ไลฟ์สไตล์

เสี้ยวชีวิต...มนุษย์พันธุ์38ค(2)หัวใจปฏิรูปการศึกษาเกินร้อย

เสี้ยวชีวิต...มนุษย์พันธุ์38ค(2)หัวใจปฏิรูปการศึกษาเกินร้อย

19 ต.ค. 2558

เสี้ยวชีวิต...มนุษย์พันธุ์38ค(2)หัวใจปฏิรูปการศึกษาเกินร้อย : กมลทิพย์ ใบเงินรายงาน

            กว่า 10 ปี ที่ทุกรัฐบาลพยายามทุ่มเทงบประมาณเพื่อการปฏิรูปการศึกษาไทย ท่ามกลางการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนตัวรัฐมนตรีศึกษามากกว่ากระทรวงอื่นๆ รัฐบาลแต่ละยุคต่างวาดหวังผลสัมฤทธิ์การศึกษาไทยจะดีขึ้น สะท้อนจากดัชนีชี้วัดระดับชาติและนานาชาติ ด้วยการผุดสารพัดนโยบาย สั่งตรงจากส่วนกลางหรือกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ลงสู่เขตพื้นที่การศึกษา หวังให้เป็นตัวเชื่อมถึงประชาชนคนไทย แต่นโยบายสวยหรูเหล่านั้นไปไม่ถึงฝั่งฝัน ด้วยปริมาณเนื้องานที่มากหมายมหาศาล แต่บุคลากรในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่รองรับนโยบายกลับน้อยลงแถมไม่ได้รับการดูแลจากหน่วยงานรัฐ กลายเป็นข้อเหวี่ยงทางการศึกษา “ป่าล้อมเมือง”

            "สิ่งที่เกิดขึ้น โอน ย้าย ลาออก เออร์ลี่ เข้าสู่วงจรนี้หมด คนทำงานบนสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ลาออก 10 คน ได้ตำแหน่งคืน 5 คน เพราะคนที่อยู่บนเขตไปอยู่ อบต. เทศบาล สิ่งที่เกิดขึ้นนักวิชาการบนเขตหายไป คนรักความก้าวหน้าหายไป สิ่งมาแทนคือ อัตราจร้างเต็มเขต แถม ศธ.มีแนวคิดจะเพิ่มสำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษา (สพม.) เขตละจังหวัด จากเดิมมี สพม.เพียง 42 เขต จะเพิ่มเป็น 77 สพม. แต่ไม่เพิ่มคนไม่เพิ่มเงิน" กริช มากกุญชร นักประชาสัมพันธ์ชำนาญการพิเศษ (ระดับ 8) สำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษาเชียงราย เขต 1 (สพป.เชียงราย เขต 1) และประธานชมรมนักประชาสัมพันธ์การศึกษาขั้นพื้นฐาน (กศ.พฐ.) ฉายภาพ

            “กริช มากกุญชร” เกิดและโตที่จังหวัดกำแพงเพชร เรียนมัธยมศึกษารุ่นสุดท้ายของ “ม.ศ.5” จากโรงเรียนกำแพงพิทยาคม จากนั้นศึกษาต่อที่ีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒิ (มศว) วิทยาเขตพิษณุโลก จ.พิษณุโลก จนกระทั่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะสังคมศาสตร์ เอกประวัติศาสคร์ และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) จ.พิษณุโลก

            "กริช" หนุ่มน้อยจากภาคเหนือ เข้าร่วมขบวนการต่อสู้ของนักศึกษาไทย ช่วง “วัยบริสุทธิ์” ทั้งเรียกร้อง ชุมนุม เดินประท้วง เรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่สังคมไทย เรียกได้ว่าเลือดนักสู้เข้มข้น ได้รับการยอมรับจากผองเพื่อนกันถ้วนหน้า แต่มีใจรักอยากเป็น “พ่อพิมพ์ของชาติ” ด้วยความพยายามในที่สุด “กฤช มากกุญชร” ก็สอบติดครู แต่ชีวิตผกผันระหว่างรอบรรจุครูถูกเรียกตัวไปเป็น “ทหารเกณฑ์”

            “วัยหนุ่มมีพลังเยอะมาก อยากทำอะไรที่ท้าทายกับชีวิต อยากมีชีวิตเป็นลูกผู้ชาย เมื่อหมายเรียกมาผมสมัครทหารเหณฑ์ผััดสอง ต้องลาออกจากครูทั้งที่ยังไม่ครบวันทดลองงาน ผมประจำการที่ค่ายจีระ จ.นครสวรรค์ ฝึกหนักมาก แต่ช่วงเวลา 6 เดือนมีความสุขมาก เมื่อปลดประจำการ ก็เข้ารับราชการครูที่เคยสอบบรรจุเอาไว้ที่บ้านเกิดผม โรงเรียนบ้านหนองแดน ต.โกสัมพี อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ต้องเดินทางด้วยเท่าขึ้นดอยเพื่อไปสอนหนังสือเด็กๆ”

            “คุณครูกริช” เลือดนักสู้ รักความยุติธรรม ปรารถนาดีกับนักเรียน แต่จังหวะชีวิตมีประสบการณ์ร้ายกับครูใหญ่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ถึงขั้น “เกลียด” ไม่อยากมองหน้า ทำให้เขาดิ้นรนอยากจะไปให้พ้นผู้บริหารโรงเรียนที่ใส่เกียร์ว่าง ละเลยชีวิตเด็กๆ ดำๆ เพียงเพราะความสุขส่วนตัว

            “ชีวิตครู ผมค่อนข้างหัวรุนแรง ผมชอบเขียนหนังสือ เขียนบทความ เขียนบทกลอน ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตครู ทำเป็นวารสารกำแพงพิมาน พิมพ์โรเรีนยวแจก บางวันต้องจุดเทียนปั่นต้นฉบับ ยิ่งเมื่อได้มารู้จักมักคุ้นกับสื่อมืออาชีพอย่าง พี่ศุภชัย ศรีงาม นสพ.เดลินิวส์ เกิดแรงบันดาลใจงานด้านข่าว เมื่อถูกชักชวนให้มาช่วยราชการงานประชาสัมพันธ์ (พีอาร์) ที่สำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดกำแพงเพชร (สปจ.) ถูกโอนมาเป็นข้าราชการพลเรือน ตำแหน่งนักประชาสัมพันธ์ 3 (ซี 3) อยู่จนถึงซี 5 ผมมีสิทธิทำซี 6 แต่ชีวิตคลุกอยู่กับงานพีอาร์ ต้องตะลุยลงพื้นที่เขต ถ่ายรูป ทำข่าว ทำสกู๊ปข่าว เขียนบทความ บทวิเคราะห์ จนลืมทำซี 6”

            “กริช” เรียกได้ว่าเป็นคนข่าวมืออาชีพ ที่สื่อทุกแขนงมักใช้บริการ “ฟรีแลนซ์” คนนี้สม่ำเสมอ ผลงานของเขาปรากฏตามสื่อหลัก ทั้งหนังสือพิมพ์ สถานีโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น วารสาร และสื่อออนไลน์ ที่ตราตรึงกับข้อเขียนที่เปี่ยมไปด้วยอรรถรส แต่แฝงไว้ด้วยอุดมการณ์เลือดนักสู้ ที่หัวใจแกร่งเกินร้อย

            เหนืออื่นใด ช่วงรอยต่อการปฏิรูปการศึกษาไทยมากว่า 10 ปี ทำให้สถานภาพของเขาและเพื่อนร่วมอาชีพใน สพท.กว่า 11,000 ชีวิต เปลี่ยนแปลงไป กลายเป็น “มนุษย์พันธุ์ 38 ค (2)" หรือ กลุ่มบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค (2) ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 เป็นบุคลากรทางการศึกษา ในกฎหมายฉบับเดียวกับครู ผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษาและศึกษานิเทศก์ ปฏิบัติหน้าที่ทางด้านวิชาการ นำนโยบาย ศธ.และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ให้ปฏิบัติได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ “คนเขตพื้นที่ฯ เสมือนฟันเฟืองและข้อเหวี่ยงที่ขัดขบ เขียนไม่มีใครอ่าน พูดไม่มีใครฟัง เคลื่อนไหวไม่มีคนเห็น ยิ่งถูกมิติต้องห้ามด้านโครงสร้างในกระแสปฏิรูปก็ยิ่งใกล้เคียงปฏิกิริยาตอกตะปูตรึงฝาโลงสำหรับการโฟกัสปฏิรูปเขตพื้นที่ฯ”

            ว่ากันว่า “มนุษย์พันธุ์ 38 ค (2)” ต้องนำนโยบายจากส่วนกลางลงสู่การปฏิบัติ ใน 225 สพท.ทั่วประเทศ แบบทำทันทีตามแผนดำเนินการ การส่งต่อนโยบายสู่บุคลากรครูกว่า 360,000 คน โรงเรียนจำนวนกว่า 30,800 โรง ภารกิจเกี่ยวเนื่องกับประสิทธิภาพการจัดการศึกษาให้เด็กไทยในระบบการศึกษากว่า 6,980,000 คน สพท.ทำหน้าที่เหมือนเป็นข้อเหวี่ยงนโยบายจะต้องได้รับการ “เติมเต็ม” และ “คลี่ดูกำลังพล” ที่กำลังประสบปัญหา ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติค่างานที่ถูกแช่แข็ง อัตรากำลังที่ถูกดองเค็มมานานกว่าทศวรรษ ปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านหลักการยกระดับและพัฒนา ซึ่งมิใช่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างหน่วยงาน แต่เป็นปัญหาเชิงระบบบริหารจัดการ

            ถึงเวลาที่ “บิ๊กหนุ่ย” พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ต้องทุบโต๊ะ “ผ่าตัด” ปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ สพท.ให้ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อตอกลิ่มไม่ให้การปฏิการศึกษาสมัยรัฐบาลทหารล่มเช่นในอดีต เพราะนี่คือ “โมเดล” หนึ่งของ “การปฏิรูปการศึกษา” ที่ ศธ.สามารถเชื่อมต่อถึงชาวบ้านได้ผ่าน “มนุษย์พันธุ์ 38 ค (2)” นะขอบอก!