'มาเซราติ' หรู-แรงมาบรรจบกันที่ 'ตรีศูล'

 

                      สัปดาห์นี้คงต้องพูดถึงค่ายรถที่ไม่ค่อยได้เป็นข่าวเท่าไร เพราะว่า รถเขานั้นขึ้นชื่อเรื่องความแพงและแรง แต่เมื่อเร็วๆ นี้ ผมมีโอกาสได้ขับรถของเขาแบบโรดเทสต์ ถึง 2 รุ่น เรียกว่า ประหลาดใจพอสมควร “มาเซราติ” ในเมืองไทยคนอาจจะลืมชื่อนี้ไปแล้วก็ได้ว่ายังมีรถขายอยู่ แต่สำหรับประสบการณ์คนเก่าๆ คงจะจำได้เมื่อครั้งที่ “มาเซราติ” จัดจำหน่ายโดย สวีเดนมอเตอร์ จากวันนั้นถึงวันนี้ “มาเซราติ” เปลี่ยนไปมากในแง่ของการพัฒนารถและเครือข่าย รวมถึงราคาด้วย ที่ว่าเปลี่ยนไปคงเกิดจากปัจจัยของมาเซราติเองที่กลายเป็นบริษัทในเครือเฟียต กรุ๊ป และเฟียตกำหนดให้แบรนด์นี้ต้องเป็นไปตามการตลาดที่ต้องการให้เป็นพรีเมียมของพรีเมียมอีกที คือถ้า เบนซ์ บีเอ็ม ออดี้ เป็นพรีเมียม มาเซราติจะวางตำแหน่งออนท็อปอีกที ราคาต้องไม่ห่างกันมาก แต่มาเมืองไทยไม่ใช่แบบนั้นเพราะภาษีเลยทำให้ราคาโดดไปมาก คู่แข่งเลยเปลี่ยนไป เรื่องราวของมาเซราติ เล่าได้อีกแต่ยกไว้เพื่อให้มีพื้นที่เขียนถึง รถ 2 รุ่นที่ได้ขับ ได้แก่ กิบลี(Maserati Ghibli) รุ่นใหม่ล่าสุดของมาเซราติ ได้จัดเข้าไปอยู่ใน อี-เซกเมนต์ และมาเซราติ ควอตโตรปอร์เต้(Maserati Quattroporte) งานสร้างสรรค์ของมาเซราติที่สืบทอดงานชิ้นเอกไว้อย่างน่าประทับใจ

 

 

 

 

                      ดั้งเดิมมาเซราตินั้นเป็นสปอร์ต แบบซีดาน เป็นรถที่ดิบๆ ขนาดกะทัดรัด ใช้งานได้ทุกวัน แต่พอมาเป็นรุ่นใหม่ มาเซราติที่เห็นคือรถจีที ที่พยายามรักษาความแรงไว้ แน่นอน เครื่องยนต์ทุกคันประกอบในโรงงานเดียวกับเฟอร์รารี่

 

 

 

 

                      กิบลีเป็นรุ่นเล็กเป็นตัวเริ่มต้น เป็นสปอร์ตซีดานหรู 4 ประตูที่เข้าถึงได้ รูปโฉมดูดใจ เครื่องยนต์ทวิน-เทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร วี 6 สูบ มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8-สปีด จาก ZF ในรุ่น กิบลี เอส ให้พละกำลังสูงสุด 410 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ทำได้ในเวลา 5.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 285 กม./ชม. ส่วนในรุ่นกิบลี ที่ขับทดสอบ เป็นตัวที่มีเครื่อง 330 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ทำได้ในเวลา 5.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 263 กม./ชม. 

 

 

 

 

                      สำหรับควอตโตรปอร์เต้ เป็นรถลีมูซีนในระดับแนวหน้า รูปลักษณ์ภายนอกคือรถยนต์สุดพิเศษ เป็นการรวมสมรรถนะแบบสปอร์ตและความหรูหราแบบคลาสสิกของรถยนต์ซาลูน แบบอิตาลี ถ้าเทียบกันแล้ว กิบลีจะมีฐานล้อที่สั้นกว่าควอตโตรปอร์เต้ อยู่ 173 มม. ความยาวของตัวรถโดยรวมสั้นกว่า 291 มม. และมีน้ำหนักที่เบากว่า 50 กก. ควอตโตรปอร์เต้มี 2 เครื่องยนต์ตัว GTS เครื่องยนต์ 3.8 ลิตร วี 8 สูบ กำลังสูงสุด 530 แรงม้า ระบบเกียร์ ZF อัตโนมัติ 8 จังหวะส่วนตัว ควอตโตรปอร์เต้ เอส คือตัวที่ทดลองขับ ใช้เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร วี 6 สูบกำลังสูงสุด 410 แรงม้า

 

 

 

 

                      จากการทดลองขับอยู่ 2 วัน มาเซราติ ควอตโตรปอร์เต้ ให้ความรู้สึกสปอร์ต เดือดมาก พอจะได้เห็นกลิ่นอาย ของมาเซในอดีตบ้าง ภายในใหญ่นั่งสบาย ช่วงล่างคมกริบจนถึงแข็ง ไม่ต้องเพิ่มฟังก์ชั่น ปรับโช้คไฟฟ้าเข้าไปก็รู้สึกว่าแน่นมากแล้ว ส่วน กิบลี ค่อนข้างขับสบาย มีนุ่มแต่ก็ยังเหมือนสปอร์ตทั่วไปคือ จัดจ้าน ทั้งสองรุ่นอัตราเร่งจากความเร็วปานกลางไปจนถึงสูง ใช้เวลาสั้นมากอย่างไม่น่าเชื่อคือ 100-190 กม./ชม. ใช้เวลาและระยะทางนิดเดียว

 

 

 

 

                      มาเซราติ มาคราวนี้ เห็นชัดว่า รถไม่ต้องการคนขับที่ใช้ทักษะสูงก็ขับได้ต่างไปจากอดีตมากเลยทีเดียว

 

                      รถระดับมาเซราติคือความพอใจ เลือกรักคันไหนได้อย่างนั้น ไม่ต้องเทียบยี่ห้ออื่นๆ เพราะแค่สัญลักษณ์ตรีศูล ก็ดูดสายตาทุกมุมมอง แถมด้วยตำนานอันยาวนานกว่า 100 ปี ของผู้ผลิตรถที่ล้ำเลิศด้วยงานศิลป์ ขยับกระเป๋ามาเป็นเจ้าของราคาคันที่ขับ ควอตโตรปอร์เต้ ราคา 12.25 ล้านบาท ส่วนกิบลี ราคา 8.65 ล้านบาทเท่านั้นเอง

 

 

 

 

 

----------------------