
เสียงเล็กๆ....เปลี่ยน(ชีวิต)พ่อเลิกเหล้า...ครอบครัวอบอุ่น
เสียงเล็กๆ....เปลี่ยน(ชีวิต)พ่อเลิกเหล้า...ครอบครัวอบอุ่น : พวงชมพู ประเสริฐ
“ผมขอบคุณพ่อที่เลิกเหล้า พ่อมีเวลาสอนการบ้านผม มีเวลาพาผมไปเที่ยว ผมไม่ต้องฟังเสียงพ่อทะเลาะกับแม่อีก พ่อผมเป็นผู้ใหญ่บ้าน เป็นผู้นำที่หล่อและเท่มาก โตขึ้นผมจะเป็นแบบพ่อ ไม่ดื่ม ไม่สูบ” เสียงเล็กๆของ น้องที ด.ช.ธีภัทร ชูดวง วัย 12 ปี สะท้อนถึงความดีใจและภูมิใจในตัวพ่อที่สามารถลด ละ เหล้าได้สำเร็จ แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ นายวิชัช ชูดวง พ่อของน้องทีบอกว่าไม่ใช่ง่าย แต่ทุกอย่างอยู่ที่ใจ
คุณพ่อวิชัช ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.บ้านตากแดด อ.เมือง จ.พังงา เล่าย้อนอดีตให้ฟังว่า ช่วงวัยรุ่นเริ่มดื่มจากเหล้าขาว ตามมาด้วยสูบยาเส้น และเที่ยวเตร่ ไม่มีเงินเหลือเก็บจากการทำงาน ไม่นึกถึงพ่อแม่ แม้พ่อจะนั่งรอจนถึงเที่ยงคืน ก็ไม่ได้คิดว่าพ่อแม่เป็นห่วง เมื่อแต่งงานและภรรยาตั้งครรภ์ มีภาระรับผิดชอบในครอบครัวมากขึ้น แต่ยังไม่เลิกดื่ม จนภรรยาเริ่มบ่นกลายเป็นทะเลาะกัน เพราะดื่มแต่ละครั้งเงินหมดไม่ต่ำกว่า 2,000-3,000 บาท หากไม่มีเงินก็ติดสินเชื่อไว้กับร้านค้า ภรรยาคลอดลูกก็ยังดื่มมาเรื่อยๆ
กระทั่งลูกชายคนโตเข้าโรงเรียนและอยู่ชั้น ป.3 ลูกถามว่า “ทำไมพ่อต้องเมา”“ทำไมเมาแล้วต้องทะเลาะกับแม่” ประจวบเหมาะกับปี 2552 มีโครงการงดเหล้าเข้าพรรษา มีคนมาชักชวนให้เลิกเหล้า แต่ยังไม่มั่นใจตนเองว่าจะทำได้สำเร็จจึงยังไม่เข้าร่วม เกรงจะทำไม่ได้เหมือนที่ลั่นวาจาสาบานไว้ เมื่อปี 2553 ลูกชายมาขอร้องอีกครั้ง เริ่มคิดได้ว่า ทำบาปกับครอบครัวไว้มาก จึงร่วมโครงการติดต่อกันเป็นเวลา 5 ปีแล้ว ปัจจุบันแม้จะร่วมวงสังสรรค์ก็ดื่มน้ำเปล่า กินกับแกล้มกับเพื่อนได้ไม่จำเป็นต้องดื่มเหล้า หลังจากเลิก สุขภาพดีขึ้น กลายเป็นคนมีเหตุผล มีความรับผิดชอบมากขึ้น ยิ่งได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ลูกบ้าน
“ถ้าตอนนี้มีใครเอาเงินมาให้ผม 50,000 บาทแล้วบอกให้กลับไปดื่มเหล้าอีก ผมก็ไม่เอา เพราะที่ผมได้รับหลังจากเลิกเหล้าทั้งสุขภาพของผม ความสุขของลูกเมีย รายได้เหลือเก็บไม่เป็นหนี้สิน ได้กินข้าวพร้อมหน้ากันในตอนเย็น นอนพูดคุยปัญหากันและกัน มีเวลาพาลูกไปเที่ยว หาซื้อสิ่งที่ลูกต้องการ มันเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ ความสนุกที่ได้จากเหล้าแค่จอมปลอม แต่เป็นความทุกข์ระยะยาว แต่เมื่อเลิกดื่มได้เป็นความสุขระยะยาว” คุณพ่อวิชัช กล่าวพร้อมรอยยิ้ม
ไม่ต่างจาก คุณพ่อไพบูลย์ เนียมมณี อายุ 58 ปี แกนนำชุมชนเขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ บอกว่า เริ่มดื่มเหล้าตั้งแต่อายุ 14-15 ปี จากการชักชวนของลูกพี่ที่ทำงานในโรงกลึงด้วยกัน ดื่มหลังเลิกงานทุกวันจันทร์-เสาร์ จากกรึ๊บเดียวเป็นแบน เป็นขวด เพิ่มเป็น 2-3 ขวดและตั้งวงกับเพื่อน ตีกลองร้องเพลง เพื่อนบ้านด่าก็ไม่ฟัง เมาหัวราน้ำ เรียกว่าดื่มจนพระบิณฑบาตข้างโต๊ะคือตั้งแต่เย็นยันเช้า รายได้ที่รับมาก็หายไปกับขวดเหล้า เมื่อแต่งงานหยุดดื่มไปได้ประมาณ 1 ปีก็กลับมาดื่มอีก เปลี่ยนเป็นชักชวนเพื่อนมาดื่มที่บ้าน จนแฟนท้องยิ่งดื่มหนักขึ้นเพราะต้องการฉลองที่จะได้เป็นพ่อคน กระทั่งลูกชายคนโตขอให้เลิกบุหรี่ บอกว่าบุหรี่เหม็นก็ยื่นซองบุหรี่นั้นให้ลูกเอาไปโยนทิ้งและเลิกสูบเด็ดขาดมาตั้งแต่นั้น
ส่วนเหล้า คุณพ่อไพบูลย์ เล่าว่าตอนนั้น ขอลูกว่าจะค่อยๆ ลดลงไม่ดื่มถี่อีก ทำได้หลายปีแต่ก็กลับไปดื่มหนักอีก จนถึงขั้นอาเจียนบนที่นอน วันหนึ่งลูกสาวเดินมาบอกว่า “พ่อๆ หนูเป็นแกนนำเยาวชน ถ้าพ่อยังดื่มเหล้าแล้วหนูจะไปบอกคนอื่นได้อย่างไร” ตั้งแต่นั้นจึงตั้งใจแน่วแน่ที่จะค่อยๆ ลด เพราะทุกอย่างอยู่ที่ใจของเราจนเลิกได้ ทำให้สุขภาพดีขึ้นและมีเวลาให้ครอบครัวมากขึ้น
คุณพ่อสุพจน์ อัสโม อายุ 38 ปี คุณพ่อลูกสอง ที่ยอมรับว่า ดื่มตั้งแต่อายุ 18 ปี จากการที่เถ้าแก่ที่ทำงานชวนดื่มในตอนเย็น ดื่มมาเรื่อยๆ หมดค่าเหล้า เบียร์เดือนละ 5,000-6,000 บาท เมื่อดื่มมากขึ้นแล้วไปตรวจเลือด ปรากฏว่ามีกรดยูริค เป็นโรคเก๊าต์ ขนาดที่เดินเข้าห้องน้ำไม่ได้เพราะปวดข้อมาก ต้องคลาน แพทย์บอกให้เลิก ก็โกหกว่าเลิกแล้วแต่ยังดื่มหนักเหมือนเดิม
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อลูกถามว่า “พ่อดื่มทำไม ไม่มีประโยชน์” ก็ตั้งใจจะเลิกเพราะลูกขอ และได้เข้าร่วมโครงการลด ละ เลิกเหล้ากับเครือข่ายองค์กรงดเหล้าแล้วมีกิจกรรมให้ลูกมาล้างเท้าแล้วขอให้พ่อเลิกเหล้า ตอนนั้นรู้สึกสะเทือนใจและปลื้มใจมาก จึงตัดสินใจหักดิบ ตอนเย็นหลังเลิกงานก็กลับบ้านมากินข้าวกับลูกแทนการไปตั้งวงหล้ากับเพื่อน จนเลิกได้สำเร็จ สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากเลิกเหล้า สุขภาพตนเองดีขึ้น หลังเลิกเพียง 2 สัปดาห์ก็กลับมาเดินเข้าห้องน้ำได้ และมีเวลาให้ลูก ให้ครอบครัวมากขึ้น มีเงินเหลือเก็บ
แต่สำหรับบางครอบครัวในวันที่คุณพ่อตั้งใจจริงที่จะเลิกเหล้า กลับมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเสียก่อน เมื่อคุณพ่อชาญณรงค์ แก้วบัวปัท อายุ 47 ปี เสียชีวิตจากการล้มศีรษะฟาดพื้นมีเลือดคั่งในสมอง นางสุวิสา แก้วบัวปัท อายุ 45 ปี สะท้อนหัวอกภรรยาที่มีสามีติดเหล้าว่า สามีติดเหล้าหนักมาก เมื่อเป็นเถ้าแก่รับเหมาก็ดื่มเพราะอ้างว่างานหนัก เครียดต้องการระบาย เมื่อดื่มหนักเข้าก็มีการทะเลาะกันถึงขั้นลงไม้ลงมือแล้วลูกๆ ยืนเชียร์ แต่ลูกไม่ได้มีความสุข พยายามบอกให้สามีเลิกเหล้าหลายครั้ง เคยพาไปรักษาที่รพ.สมเด็จเจ้าพระยา ไปได้ 4-5 ครั้งแต่ยังเลิกไม่ได้ จนสามีได้ไปเข้าค่ายครอบครัว 2 วัน กลับมาตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเลิก เพราะสามีรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า แต่ก็เกิดอุบัติเหตุและจากไปเสียก่อน
“ภรรยาทุกคนเลือกคุณมาเป็นสามีเพราะความรัก ให้มาเป็นผู้นำ การแต่งงานเพื่อแชร์ทุกข์แชร์สุข แต่การดื่มเหล้ามีแต่แชร์ทุกข์มาให้ภรรยา ยัดเยียดทุกข์ระยะยาว เพราะฉะนั้น อยากให้ครอบครัวที่มีคนดื่ม สามีภรรยาหันหน้าเข้าหาพูดคุยกัน ภรรยาคอยให้กำลังใจ และสามีต้องรับฟัง เพราะในยามที่เจ็บป่วยคนที่อยู่กับคุณคือภรรยา และลูกๆ ส่วนเพื่อนที่เคยร่วมวงดื่มก็จะหายหน้าไปหมด อยากให้รับฟังเสียงของลูกที่ขอร้องให้เลิก อย่าให้เสียงลูกเป็นแค่เสียงแมลงหวี่ แต่เสียงเพื่อนและคนอื่นๆ ดังกว่าเสมอ” นางสุวิสาให้แง่คิด
ท้ายที่สุด ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.) กล่าวว่า มีการศึกษาพบว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้เกิดความรุนแรงในครอบครัว 3-4 เท่า และหากมีคนในครอบครัวดื่มเมื่อเด็กโตขึ้นก็จะดื่มด้วย 3-4 เท่า ดังนั้น การเป็นตัวอย่างที่ดีมีค่ากว่าคำสอน หากพ่อแม่บอกลูกว่า เหล้า บุหรี่ไม่ดี แต่ยังดื่มและสูบ ลูกก็จะไม่เชื่อในสิ่งที่พ่อแม่สอน แต่หากลูกสามารถชวนพ่อแม่เลิกได้ ก็จะเป็นภูมิต้านทานให้ลูกเมื่อโตขึ้น ก็จะไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่