ไลฟ์สไตล์

ส่องเฟรนช์โคโลเนียลในเมืองลุงโฮ

ส่องเฟรนช์โคโลเนียลในเมืองลุงโฮ

29 ต.ค. 2558

ศิลปวัฒนธรรม : ส่องเฟรนช์โคโลเนียลในเมืองลุงโฮ

 
       แรกเริ่มเดิมทีคนไทยรู้จักมักคุ้น “เวียดนาม” ในฐานะดินแดนสมรภูมิสงคราม อาณานิคมของประเทศฝรั่งเศส ต่อด้วยสงครามโลกครั้งที่ 2 และปิดท้ายที่สงครามเวียดนาม ทว่าเมื่อวันเวลาล่วงเลยผ่านไป ชื่อเสียงของ “เวียดนาม” ได้รับการกล่าวขานว่าเจริญรุดหน้าไปยิ่งซะกว่าบางประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยกันซะอีก ทั้งด้านเศรษฐกิจ ด้านการศึกษา และการท่องเที่ยว...จากการขยายตัวทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องของสายการบินนกแอร์ ทำให้วันนี้เรามีโอกาสเยี่ยมๆ มองๆ เมืองโฮจิมินห์ ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในราคาสบายกระเป๋า ยิ่งได้ที่พักกลางใจเมืองอย่าง โรงแรมพลูแมน ไซ่ง่อน เซ็นเตอร์ ถือว่าสะดวกในการเที่ยวส่องเมืองลุงโฮได้พอตัวเลยเชียวล่ะ...
 
 
ส่องเฟรนช์โคโลเนียลในเมืองลุงโฮ
 
 
       ช่วงระยะเวลา 70-80 ปีที่ฝรั่งเศสปกครองเวียดนาม ได้ทิ้งวัฒนธรรมไว้กับชาวเวียดนามไว้หลายอย่าง ทางด้านสถาปัตยกรรมนับว่ามีความชัดเจนมาก จึงทำให้ได้เห็นอาคารสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ในเขต District 1 เป็นแบบเฟรนช์โคโลเนียล ประเดิมที่ "โบสถ์นอตเตรอดาม” สืบเนื่องจากการที่ฝรั่งเศสเข้าปกครองแรกสุดนั้นเกี่ยวเนื่องทางด้านศาสนา ดังนั้นการสร้างโบสถ์จะเป็นเรื่องพิถีพิถัน และโบสถ์แห่งนี้นับว่ามีความสำคัญที่สุดในประเทศเวียดนาม โดยคำว่า “นอตเตรอดาม” ตามภาษาฝรั่งเศสแปลตรงกับภาษาอังกฤษว่า “อะเวอเลดี้” หรือ “คุณผู้หญิงของเรา” หรือ “แม่พระของเรา” ในภาษาไทย เพื่อให้เกียรติกับพระแม่มารีพระมารดาของพระเยซูคริสต์  ผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรม เล่าว่า การสร้างด้วยสไตล์นี้มองด้วยตาเปล่าแบบไม่อิงวิชาการเรียกว่า “เวอติคัลลิซึ่ม” หรือ “เส้นตั้ง” หมายความว่า การสร้างอาคารในแนวสูงชี้ขึ้นฟ้า นัยว่าเพื่อให้ใกล้ชิดกับพระผู้เป็นเจ้าที่สถิตประทับบนสรวงสวรรค์ ส่วนเรื่องวัสดุที่ใช้สร้างโบสถ์หลังนี้มีตัวหนังสือยืนยันว่าวัสดุล้วนอิมพอร์ตโดยการขนใส่เรือมาจากฝรั่งเศสทั้งหมด โดยสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1877 มีจุดเด่นที่ด้านหน้าโบสถ์ มีรูปปั้นพระแม่มารีขนาดใหญ่ สีขาวเด่นเป็นสง่า และมีหอคอยคู่สูง 40 เมตร เป็นเอกลักษณ์ที่งดงาม
 
 
ส่องเฟรนช์โคโลเนียลในเมืองลุงโฮ
 
 
       ห่างกันเพียงแค่ข้ามถนนมีอาคารสไตล์เฟรนช์โคโลเนียลอีกหนึ่งแห่ง นั่นคือที่ทำการ “ไปรษณีย์กลางแห่งนครโฮจิมินห์” สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1896 โดยวิศวกรและสถาปนิก ชาวฝรั่งเศส Gustaf Eiffel ผู้ซึ่งมีผลงานสิ่งก่อสร้างเป็นที่จดจำของชาวโลก คือหอไอเฟล โดยจุดเด่นของอาคารที่ทำการไปรษณีย์แห่งนี้ อยู่ที่โครงหลังคาโครงเหล็กโค้งประดับด้วยกระจก ตามไอเดียของวิศวกร ซึ่งในประเทศไทยเองก็ได้รับอิทธิพลเกี่ยวกับโครงสร้างลักษณะนี้มาเช่นกันคือที่สถานีรถไฟหัวลำโพงนั่นเอง มาพูดถึงตัวอาคารไปรษณีย์ต่ออีกนิดว่ากันว่ามีลักษณะคล้ายกับอาคาร “กรอง ปาเล” หรือ “แกรนด์ พาเลซ” กลางกรุงปารีส ทางด้านหน้าทำเป็นเสาแบบยุโรป ที่แสดงความเป็นฝรั่งเศสที่นิยมทำหน้าต่างที่สูงเหมือนประตูมากๆ ด้วยเหตุผลว่าประเทศในยุโรปมีสภาพอากาศหนาวไม่ค่อยมีแดด หน้าต่างใหญ่จะช่วยทำให้แสงเข้าในอาคารมากหน่อย บานหน้าต่างที่สลักไม้ก็มีส่วนช่วยให้ลมผ่านเข้าง่าย ดังนั้นเวลาสร้างบ้านสร้างอาคารที่ไหน บานหน้าต่างต้องสูง อีกหนึ่งกลิ่นอายของฝรั่งเศสที่เห็นได้ในที่ทำการไปรษณีย์กลางแห่งนี้คือลวดลายเหล็กดัด ถือว่างานเหล็กคืองานโชว์ ซึ่งมักถูกใช้เป็นตัวชี้วัดว่าบ้านใครสวยกว่าใคร นอกจากนี้สีที่ได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศสนั้นสามารถหาดูได้ง่ายๆ เพราะใช้เพียงแค่ เขียว แดงมารูน น้ำตาลไหม้ หรือสีเทา แค่นั้น  ในส่วนภายในไปรษณีย์กลางแห่งนี้ปัจจุบันผู้คนก็ยังคงใช้บริการไปรษณีย์ตามปกติ และที่ขาดไม่ได้คือภาพของอดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ เด่นเป็นสง่า สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนส่วนใหญ่ต้องซื้อโปสการ์ดเป็นที่ระลึก
 
 
ส่องเฟรนช์โคโลเนียลในเมืองลุงโฮ
 
 
       ย่ำเท้าห่างออกไปต่อมเหงื่อยังไม่ทันได้ทำงานจะได้พบ “โรงละครโอเปร่า” ที่ตั้งตระหง่านกลางแยกถนน ตรงข้ามกับห้างดังที่ขายสินค้าแบรนด์เนม โดยปัจจุบันใช้เป็นสถานที่แสดงละครโอเปร่า หรือการแสดงต่างๆ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งอาคารเก่าแก่สไตล์เฟรนช์โคโลเนียลที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองลุงโฮ ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส สำหรับแสดงอุปรากรให้แก่ชนชั้นสูงชาวฝรั่งเศสและชาวเวียดนามทีสวามิภักดิ์ต่อฝรั่งเศสได้ชม อีกหนึ่งช่วงตึกในเขต 1 ยังมีสถาปัตยกรรมอีกหนึ่งแห่งคือ “ศาลาว่าการเมือง” หรือ “สภาประชาชน” ถือว่าเป็นอาคารมีอยู่ใหม่สุดในหลายๆ หลัง เพราะสร้างเมื่อปีสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1902-1908 ตอนแรกให้ชื่อว่า “ปอร์โต เดอ วู” ซึ่งความหมายของฝรั่งเศสคือ ศาลาว่าการเมือง แต่หลังจากฝรั่งเศสถอนกลับออกไปแล้วประมาณปี ค.ศ. 1975 ทางเวียดนามยังใช้อาคารดังกล่าวบริหารจัดการเมือง จัดการผู้คน บางครั้งก็เรียกว่า สภาประชาชน ปัจจุบันข้างในยังใช้งานอยู่จึงไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าชม สำหรับตัวอาคารจากด้านหน้าจะเห็นทรงแบบฝรั่งเศส ไม่ว่าจะเป็นเฉลียง ช่องหน้าต่าง มีลวดลายประดับรวมถึงเสา โดม วงโค้งครึ่งวงกลมต่างๆ  ทั้งนี้ที่ลานกว้างบริเวณด้านหน้าของอาคารมีรูปปั้นของอดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ และมีสวนสาธารณะลานน้ำพุ “จัตุรัสโฮจิมินห์” ถือว่าแหล่งรวมวัยรุ่นมาทำกิจกรรมหลากหลาย ในช่วงหัวค่ำของทุกวัน
 
 
ส่องเฟรนช์โคโลเนียลในเมืองลุงโฮ
 
 
       อย่าเพิ่งตกอกตกใจว่า ลัดฟ้าไปเที่ยวเมืองลุงโฮทั้งทีมีแต่ตึกรามบ้านช่องอายุเกินร้อยปีให้ชมเท่านั้น สำหรับคนที่ชื่นชอบการเดินเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์เชื่อว่าจะไม่ผิดหวัง เพราะมีทั้ง “พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ (บ้านมังกร)” เน้นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวประวัติของอดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ ที่ชาวเวียดนามต่างยกย่องว่าเป็นบุคคลสำคัญมากที่สุด ถัดมาเป็น “พิพิธภัณฑ์เมืองโฮจิมินห์” ชื่อคล้ายกันแต่ที่นี่เน้นจัดแสดงโบราณวัตถุในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เรื่องราวของเมืองไซ่ง่อน อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ของคนท้องถิ่นต่างๆ ที่สำคัญตัวอาคารแห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในสไตล์เฟรนช์โคโลเนียลด้วย นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์แถมยังเป็นอาคารแบบเฟรนช์โคโลเนียลที่ได้รับการยกย่องว่ามีความหรูหราที่สุดในเมืองลุงโฮด้วย นั่นคือ “ไฟน์ อาร์ตส์ มิวเซียม” และถ้าอยากสัมผัสวัฒนธรรมพื้นเมืองดั้งเดิมของชาวเวียดที่โรงละคร “เดอะ โกล์เด้น ดราก้อน วอเตอร์ พับเพ็ต โชว์” จะมีการแสดงหุ่นกระบอกน้ำ ซึ่งถือว่าเป็นศิลปะประจำชาติ...แล้วพบกันใหม่ “โฮจิมินห์ ซินจ่าว”
 
 
ส่องเฟรนช์โคโลเนียลในเมืองลุงโฮ