
'เจียวกู่หลาน'ชาชงพร้อมดื่มดอกผลงานวิจัยสถานี'ดอยปุย'
'เจียวกู่หลาน'ชาชงพร้อมดื่มดอกผลงานวิจัยสถานี'ดอยปุย' : สุรัตน์ อัตตะ
ไม่เพียงสตรอเบอร์รี่ไม้ผลขึ้นชื่อของสถานีวิจัยดอยปุย แต่ยังมีเจียวกู่หลาน สมุนไพรมหัศจรรย์ที่วิจัยจนประสบความสำเร็จได้สายพันธุ์ใหม่ มีสารตา้นอนุมูลอิสระสูงแล้วนำมาทดลองปลูกในสถานี พร้อมทั้งส่งเสริมเกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียงและดูแลด้านการตลาดให้โดยรับซื้อผลผลิตมาแปรรูปเป็นชาสมุนไพรเจียวกู่หลาน ผลิตภัณฑ์เด่นของสถานีภายใต้ตราสัญลักษณ์ชาชงพร้อมดื่มเจียวกู่หลาน หรือปัญจขันธ์ สถานีวิจัยดอยปุย
นิภา เขื่อนควบ หัวหน้าสถานีวิจัยดอยปุย คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เผยว่าสถานีนำสมุนไพรเจียวกู่หลานสายพันธุ์จากไต้หวันมาปลูกเมื่อหลายปีก่อนจากนั้นก็ทดลองวิจัยเพื่อให้ได้สายพันธุ์ที่เหมาะสมกับประเทศไทย ก่อนนำไปส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียงปลูก พร้อมรับซื้อผลผลิตมาแปรรูปเป็นชาสมุนไพรพร้อมดื่ม สำหรับวิธีการปลูกนั้นใช้ต้นเจียวกู่หลานปักชำในแปลงขนาด 1X10 ตารางเมตร ภายใต้โรงเรือนที่มีหลังคาพลาสติกคลุมให้ต้นเจียวกู่หลานเลื้อยขนานไปกับพื้นดิน และอีกวิธีใช้มุ้งลวด หรือตาข่ายกั้นรอบโรงเรือนให้ต้นเจียวกู่หลานสามารถเลื้อยยึดเกาะบนตาข่าย
“การดูแลไม่ยากขั้นแรกเตรียมพื้นที่พรวนดินใส่ปุ๋ยคอกให้ทั่วทั้งแปลงก่อนการปลูกต้นเจียวกู่หลานแล้วให้น้ำหลังจากการปลูกอย่างสม่ำเสมอเฉลี่ยวันละ 1 ครั้ง จากนั้นใส่ปุ๋ยคอกหลังเจียวกู่หลานมีอายุ 2-3 เดือนพร้อมจัดยอดของต้นเจียวกู่หลานให้เลื้อยเกาะกับผนังหรือตาข่าย กรณีปลูกในสภาพโรงเรือนที่มีตาข่ายปิดกั้น และคอยดูแลกำจัดวัชพืชตลอดระยะเวลา”
หัวหน้าสถานีวิจัยคนเดิมระบุอีกว่า หลังจากเจียวกู่หลานมีอายุ 4-5 เดือนก็จะตัดต้นนำไปชั่งน้ำหนักและล้างน้ำให้สะอาด รวมทั้งคัดแยกวัชพืชและใบที่แห้งออกแล้วนำมาหั่นเป็นท่อนๆ ขนาด 2-3 เซนติเมตร จากนั้นนำชิ้นส่วนเจียวกู่หลานที่หั่นแล้วมานวดให้เกิดฟองโดยผสมกับเกลือป่นในปริมาณ 5 กรัมต่อน้ำหนักเจียงกู่หลานสด 1 กิโลกรัม แล้วนำไปผึ่งให้หมาด ก่อนที่จะนำไปอบให้แห้งในตู้อบที่อุณหภูมิ 60-70 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 24 ชั่วโมง จากนั้นจะพลิกกลับและสลับชั้นวางในทุกๆ 3 ชั่วโมงเพื่อให้ความร้อนกระจายอย่างทั่วถึง แล้วนำเจียวกู่หลานที่ผ่านการอบแห้งมาชั่งน้ำหนักรวม จากนั้นผึ่งให้เย็นก่อนนำไปป่นให้ละเอียดบรรจุลงในซองขนาดเล็กหรือคัดแยกบรรจุใส่ถุงเพื่อจำหน่ายต่อไป
ปัจจุบันเจียวกู่หลาน หรือปัญจขันธ์ สามารถนำมาขยายพันธุ์โดยการปลูกเป็นแปลงทดลองที่สถานีวิจัยดอยปุย เป็นการปลูกในแปลง 2 ลักษณะ คือการปลูกในแปลงให้ต้นเลื้อยไปกับพื้นดินในโรงเรือนที่มีหลังคาพลาสติกคลุมเปรียบเทียบกับการปลูกในโรงเรือนที่มีหลังคาพลาสติกคลุมพร้อมกับตาข่ายกั้นและปิดรอบเพื่อให้ต้นเจียวกู่หลานเกาะยึดขึ้นบนตาข่าย
ซึ่งผลจากการปลูกเปรียบเทียบ 2 ลักษณะพบว่าวิธีการปลูกต้นเจียวกู่หลานในโรงเรือนที่มีหลังคาพลาสติกคลุมและมีตาข่ายกั้นปิดรอบช่วยทำให้ได้ปริมาณต้นเจียวกู่หลานเลื้อยเกาะมากขึ้น ต้นเจริญเติบโตเร็ว ใบมีขนาดใหญ่มากกว่าการปลูกแบบให้ต้นเลื้อยไปกับพื้นดิน ซึ่งสะดวกต่อการเก็บเกี่ยวและการทำความสะอาด ก่อนการนำต้นเจียวกู่หลานมาอบแห้ง ปลอดจากการปนเปื้อนเชื้อโรคจากพื้นดิน โดยน้ำหนักจากต้นเจียวกู่หลานสด 10 กิโลกรัมเมื่อนำไปอบให้แห้งแล้วจะได้เจียวกู่หลานแห้งโดยเฉลี่ย 1.1-1.5 กิโลกรัม ซึ่งมากกว่าการปลูกแบบให้เลื้อยไปกับพื้นดิน
ในปัจจุบันสถานีวิจัยดอยปุยได้แปรรูปเจียวกู่หลานอบแห้งเป็น 2 ลักษณะ คือการป่นเป็นผงบรรจุในซองขนาดเล็กปริมาณ 1.5 กรัมสะดวกกับการชงกับน้ำร้อนดื่มรวมทั้งการเก็บรักษา และอีกลักษณะหนึ่งคือการอบแห้งแบบเป็นข้อหรือท่อนบรรจุใส่ถุงพลาสติกปริมาณ 40 กรัม พร้อมกับการทดลองวิธีการเก็บรักษาเพื่อศึกษาและวิจัยถึงคุณประโยชน์ต่อการนำไปบริโภคให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายและสุขภาพ สนใจผลิตภัณฑ์ชาสมุนไพรเจียวกู่หลาน โทร.0-5321-1142, 09-8272-6055 ทุกวันในเวลาราชการ