเหลือ 1 ชม.” แก่ เซิร์ฟเวอร์ผู้ให้บริการเกม และ ผู้ให้บริการเกมอนุญาตให้เด็กเข้าเล่นเกมได้อีกไม่เกิน 1 ชม. ซึ่งถ้าเด็กเล่นจนครบ ระบบเตือน “ครบ 3 ชม. แล้ว” ตัดเด็กออกจากระบบ แต่หากเด็กเลิกเล่นเกมก่อนครบโควตา ระบบก็จะปรับปรุงเวลาของเด็กในฐานข้อมูลกลางระบบกำกับดูแล เพื่อบวกเพิ่มเวลาที่เล่นในรอบนี้

 “ระบบนี้ไม่มีความซับซ้อน เป็นเพียงการเชื่อมฐานข้อมูล มีต้นทุนไม่สูง การใช้งานเหมือนกับการเข้าเว็บไซด์ธรรมดาทั่วไป ซึ่งไม่ต้องกังวลว่าหากมีเด็กเล่นเกมพร้อมๆกันเป็นจำนวนมากจะมีปัญหา เพราะเว็บไซด์หลายๆเว็บมีคนเข้าดูพร้อมกันเป็นแสนยังให้บริการได้ เรื่องนี้จึงง่ายยิ่งกว่าที่กระทรวงวัฒนธรรม จะต้องมีเจ้าหน้าที่มาคอยตรวจสอบเวลาการเข้าออกร้านเกมของเด็กเสียอีก”นางศรีดา กล่าว

 พญ.ชนิกา ตู้จินดา กุมารแพทย์ กล่าวว่า มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องควบคุมเวลาการเล่นเกมของเด็ก เพราะการที่เด็กเล่นเกมแล้วติดเกม เนื่องจากขณะเล่นเกม จะมีสารเอนโดฟินหลั่ง เมื่อกระทำอย่างต่อเนื่องสมองจะติดพฤติกรรมนั้นๆ เหมือนกับการติดบุหรี่หรือสุรา เมื่อติดเกมแล้วก็จะจดจ่อไปที่เกมอย่างเดียว ไม่อยากเรียนรู้เรื่องอื่น การเล่นเกม หรืออยู่กับคอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ ต่อเนื่องกันเกิน 3 ชม. จะมีผลเสียแน่นอน ระยะสั้นจะมีปัญหาด้านสายตา ระยะยาวกล้ามเนื้อจะไม่ถูกพัฒนา เพราะการทำกิจกรรมใด ที่อยู่กับที่นานๆ เกิน 1 ชม. จะทำให้เลือดไม่ไหลเวียน การทำงานของระบบไหลเวียนโลหิตไม่ดี อีกทั้งทำให้เด็กเฉื่อยชา ไม่กระตือรือร้น หรือกลายเป็นเด็กที่กระตือรือร้นสูงมากๆ

 นางอัญญาอร พาณิชพึ่งรัถ ประธานเครือข่ายครอบครัวเฝ้าระวังและสร้างสรรค์สื่อ กล่าวว่า การผลักดันให้มีการกำหนดให้เด็กและเยาวชนห้ามเล่นเกมส์เกิน 3 ชั่วโมง นั้น เป็นการทำภายใต้หลักการและเหตุผล มีข้อประจักษ์ทางการแพทย์ มีข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านซอฟแวร์ ผ่านการศึกษาว่าสามารถปฏิบัติได้จริงและมีประโยชน์ต่อเด็กและเยาวชน แต่กลับได้รับการต่อต้าน เพราะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์มหาศาล

 “ตอนนี้การคัดค้านจากกลุ่มผู้เสียประโยชน์รุนแรงมากขึ้น ดิฉันถูกคุมคามเพราะออกมาต่อต้านเรื่องนี้ ด้วยการนำข้อมูลส่วนตัว รูปถ่าย ลงในเว็ปไซต์ผู้ประกอบการอินเตอร์เน็ตและเว็ปไซต์ของเครือข่ายครอบครัวเฝ้าระวัง ทั้งยังใช้ถ้อยคำหยาบคายโจมตีข้อเสนอให้มีการควบคุมดังกล่าว กรณีดังกล่าวหากผู้ประกอบได้รับความเดือดร้อน ควรเข้าร่วมและเสนอความคิดเห็นและทางแก้ไขปัญหาพร้อมกับแนวทางการช่วยเหลือจากรัฐบาลได้ ไม่ใช้ข่มขู่ คุกคาม โจมตีกันอย่างไร้เหตุผล ดังนั้นเพื่อไม่ให้ผู้ที่ทำงานด้านสังคมถูกกระทำเช่นนี้อีก ดิฉันจะรวบรวมข้อมูลหลักฐานทั้งหมดเพื่อเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และยืนยันว่าจะเดินหน้าทำงานเรื่องนี้ต่อไป เพื่อลูกหลานของเราทุกคน”นางอัญญาอร กล่าว