
ชวนชิม : 'อาหาร-ปาร์ตี้' ในที่เดียวกัน
13 ธ.ค. 2558
ชวนชิม : 'อาหาร-ปาร์ตี้' ในที่เดียวกัน
เทศกาลแห่งความสุขสนุกสนานงวดเข้ามาทุกที หนุ่มๆ สาวๆ ผู้หลงใหลในบรรยากาศแห่งการสังสรรค์ทั้งหลายเตรียมเล็งหาสถานที่ไว้ปาร์ตี้ส่งท้ายปีกันบ้างหรือยัง ???... ถ้ายังคิดไม่ออกหรือตัดสินใจไม่ได้ อยากจะแนะนำให้รู้จักกับ “เดอะ คาวาลรี่ คลับ" (The Cavalry Club) ผู้อ่านอาจจะกำลังสงสัยทั้งที่เปิดให้บริการแบบร้านอาหารทั่วไปทำไมถึงชวนไปปาร์ตี้ที่ร้านนี้... “เฮียบิ๊ก” หนึ่งในหุ้นส่วนผู้มีประสบการณ์ด้านธุรกิจร้านอาหารมาเนิ่นนานหลายปีให้เหตุผลว่า ทำไมต้องเป็น “เดอะ คาวาลรี่ คลับ” ประการแรกคือความกว้างขวางของสถานที่ที่มีมากกว่า 1 ไร่ แถมอยู่ในย่านซอยอารีย์ มีที่จอดรถสะดวกสบายได้ไม่ต่ำกว่า 80 คัน ภายในร้านแบ่งเป็นสี่โซน อันได้แก่ ในห้องปรับอากาศเย็นฉ่ำ 2 ห้อง และแบบชิลๆ เอาท์ดอร์ อีก 2 มุม รวมเบ็ดเสร็จรองรับได้สบายๆ ไม่ต่ำกว่า 300 คน ภายใต้อาคารสูงโปร่งซึ่งได้รับการออกแบบสไตล์อินดัสเตรียล ลอฟท์ เรียบง่ายใช้สีเทาควันบุหรี่ฉาบผิวให้มีความดิบคล้ายๆ ปูนเปลือย ไม่ลืมโชว์โครงสร้างเหล็กและสายไฟตามสมัยนิยม ความโดดเด่นประการต่อมา คงไม่พ้นเรื่องของอาหารมีให้เลือกชิมทั้งแบบไทยและฝรั่งสไตล์ฟิวชั่นเกือบๆ 200 รายการ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเพื่อความแปลกใหม่ทุกๆ 4 เดือน และแน่นอนว่าถึงจะเป็นอาหารต่างบ้านต่างเมือง แต่รสชาติยังคงเน้นเอาใจนักชิมชาวไทยชัดเจน
ด้วยคุณสมบัติทั้งสองประการ มีผลให้ร้านแห่งนี้มีชื่อเสียงในลักษณะแบบปากต่อปากเรื่องความเหมาะต่อการจัดงานเลี้ยงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเลี้ยงรุ่น งานแต่ง งานอีเว้นท์ ฯลฯ ....ที่พูดๆ มาแต่ใช่ว่าเขาไม่เน้นลูกค้าวอล์กอิน สำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศผู้พิสมัยการนั่ง กิน ดื่ม คลอเคล้าเสียงเพลงทอดอารมณ์เบาๆ หลังเลิกงานจากวงดนตรีที่มาเล่นสดๆ ทุกวันก็ไม่น่าจะผิดหวัง...!!!
ก่อนจะอิ่มเอมกับบรรยากาศมากไปกว่านี้ ขอวนกับมาที่จานเด็ดจานดังซึ่งทางร้านจัดมาให้ชิมกันก่อน ไฮไลท์จานแรกเป็นอาหารในหมวดรับประทานเล่น “แกะแดดเดียว” จานนี้ต้องบอกว่าสมราคาคุยที่ “เฮียบิ๊ก” ออกแรงการันตีว่า “แทบไม่มีกลิ่น(สาบ)” ข้อนี้ต้องยกความดีให้พ่อครัวเพราะใส่ใจในรายละเอียด เมื่อรู้ว่าเส้นไขมันคือต้นตอแห่งกลิ่นก็จัดการเอาออกซะ ทว่าต้องเก็บไว้บ้างเพื่อรักษาไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของแกะ มิเช่นนั้นแกะกับหมูจะแยกกันไม่ออก เมื่อวัตถุดิบหลักพร้อมจึงเข้าสู่กระบวนการปรุงด้วยการนำมาคลุกเคล้ากับเครื่องเทศไทย อาทิ กระเทียม พริกไทย รากผักชี เกลือ ฯลฯ หมักทิ้งไว้ก่อนนำไปทอดในน้ำมันร้อนจัด อีกจานยังอยู่ในหมวดเนื้อสัตว์ “สเต๊กหมูพอร์คชอพ” ความอร่อยของจานนี้แบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกเนื้อสันติดกระดูกต้องสดใหม่ชิ้นโต ส่วนที่สองต้องยกให้น้ำซอสเกรวี่สูตรเฉพาะของร้านซึ่งเลือกใช้พริกไทยสดเป็นส่วนผสมทำให้ได้กลิ่นและรสชาติเข้มข้นแปลกใหม่ เสิร์ฟคู่มันฝรั่งและผักผัดเนยชนิดต่างๆ...จานนี้ถ้ากระเพาะเล็กๆ อย่างคนไทยมีจุกกันบ้างล่ะถ้าไม่มีผู้ช่วย

ถึงจานที่ “เฮียบิ๊ก” ออกแรงโฆษณาว่าถ้าร้านนี้แล้วไม่ได้สั่ง “ต้มยำกุ้ง” ถือว่าพลาดอย่างแรง จากหน้าตาดูธรรมดา แต่ว่าทางร้านเน้นใช้วัตถุดิบหลัก กุ้งแชบ๊วยสดๆ ขนาด 15-20 ตัว/กิโลกรัม, น้ำ-เนื้อมะพร้าวอ่อน, เห็ดฟาง และโซดา ซึ่งถือว่าเป็นเคล็ดลับเด็ดประจำจานแซบย่อมว่าได้ เพราะความซ่านี่ล่ะมาทำหน้าที่ช่วยตัดทอนความเลี่ยนของกะทิให้ลดน้อยลงเล็กๆ...ตักใส่ปากซดกลืนหายกลืนหาย แป๊บเดียวหมดถ้วยตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทันรู้ตัว!!! นอกจากนี้ยังมีความแซบอีกระดับสำหรับนักชิมผู้ชื่นชอบอาหารรสชาติจัดจ้าน “หมูกรอบผัดพริกขิง” สิ่งที่ขาดไม่ได้หากได้หมูกรอบรสอร่อย คือ ต้องใช้เวลาทอดให้นานๆ หน่อย พอได้ที่ตักจากกระทะพักทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน ก่อนจะนำมาคลุกเคล้ากับพริกแกงที่ผัดจนหอมพอได้ที่ค่อยเติมสมุนไพรไทยอย่าง กระชาย, พริกชี้ฟ้า, พริกไทยสด ฯลฯ ปรุงรสจนได้รสเผ็ดเล็กๆ เค็มนิดๆ หวานหน่อยๆ...จานนี้มีดีตรงที่จะรับประทานกับข้าวสวยก็เพลินลิ้น หรือจะกินเป็นแกล้มกับเครื่องดื่มก็เหมาะเจาะ หรือในรายที่ไม่ถนัดจานเผ็ดจานหนัก ทางร้านมีรายการผักเป็นทางเลือกไม่ว่าจะเป็นจานสลัดสไตล์ฝรั่งหรือผัดผักแบบไทยๆ เช่นวันนี้มี “ผัดผักบุ้ง” ชื่อเหมือนผัดผักบุ้งไฟแดงทั่วไปแต่ในจานนี้มีความพิเศษตรงที่ไม่เด็ดเป็นท่อนๆ แต่บรรจงฉีกเป็นเส้นๆ แล้วนำไปแช่ในน้ำเย็นก่อนผัดเพื่อความกรอบและล้างยางให้จางรสฝาด พอลงกระทะร้อนจัดผัดคู่กับกระเทียมฝานพริกสดปรุงรสเค็มๆ มันๆ...ม้วนใส่ปากกันเพลินล่ะจ้า โดยเฉพาะสาวๆ ที่ไม่ต้องการอาหารประเภทแป้งและไขมัน
กินคาวไม่ตบหวาน...อาหารมื้อเย็นของบางคนคงจบไม่สวย ที่ร้านก็มีให้บริการ เช่น พานาคอตต้า เป็นต้น ส่วนคนที่เป็นนักดื่ม บอกได้คำเดียวว่า...ละลานตามาก!!! ทั้งเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพยิ่งดูดยิ่งดื่มยิ่งสดชื่น อาทิ คาวาลรี่ซันไรส์, แพสชั่น ทรอปิคอล เป็นต้น
ที่เล่ามานี่ หลายคนอาจจะนึกว่าบางเมนูอาจจะปรุงเองที่บ้านได้ แต่ในช่วงเทศกาลแห่งความสุขที่กำลังจะมาถึงนี้ หากคิดจะให้รางวัลตัวเองสักวัน อยากให้คิดถึง “เดอะ คาวาลรี่ คลับ” อยู่ในซอยพหลโยธิน 2 เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 17.30-24.00 น. อยากจัดเลี้ยงกลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่หรือไปนั่งชิลเอาท์ โทรไปคุยได้ที่หมายเลข 09-6332-5559