
สมุนไพรพื้นบ้าน'ชาผักหวานป่า'สู่ผลิตภัณฑ์'บ้านท่าพระยาณรงค์'
23 ต.ค. 2558
ทำมาหากิน : สมุนไพรพื้นบ้าน 'ชาผักหวานป่า' สู่ผลิตภัณฑ์ 'บ้านท่าพระยาณรงค์' : โดย...โต๊ะข่าวเกษตร
จากการสำรวจข้อมูลก็ยังคงพบอีกว่าคนไทยทุกวันนี้สนใจการรักษาโดยวิธีการแพทย์ทางเลือกธรรมชาติบำบัดและหนึ่งในนั้นคือการใช้สมุนไพรในการบำบัดรักษา จึงกลายมาเป็นผลงานวิจัย “ชาผักหวานป่า” จากผลงานของนักศึกษา หลักสูตรบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) กับชาวชุมชนบ้านท่าพระยาณรงค์ ต.ศรีสุขสำราญ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น
ผศ.อารีย์ นัยพินิจ หัวหน้ากลุ่มสาขาการจัดการ คณะวิทยาการจัดการ มข. กล่าวว่า ผักหวานป่า อาหารอีสานชื่อดังและขึ้นชื่ออย่างมากมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าผักอื่นอีกหลายชนิด มีสารอาหาร เกลือแร่ และวิตามิน ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ผักหวานป่าสดมีวิตามินซีสูง ช่วยป้องกันเนื้อเยื่อหรือเซลล์ในร่างกายถูกทำลายจากมลพิษทางอากาศ ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังจากรังสีของแสงแดด และผิวหนังเหี่ยวย่นหรือแก่ก่อนวัย
“ผักหวานป่ามีเบต้าแคโรทีนซึ่งเป็นแอนติออกซิแดนท์ เมื่อถูกเปลี่ยนไปเป็นวิตามินเอในร่างกายแล้วจะช่วยบำรุงสายตา ทำให้มองเห็นชัดขึ้นในที่มืดหรือตาบอดกลางคืน เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย วิตามินบีในผักหวานป่า โดยเฉพาะวิตามินบี 2 นอกจากนี้ผักหวานป่ายังมีเส้นใยอาหารสูงช่วยในการขับถ่ายได้ดีและเป็นยาระบายอ่อนๆ”
จากข้อมูลดังกล่าวทีมนักวิจัยจึงได้คัดเลือกพื้นที่บ้านท่าพระยาณรงค์เป็นพื้นที่เป้าหมายเนื่องจากเป็นพื้นที่ชุมชนต้นแบบที่คนในชุมชนเน้นหนักในเรื่องของการดูแลรักษาสุขภาพ มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารรวมถึงการนำสมุนไพรเข้ามาช่วยในการรักษา โดยทุกบ้านมีการปลูกพืชผักสวนครัวรั้วกินได้ ก่อนคัดเลือกบ้านนางสมศรี สิงห์ศักดา เป็นบ้านต้นแบบในการจัดทำโครงการดังกล่าวด้วยการนำหลักวิชาการมาใช้ในการแปรสภาพผักพื้นบ้านสู่การเป็นชาผักหวานป่า
สมศรี สิงห์ศักดิ์ดา ประธานกลุ่มชาวบ้านบ้านท่าพระยาณรงค์ กล่าวว่า ที่ประชุมร่วมระหว่างนักวิชาการ คณะวิทยาการจัดการ มข.และชาวบ้านบ้านท่าพระยาณรงค์ ได้ข้อสรุปที่ตรงกันในการพัฒนาผักหวานป่าหลังบ้านให้กลายเป็นชาสมุนไพร จึงมีการจัดตั้งกลุ่มและจัดทำบ้านพักของตนเองให้กลายเป็น บ้านต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ชาผักหวานป่าให้มีมาตรฐานและออกจำหน่ายได้ และที่สำคัญคือการให้ชาผักหวานป่าเป็นที่รู้จักของผู้บริโภค ด้วยการมีส่วนร่วมระหว่างชาวชุมชนกับนักวิชาการที่เริ่มจากการร่วมกันศึกษาสภาพแวดล้อมและวิเคราะห์ปัญหาของบ้านต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง ต่อด้วยการจัดสรรพื้นที่ภายในบ้านต้นแบบได้อย่างเป็นระบบ และที่สำคัญคือการพัฒนาบ้านต้นแบบสู่การเป็นหมู่บ้านผักหวานป่าเพื่อสุขภาพ

“ชาวบ้านเองก็ยังไม่มีความรู้ในด้านเทคโนโลยีมากนัก และเมื่อกระบวนการต่างเริ่มเป็นระบบจึงได้เริ่มลงมือปรับเปลี่ยนสภาพพื้นที่ให้กลายเป็นพื้นที่ผลิตชาผักหวานป่า ปลอดสารพิษ เพราะชาวชุมชนแห่งนี้ปลูกด้วยวิธีธรรมชาติ และไม่ใช้สารเคมี"
สมศรี อธิบายขั้นตอนของการผลิต เริ่มจากการคัดเลือกใบผักหวานแก่ในลักษณะที่ไม่แก่มากนัก นำมาล้างและคัดใบผักหวานป่าที่ไม่มีคุณภาพออก โดยเฉพาะใบที่มีสีเหลือง จากนั้นนำใบผักหวานป่ามาหั่นให้มีขนาด 0.5x4.0 ซม.พร้อมทั้งตัดก้านใบออกทั้งหมด ทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำนำไปคั่วในกระทะด้วยไฟอ่อนสุดจนได้ที่ พอคั่วเสร็จนำมาตากแดดเพื่อไล่ความชื้นออกอีกประมาณ 1-2 ชั่วโมง ก็จะได้ชาผักหวานป่าที่มีสรรพคุณทางโภชานาการและคงไว้ซึ่งรสชาติอาหารอีสานพื้นบ้านอย่างดั้งเดิม จากนั้นก็จะทำการบรรจุซึ่งชาวชุมชนจัดทำเป็น 2 รูปแบบ คือแบบชง (แบบใบ) 1 กล่องจะมีน้ำหนักสุทธิ 50 กรัม และแบบลิปตัน หรือแบบผงชง ซึ่ง 1 กล่องจะบรรจุ 25 ซอง ซองละ 2 กรัม น้ำหนักรวมสุทธิ 50 กรัมเช่นกัน
ชาศรีวิเชียร นับเป็นผลิตภัณฑ์ชาผักหวานของชาวบ้านบ้านท่าพระยาณรงค์ที่มีการจดสิทธิบัตรและลิขสิทธิ์ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ด้วยชาผักหวานป่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่หาได้ยาก เนื่องจากเป็นเจ้าแรกในตลาดที่จัดทำขึ้นมาจำหน่าย ทำให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่แปลกใหม่สำหรับผู้บริโภค ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ที่รักในสุขภาพและผู้ที่ชื่นชอบชาสมุนไพรอย่างมาก สนใจผลิตภัณฑ์ชุมชนสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 08-1717-4404 ตลอดเวลา
-------------------
(ทำมาหากิน : สมุนไพรพื้นบ้าน 'ชาผักหวานป่า' สู่ผลิตภัณฑ์ 'บ้านท่าพระยาณรงค์' : โดย...โต๊ะข่าวเกษตร)