
จุดหมาย ... รายทาง-ข้าว !!!
จุดหมาย ... รายทาง-ข้าว !!!
“ข้าว ... ต้องปลูก เพราะอีก 20 ปี ประชากรอาจจะ 80 ล้านคน ข้าวจะไม่เพียงพอ ถ้าลดการปลูกข้าวลงเรื่อยๆ ข้าวจะไม่พอ เราจะต้องซื้อข้าวจากต่างประเทศ เรื่องอะไร ประชาชนคนไทยไม่ยอม คนไทยนี้ต้องมีข้าว แม้ข้าวที่ปลูกในเมืองไทย จะสู้ข้าวที่ปลูกในต่างประเทศไม่ได้ เราก็ต้องปลูก...” พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ผู้ตามเสด็จและผู้เข้าเฝ้าฯ ในโครงการโคกกูแล อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ปี พ.ศ.2536
จากตัวเลขของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร จะเห็นว่า ในปีผลิต 2557/2558 ไทยมีผลผลิตข้าว 20.500 ล้านตัน ลงไปอยู่อันดับ 6 ของโลก โดยที่ 1 ยังยืนหยัดอยู่ที่จีน 144 ล้านตัน รองลงมาคือ อินเดีย 102 ล้านตัน ตามมาห่างๆ ด้วยอินโดนีเซีย(37 ล้านตัน) บังกลาเทศ (34.600 ล้านตัน) และเวียดนาม(28.200 ล้านตัน)
ถึงแม้จีนจะผลิตข้าวได้มากเป็นอันดับหนึ่ง แต่ยังไม่เพียงพอต่อการบริโภคในประเทศ ขณะที่คู่แข่งของไทยในภูมิภาค แม้จะประสบปัญหาจากภัยธรรมชาติทำให้ได้ผลผลิตไม่ดีนัก แต่ต่างตั้งเป้าจะปลูกข้าวที่มีคุณภาพ และมากขึ้น เพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดให้ได้ ไทย...จึงไม่อาจจะชะล่าใจได้ ยิ่งหันไปปลูกข้าวที่ด้อยคุณภาพให้ผลผลิตสูงเพื่อหวังให้ได้ราคาจากการจำนำข้าว ก็เท่ากับตัดกำลังตัวเอง
ปัจจุบัน จะเห็นว่า มีชาวนาไม่น้อยหันมาพัฒนาปลูกข้าวที่มีคุณภาพดี ทำนาอินทรีย์ ปลอดสารเคมี เพื่อหวังทำตลาดผู้บริโภคกลุ่มใหม่ ที่กำลังเป็นกระแสใส่ใจต่อสุขภาพมากขึ้น บางรายถึงกับปลูกเอง ขายเอง ยิ่งยุคสมัยของสังคมโซเชียล ทำให้ผู้ขายพบกับผู้ซื้อง่ายขึ้น
ทุกวันนี้ นาข้าวไม่ได้แค่ใช้ประโยชน์ในการปลูกข้าวเท่านั้น หากแต่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศไปแล้ว เป็นศูนย์เรียนรู้ก็หลายแห่ง เมื่อสังคมเปลี่ยนไป โลกหมุนไป นาข้าวก็ปรับสภาพตามเพื่อความอยู่รอดเช่นกัน นอกเหนือจากการเลี้ยงปากเลี้ยงท้องคนในประเทศ