ไลฟ์สไตล์

เที่ยวนี้ขอเล่า : เมียงมอง 'มัณฑะเลย์'

เที่ยวนี้ขอเล่า : เมียงมอง 'มัณฑะเลย์'

15 พ.ย. 2558

เที่ยวนี้ขอเล่า : เมียงมอง 'มัณฑะเลย์' : โดย ... กาญจนา หงษ์ทอง [email protected] IG - kan_hongthong / ภาพ ... กาญจนา หงษ์ทอง, กิฟและเพื่อน

 
                      น่าจะมากกว่า 10 ปีแล้วสินะ ที่ฉันทำตัวห่างเหินกับ เมืองมัณฑะเลย์ นานพอจะทำให้ใช้คำว่าคิดถึงได้อย่างไม่กระดากปาก
 
                      ระหว่างที่ชาวพม่ากำลังใจจดใจจ่ออยู่กับผลการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ฉันก็เหินฟ้าไปหาแผ่นดินพม่าอีกครั้ง ไม่ได้ไปลุ้นเรื่องผลการเลือกตั้ง แต่เพราะอยากเห็นพม่าในทศวรรษนี้มากกว่า
 
                      คราวนี้ไม่ได้ไปหย่อนตัวลงที่ย่างกุ้งเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา เพราะสายการบินแอร์เอเชีย (www.airasia.com) เขามีเที่ยวบินบินตรงจากดอนเมืองไปมัณฑะเลย์ทุกวัน วันละไฟลท์ ที่จริงใครจะบินเข้ามัณฑะเลย์แล้วไปบินออกจากย่างกุ้งก็ได้เช่นกัน แถมไฟลท์บินเข้าออกย่างกุ้งมีวันละ 4 ไฟลท์ ตอนนี้คนไทยเลยเข้าไปเที่ยวและไหว้พระที่พม่ากันสบายเลย
 
                      ส่วนเรื่องที่พักเดี๋ยวนี้ก็สบายเช่นกัน สมัยก่อนเวลาไปเที่ยวพม่า ต้องไปหาเรือนพักเอาข้างหน้า แต่เดี๋ยวนี้ แค่นั่งจิ้มหาเรือนพักจากแอพพลิเคชั่นของอโกดาจากสมาร์ทโฟน หรือคลิกเข้าไปดูที่เว็บไซต์อโกดา (www.agoda.com) ก็เจอที่พักแจ่มๆ ให้คัดตัวเต็มไปหมด ชีวิตไปลงเอยที่เรือนพักย่านใจกลางเมืองมัณฑะเลย์ที่ชื่อ 79 Living Hotel (www.79livinghotel.com) ที่นี่ตกแต่งอย่างทันสมัย อยู่ใกล้ร้านอาหาร คาเฟ่ และตลาด รวมถึงไม่ไกลจากสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ของเมือง
 
                      เที่ยวนี้เดินทางไปท่องเที่ยวตามจุดต่างๆ ในมัณฑะเลย์อย่างสะดวกสบาย เพราะมีบริษัทเมียนมาร์ ไรซิ่งสตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ทราเวลส์ (www.myanmarrisingstar.com.mm) คอยดูแลเรื่องรถรา เลยทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นเยอะ
 
                      ฉันไม่รู้ว่ามัณฑะเลย์จะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน แต่ถึงจะเปลี่ยนก็จงเปลี่ยนไปตามกาลเวลาเถอะ เพราะที่จริงมัณฑะเลย์ที่เคยสัมผัสเมื่อหลายปีก่อน ก็ไม่ใช่เมืองเล็กอย่างที่คิด หากแต่เป็นเมืองใหญ่ น้องๆ เชียงใหม่ทีเดียวล่ะ ที่แน่ๆ มีเรือนพักห้าดาวไปจนถึงไร้ดาวเนืองแน่นไม่แพ้ย่างกุ้ง
 
                      และมาถึงมัณฑะเลย์ทั้งที ไม่มีอะไรดีไปกว่าการไปนั่งรอดูพระอาทิตย์ตกที่ มัณฑะเลย์ ฮิลล์ อีกแล้ว สำหรับนักท่องเที่ยวอาจจะนั่งรถโขยกเขยกขึ้นเขาไป ระหว่างทางยังเห็นคนพม่าผู้มีศรัทธาแรงกล้า เดินเท้าขึ้นไปเพื่อสักการะพระพุทธรูปและพระบรมสารีริกธาตุ
 
                      จะเรียกว่าเป็นจุดชมวิวประจำเมืองก็ได้ บางคนขึ้นมาบนนี้ มีจุดประสงค์อื่นนอกเหนือจากขึ้นมาชมวิว เพราะบนยอดมัณฑะเลย์ ฮิลล์แห่งนี้ มีพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนภูเขา โดยเฉพาะรูปปั้นงูคู่ ซึ่งชาวพม่าเชื่อกันว่า เมื่อเจ็บปวดบริเวณใดแล้วไปสัมผัสที่ตัวงูก็จะบรรเทาขึ้นได้
 
                      ได้ 2 เด้งเลยเห็นมั้ย ทั้งชมพระอาทิตย์ตกสวยๆ แถมใครที่เจ็บออดๆ แอดๆ อาการก็ทุเลาขึ้น
 
 
 
เที่ยวนี้ขอเล่า : เมียงมอง \'มัณฑะเลย์\'
 
 
 
                      แสงสีส้มระเรื่อ ยามพระอาทิตย์ใกล้หล่นตุ้บ หวานจับใจ ยิ่งคละเคล้ากับอากาศเย็นขลุกขลิกเข้าไป บรรยากาศเลยค่อนไปทางโรแมนติก มองไปทางไหน หวานไปหมดเลยทีนี้ อยู่บนนี้ได้ทอดสายตานั่งมองมัณฑะเลย์ในมุมสูง ทำให้เห็นแผ่นดินมัณฑะเลย์ รวมถึงอาณาเขตของพระราชวังมัณฑะเลย์อันกว้างใหญ่
 
                      ไม่เพียงแค่พระราชวังมัณฑะเลย์อันงดงามเท่านั้น แต่มองจากมุมสูงยังเห็นการจัดวางผังเมืองที่ดี อารมณ์สุนทรีย์กำลังปริ่มได้ที่ จู่ๆ ทั้งเจ้าแห่งวันและความโรแมนซ์ ก็เกี่ยวก้อยบอกลาไปพร้อมๆ กัน
 
                      วันรุ่งขึ้นนั่งรถออกนอกเมืองไป 10 กว่ากิโลเมตรก็ถึง เมืองอมรปุระ  ที่นี่เป็นเมืองที่อยู่ติดกับมัณฑะเลย์ เรียกว่าเป็นบ้านพี่เมืองน้องก็ได้ ดีตรงที่มีประวัติศาสตร์เกี่ยวพันกันในฐานะเป็นเมืองหลวงมาก่อนหน้าเมืองมัณฑะเลย์ ใครที่มาเที่ยวเมืองมัณฑะเลย์ จึงนิยมเลยเถิดไปเที่ยวชมเมืองหลวงเก่าอย่างอมรปุระด้วย ไม่ว่าจะเป็น วัดพระมหากันดายง และสะพานอูเบ็ง
 
                      พลันที่ก้าวขาลงจากรถ เหลือบไปเห็นสะพานไม้สักที่ทอดยาวข้าม ทะเลสาบตองตะมาน อย่าง สะพานอูเบง นี่คือสะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก ด้วยความยาวกว่า 1.2 กิโลเมตร ที่สร้างข้ามทะเลสาบไปสู่วัดจอกตอจีที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
 
                      ภาพนี้เคยเห็นตามหนังสือสารคดีท่องเที่ยว ใครได้มาเห็นกับตาตัวเอง ก็จะถูกสะพานอูเบงสะกดให้นิ่งกันทุกคน
 
                      ไม่ใช่แค่มีอายุเก่าแก่กว่า 200 ปี แต่ไม้สักที่นำมาสร้างสะพานอูเบงนั้น นายพลอูเบงซึ่งเป็นผู้ควบคุมการย้ายเมืองหลวงออกจากกรุงอังวะมายังเมืองอมรปุระ ได้นำไม้เก่าที่เหลือจากการรื้อถอนพระราชวังเก่า เพื่อนำมาสร้างสะพานแห่งนี้ ว่ากันว่า เฉพาะเสาของสะพานใช้ไม้สักถึง 1,208 ต้น
 
                      ฉันเดินเรื่อยเปื่อยไป ก่อนจะพาตัวเองนั่งหย่อนอารมณ์กลางสะพาน ทอดสายตามองหลากอิริยาบถของผู้คนที่สัญจรไปมา ทุกชีวิตขับเคลื่อนไปตามแบบฉบับของชาวอมรปุระ หรือที่รู้จักกันในนามนครแห่งความอมตะ... แล้วอูเบงก็ตอกย้ำให้เชื่อว่า สะพานแห่งนี้มีชีวิตจริงๆ ด้วย
 
                      ว่ากันว่า ถ้าหน้าแล้งมาถึงเมื่อไหร่ ทะเลสาบตองตะมานก็จะแห้งขอด เหลือแต่เนินทราย แต่เมื่อไหร่ที่ฤดูหนาวเดินทางมาถึง ก็จะมีน้ำเอ่อขึ้นมาหน่อย แน่นอนว่ามีบริการนั่งเรือออกไปชมทัศนียภาพกลางทะลสาบตามมาด้วย
 
                      สำหรับคนมีเวลาให้กับมัณฑะเลย์อย่างเหลือเฟือ พาตัวเองมานั่งเล่นในมุมนี้ยามแดดร่มลมตก ค่อยๆ มองดวงตะวันหย่อนตัวลงในน้ำ อาจเป็นความสุขชั่วคราว แต่ความทรงจำถูกบันทึกไว้ให้นึกถึงเสมอ
 
 
 
 
--------------------
 
(เที่ยวนี้ขอเล่า : เมียงมอง 'มัณฑะเลย์' : โดย ... กาญจนา หงษ์ทอง [email protected] IG - kan_hongthong / ภาพ ... กาญจนา หงษ์ทอง, กิฟและเพื่อน)