ไลฟ์สไตล์

ราหู...

ราหู...

25 ก.ค. 2552

ในทางวิทยาศาสตร์สุริยุปราคาหรือสุริยคราส คือปรากฏการณ์ที่ดวงจันทร์บังแสงอาทิตย์ที่ส่องมายังโลก ดวงอาทิตย์จึงมืดทั้งหมดหรือว่ามืดเป็นบางส่วน

 จึงเกิดคำว่า อุปราคา ซึ่งหมายถึงว่าการทำให้มีมลทินหรือว่าการทำให้ดำ (เช่นเดียวกับความเชื่อว่าพระราหูเป็นยักษ์ มีกายครึ่งท่อน แต่งอาภรณ์สีคล้ำดำ จึงต้องเซ่นบูชาด้วยสิ่งของดำ)

 ในทางนิทานตำนานเล่ากันว่า ราหูคือยักษ์ที่เรียกกันว่า อสุรินทราหู อาศัยอยู่ใต้เขาพระสุเมรุอันเป็นที่อยู่ของเทพยดาทั้งหลาย เกิดมีใจหึงสาอิจฉาพระอาทิตย์ (และพระจันทร์) ซึ่งมีรูปงามกว่าตน จึงได้เข้าทำร้ายจับอมเอาไว้ในปากที่เรียกกันว่า “การกลืนดวงอาทิตย์” (และพระจันทร์)

 ในหนังสือไทยโบราณได้กล่าวถึงปรากฏการณ์สุริยคราสเอาไว้ว่า เกิดขึ้นเมื่อขณะพระอาทิตย์ปรากฏขึ้นเหนือยอดเขายุคนธร พร้อมด้วยเกวียนทองที่เทียมด้วยม้าถึงพันตัว ล่องไปในอากาศเลียบรอบเขาพระสุเมรุ อันดาษดาไปด้วยดาวทั้งปวง

 พระราหูมาดักรออยู่ก่อนที่จะเข้างับพระอาทิตย์ อมและกลืนเข้าไปไว้ในปากอันกว้างใหญ่ ด้วยปากยักษ์ราหูนั้นกว้างถึง 200 โยชน์ และลึกถึง 300 โยชน์ คิดเป็นไมล์แล้วก็ขนาด 2-3 พันไมล์จึงอมได้สบายมาก

 ในนิทานตำนานยักษ์ราหูไม่ได้เอาแต่อมกลืนพระอาทิตย์ (พระจันทร์) อย่างเดียวเท่านั้น มีบางครั้งก็เพียงแค่เอานิ้วมือบังไว้ และบางครั้งที่จับหนีบพระอาทิตย์ (พระจันทร์) เอาไว้ใต้รักแร้ก็ยังมี

 พระอาทิตย์ (หรือพระจันทร์) บางครั้งถึงได้มืดหมดหรือว่ามืดเป็นบางส่วนดังปรากฏการณ์ที่เราเห็น

 ในทางโหราศาสตร์ สุริยคราสเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ดีนัก เพราะโหรเห็นว่าพระราหูคือดาวร้าย เป็นสัญลักษณ์ของความมืด ความชั่ว ความเสื่อมถอยและเป็นโทษ ดังที่คำกลอนได้กล่าวว่า

 “ว่าเคราะห์วันชันษาร้ายนัก
 ราหูทับลัคน์เป็นโทษใหญ่”

 ในสายตาโหรดาวพระเคราะห์ราหู ถ้าหากว่าเข้าปะทะหรือทับดาวพระเคราะห์ดวงใดแล้ว ก็จะทำให้ดาวดวงนั้นๆ เสื่อมถอยไปจากคุณงามความดี มีแต่เห็นผิดเป็นชอบ ทำให้เกิดมัวเมา และตกอยู่ภายใต้อิทธิพลมืดชั่วร้าย

 โหรท่านจึงเตือนว่า ให้ระวังเหตุเภทภัยและสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายที่อาจจะเกิดขึ้นกับประเทศชาติ บ้านเมือง

 สังคมไทยทุกวันนี้บางส่วนก็เหมือนว่าถูกยักษ์ราหูเข้าทับครอบงำอยู่ ประมาทไม่ได้ครับ