ไลฟ์สไตล์

รู้เท่าทันก่อนจ่ายแพง!‘วัคซีนปอดอักเสบ’ผู้สูงวัย

รู้เท่าทันก่อนจ่ายแพง!‘วัคซีนปอดอักเสบ’ผู้สูงวัย

12 ต.ค. 2558

รู้เท่าทันก่อนจ่ายแพง! ‘วัคซีนปอดอักเสบ’ผู้สูงวัย : ทีมข่าวรายงานพิเศษ

             “บริการฉีด Pneumococcal vaccine ป้องกันปอดบวมและติดเชื้อในกระแสเลือด สำหรับผู้สูงวัย...ฉีดเข็มเดียวป้องกันตลอดชีวิต เข็มละ 2,150 บาท"

             “ผู้สูงอายุที่ต้องการทำวัคซีนอายุ 50 ปีขึ้นไป สามารถรับวัคซีนป้องกันโรคได้ในราคาพิเศษ ราคา 4,750 ฉีดเข็มเดียวป้องกันตลอดชีวิต”

              “คม ชัด ลึก” ได้รับการร้องเรียนว่า ขณะนี้ในโลกออนไลน์มีการโฆษณาชักชวนผู้มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ให้ฉีด วัคซีนป้องกันโรคปอดบวม ปอดอักเสบ และติดเชื้อในกระแสเลือด  “Pneumococcal vaccine” ราคาตั้งแต่ 2,000-5,000 บาท โดยอ้างว่าฉีดเพียงเข็มเดียวจะป้องกันได้ตลอดชีวิต

             นอกจากในโลกออนไลน์แล้วเว็บไซต์โรงพยาบาลหลายแห่งได้มีโปรโมชั่นเชิญชวนให้ผู้สูงอายุฉีดวัคซีนดังกล่าวในราคาพิเศษ 

             นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์  ผู้เชี่ยวชาญโรคทางเดินหายใจและผู้สูงอายุแสดงความเห็นว่า วัคซีนนิวโมคอคคัส (Pneumococcal vaccine) ที่ถูกโฆษณาข้างต้นว่า ผู้สูงอายุควรศึกษาให้ดีก่อน เพราะเป็นวัคซีนป้องกันโรคปอดบวมและติดเชื้อในกระแสเลือด

             “จากประสบการณ์ผมพบว่า ​วัคซีนนี้ป้องกันโรคปอดอักเสบและติดเชื้อในกระแสเลือดเฉพาะจากเชื้อนิวโมคอคคัสเท่านั้น ไม่ได้ป้องกันปอดอักเสบและติดเชื้อในกระแสเลือดจากสาเหตุอื่นๆ  ซึ่งโรคปอดติดเชื้อนิวโมคอคคัสและกระจายเข้ากระแสเลือดเป็นโรคที่พบน้อยมากในคนไทยสูงอายุ เมื่อเปรียบเทียบกับคนในโลกตะวันตก”

             นพ.มนูญ อธิบายเพิ่มว่า หากเปรียบเทียบผู้ป่วยโรคเอดส์ของไทยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องซึ่งมีโอกาสติดเชื้อนิวโมคอคคัสมากกว่าคนสูงอายุหลายเท่าก็ยังพบอาการป่วยด้วยเชื้อโรคตัวนี้น้อยมาก โดยผู้ป่วยเอดส์ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนชนิดนี้ ต้องเข้าใจว่าการฉีดวัคซีนนี้ไม่สามารถป้องกันโรคจากเชื้อนิวโมคอคคัสได้ทุกสายพันธุ์ เพราะเชื้อนิวโมคอคคัสมีมากถึง 94 สายพันธุ์

             โดย “วัคซีนนิวโมคอคคัส” จะมีแบ่งเป็น 2 ชนิด ได้แก่ ชนิด “คอนจูเกต” ป้องกันได้ 13 สายพันธุ์ วัคซีนชนิดนี้กระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้ดี ป้องกันได้ทั้งปอดอักเสบและติดเชื้อในกระแสเลือด  ส่วนอีกชนิดคือ ชนิด “โพลีแซคคาไรด์” ป้องกันได้ 23 สายพันธุ์ วัคซีนชนิดนี้กระตุ้นร่างกายให้สร้างภูมิคุ้มกันไม่ค่อยดี ป้องกันได้เฉพาะติดเชื้อในกระแสเลือด

             นพ.มนูญให้ข้อมูลว่า การศึกษาล่าสุดในวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ ฉบับวันที่ 19 มีนาคม 2558 ระบุ ผู้สูงอายุของเนเธอร์แลนด์อายุ 65 ปีขึ้นไป 42,240 คนเมื่อได้รับวัคซีนชนิดคอนจูเกต 13 สายพันธุ์ ปรากฏว่าพบอาการป่วยด้วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอคคัสในระยะเวลา 4 ปี เพียงแค่ 49 คน หรือ 0.11 เปอร์เซ็นต์

             เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่ฉีดยาหลอก หรือไม่ได้รับวัคซีนจริง 42,256 คน ป่วยด้วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อนี้ 90 คน หรือ 0.21 เปอร์เซ็นต์

             หมายความว่าต้องฉีด 1,000 คน ถึงจะลดโรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอคคัสได้ 1 คน นอกจากนี้วัคซีนชนิดนี้ไม่ได้ลดอัตราการตายจากการติดเชื้อนิวโมคอคคัส เพราะถึงป่วยด้วยโรคนี้ก็มียาปฏิชีวนะรักษาโรคนี้ได้ และถ้าใครอยากฉีดต้องฉีดวัคซีนทั้ง 2 ชนิด  อย่างไรก็ตามวัคซีนนี้ไม่ใช่วัคซีนพื้นฐานในประเทศไทย เบิกค่าวัคซีนไม่ได้ อุบัติการณ์ของโรคนี้ในคนไทยต่ำกว่าคนในโลกตะวันตก ​

             "นอกจากใครมีฐานะดี อยากฉีดเพราะร่างกายอ่อนแอ มีโรคประจำตัวหลายอย่างก็ทำได้ แต่ไม่ได้มีประโยชน์มากนักหากเทียบเป็นอัตราเปอร์เซ็นต์คนที่ติดเชื้อตัวนี้” หมอมนูญกล่าว

             ด้าน นพ.คณินท์ ชะนะกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทางเดินหายใจและผู้สูงอายุ อธิบายว่า ตั้งแต่จบแพทย์มา 25 ปี ดูแลรักษาผู้สูงอายุมาเยอะพอสมควรแต่เคยพบคนไทยที่ป่วยด้วยโรคนี้เพียง 2 คนเท่านั้น ต่างจากสมัยที่รักษาผู้ป่วยในอเมริกาเห็นคนไข้โรคนี้ทุกเดือน ถ้าผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในอเมริกา ก็ควรฉีดวัคซีนนี้เพราะคุ้มค่าการลงทุน

             “ควรฉีดวัคซีนตามอุบัติการณ์ของโรค ไม่ใช่อเมริกาแนะนำเราต้องทำตามทุกอย่าง เพราะราคาแพงมากเข็มละ 5-6 พันบาท ต้องฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 1 ปี ทางที่ดีแนะนำให้ผู้สูงอายุดูแลสุขภาพร่างกายให้อบอุ่นแข็งแรงดีกว่า กินอาหารที่เป็นประโยชน์ นอนหลับเพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ ข้อสำคัญต้องระวังเรื่องการสำลักอาหาร และฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกปี เท่านี้จะช่วยป้องกันโรคร้ายต่างๆ ไม่ให้มาคุกคามร่างกายของเราได้" นพ.คณินท์กล่าวแนะนำ

             ข้อมูลรายงานแพทย์คลินิกเสริมภูมิคุ้มกันและอายุรศาสตร์การท่องเที่ยว สถานเสาวภาสภากาชาดไทย โดย พญ.สุดา สีบุญเรือง นพ.จารุบุตร อังสนากุล  และศ.นพ.ธีระพงษ์ ตัณฑวิเชียร ตีพิมพ์ในจุลสารเสาวภาสำหรับประชาชน  กล่าวถึงวัคซีนนิวโมคอคคัสว่าเป็นวัคซีนป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย ที่มีชื่อว่า “สเตรปโตคอคคัส นิวโมเนียอี” หรือเรียกสั้นๆ ว่า เชื้อนิวโมคอคคัส

             เป็นเชื้อโรคสําคัญ แพร่กระจายจากผู้ที่มีเชื้อโรคผ่านละอองจากทางเดินหายใจโดยการไอ จาม ผู้ได้รับเชื้อโรคเกิดอาการหูน้ำหนวก ไซนัสอักเสบ ปอดบวม ฯลฯ  บางครั้งอาจรุนแรงทำให้ผู้ติดเชื้อที่เป็นเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจําตัวบางคนเสียชีวิตได้

             ทิพาพร ปรัชยธรรม ชาวบ้านวัย 55 ปี แสดงความเห็นวัคซีนตัวนี้ว่า เคยเห็นข้อมูลโฆษณาจากจุลสารและอินเทอร์เน็ต และเป็นวัคซีนราคาแพงมาก หากรัฐบาลรณรงค์ให้ประชาชนไปฉีดวัคซีนนี้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ก็เห็นด้วย เพราะเรามีอายุมากขึ้นแล้ว ควรจะมีภูมิคุ้มกันโรคร้ายต่างๆบ้าง ทุกวันนี้ทั้งอาหารและยาที่กินเข้าไป ก็มีอันตรายทั้งนั้น อยากให้รัฐออกมาให้ความรู้ และอธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจน

             ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าว “คม ชัด ลึก” สอบถามความเห็นผู้สูงอายุหลายคน ทั้งหญิงและชายในวัย 50 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่เห็นด้วยว่า หากรัฐบาลต้องการดูแลสุขภาพประชาชน ควรรณรงค์ให้ไปรับวัคซีนป้องกันโรคชนิดต่างๆ รัฐควรจัดหาให้โดยไม่เสียค่าจ่ายใดๆ และควรให้ข้อมูลว่าวัคซีนตัวใดจำเป็นหรือไม่จำเป็น เพราะทุกคนอยากมีสุขภาพดี

             นพ.จรุง เมืองชนะ  ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ชี้แจงข้อสงสัยเกี่ยวกับงบประมาณวัคซีนว่า ปัจจุบันภาครัฐยังไม่มีงบประมาณสำหรับวัคซีนตัวนี้ด้วยข้อจำกัดด้านทรัพยากรที่มีต้นทุนสูง ยังไม่มีข้อมูลความชัดเจนในเรื่องคุ้มทุนเพราะเป็นวัคซีนราคาแพง จึงยังไม่อยู่ในการให้บริการฟรี

             “โรคนี้คนไทยเป็นน้อยมาก ไม่เหมือนในแถบยุโรป อาจเพราะสิ่งแวดล้อมของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน เช่น โรคอีโบลา ก็ยังไม่เคยพบในไทย ไม่อยากให้คิดว่าการไม่แจกวัคซีนตัวนี้ ทำให้น้อยหน้าประเทศที่ร่ำรวยแล้ว วัคซีนตัวนี้เป็นแค่วัคซีนทางเลือก”

             นพ.จรุง กล่าวทิ้งท้ายว่า ปัจจุบันยังเข้าใจผิดกันมากเกี่ยวกับการให้วัคซีนตัวนี้ โดยเฉพาะแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยสูงอายุทั่วไป การที่โรงพยาบาลเอกชนแนะนำให้ฉีดวัคซีนนี้ไม่ถือว่าผิด แต่ควรใช้กับผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรครุนแรง และสามารถรับภาระค่าใช้จ่ายได้ ส่วนกรณีผู้ที่ทุนทรัพย์น้อยก็ไม่ควรดิ้นรน เพราะยังมีวิธีป้องกันอย่างอื่นที่สามารถทำได้ เช่น ล้างมือให้สะอาด กินอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนเพียงพอ เมื่อเจ็บป่วยรีบไปพบแพทย์ในทันทีไม่ปล่อยไว้นาน ฯลฯ

             “วัคซีน” เป็นตัวช่วยป้องกันเชื้อโรคบางชนิด ดังนั้นการจ่ายเงินเพื่อฉีดวัคซีนชนิดต่างๆ ต้องพิจารณาดูว่าเหมาะสมหรือไม่ ที่สำคัญควรปรึกษาแพทย์ที่เชื่อถือได้ ไม่ควรหลงเชื่อคำโฆษณาโปรโมชั่น หรือข้อความตามสื่อออนไลน์อย่างเดียว !?!