ชวนเที่ยว : ตะลุย ... ค่ายสุรสีห์ | คมชัดลึก

 

                     เสือดำตัวเขื่อง ผงาดอยู่บนเนินย่อมๆ ไม่ไกลกัน มีเครื่องบินขนาดเล็กของ ทบ. จอดอยู่ บอกให้รู้ว่า เรามาถึงแล้ว ถิ่นของ “กองพลเสือดำ” กองพลทหารอาสาสมัครแห่งทุ่งลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี

 

 

 

 

                     ชื่อของกองพลเสือดำ โด่งดังเป็นที่รู้จักมาตั้งแต่สมัยที่ไปร่วมรบในสงครามเวียดนาม ปี 2511 พัฒนาขึ้นมาจาก ก่อนจะแปรสภาพเป็นกองพลใหม่ ในนาม “กองพลที่ 9” ค่ายกาญจนบุรีเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2514 ในโอกาสครบรอบปี 24 แห่งวันรัชดาภิเษกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และเปลี่ยนชื่อมาเป็น กองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) ในที่ตั้งของค่ายสุรสีห์ ในปัจจุบัน และเป็นกองพลเดียวของกองทัพบกที่มีหน่วยขึ้นตรง 18 กองพัน 5 กรม อยู่ในพื้นที่เดียวกันทั้งหมด

 

 

 

 

                     บริเวณที่ตั้งของค่ายสุรสีห์ แต่เดิมเป็นสมรภูมิสงครามทุ่งลาดหญ้า ในสงครามเก้าทัพ เมื่อปี 2328 กองทัพไทยโดย สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ในรัชกาลที่ 1 ( เจ้าพระยาสุรสีห์ ) เป็นแม่ทัพ ได้มีชัยชนะเหนือข้าศึกอย่างสมบูรณ์ ณ ทุ่งลาดหญ้าแห่งนี้

 

 

 

 

                     รู้ประวัติกันแบบนี้แล้ว ได้เวลาไปตะลุยค่ายกันสักที โชคดีฉันได้ ไกด์กิตติมศักดิ์ พลตรี เยี่ยมชัย บุตรดาวงษ์ ที่ปรึกษาผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 แล้วยังมี พันเอกวินิจ. สว่างเนตร รองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ที่มาช่วยแนะนำสถานที่ ทำให้รู้ว่า ค่ายทหารไม่ได้น่ากลัว อย่างที่คิด ยิ่งมาวันนี้ ค่ายสุรสีห์กำลังจะกลายเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านเกษตรอินทรีย์ แหล่งท่องเที่ยว สันทนาการ อีกด้วย

 

 

 

 

 

 

                     จากรูปปั้นเสือดำตัวโต เลยไปไม่ไกลเป็นร้านกาแฟ บรรยากาศหน้านั่ง ติดกันเป็น เป็น โซนสวนสัตว์ ขนาดเล็กจำพวกนก และสัตว์เท้ากีบ เนื้อที่กว้างขวางพอสมควร แถวนี้สวยและร่มรื่นด้วยต้นก้ามปูขนาดใหญ่ ออกจากสวนสัตว์ คราวนี้ เปลี่ยนรถเป็น ยีเอ็มซี ของทหาร (ที่ติดต่อเอาไว้ล่วงหน้า) ได้รู้รสชาติของการปีนขึ้นลงบันไดรถสูงๆ ก็คราวนี้ล่ะ เป้าหมายแรกอยู่ที่โรงเพาะเห็ด ในโครงการผลิตเห็ดครบวงจร ของสมาคมแม่บ้านทหารบก ซึ่งก็เริ่มมาจาก พล.ต.ณัฐ อินทรเจริญ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ส่งกำลังพลไปเรียนรู้ แล้วกลับมาทดลองทำ ซึ่งเพิ่งเปิดได้ไม่กี่เดือน แต่ก็ได้ผลไม่น้อย เพราะจากแรกเริ่มที่เพาะเห็ด ขยับขยายมาจนถึงขั้นแปรรูป จำหน่าย และยังก้อนเชื้อเอง โรงเห็ดมีอยู่ 4-5 โรงเก็บดอกขายได้ทุกวัน ข้างๆ กันเป็นแปลงปลูกผักอินทรีย์ มีบ่อเลี้ยงปลา ที่เลี้ยงไก่ ทำแบบผสมผสาน ขี้ไก่ก็เอามาทำปุ๋ยให้กำลังพลเอาไปใช้ปลูกพืชผักที่บ้าน ลดรายจ่าย ส่วนผลผลิตที่ออกมามากๆ ก็ส่งขายไปที่โรงครัวของแต่ละกองพัน และ ที่ครัวหัวเห็ด ซึ่งขายอาหารราคาถูกมากให้กับกำลังพลและชาวบ้านทั่วไป พอมีรายได้ก็นำมาหมุนเวียนใช้จ่าย และแบ่งปันให้กับสมาชิกในโครงการ ไม่ธรรมดาจริงๆ อ้อ... เขายังมีผลิตภัณฑ์อิฐบล็อกที่ทำจากดิน สำหรับขายให้กับบุคคลทั่วไปด้วยนะขอบอก นอกจากโซนด้านเกษตรแล้ว ยังมีในส่วนของ ฐานการผจญภัย สำหรับคนที่ชอบโลดโผน แต่ตรงนี้จะมีการเก็บค่าบริการ ทั้งโดดหอสูง 34 ฟุต ที่เขาบอกว่าเป็นระยะจุด, การทดสอบความแข็งแรงและเด็ดเดี่ยวกับหน้าผาจำลอง หรือตื่นเต้นเร้าใจไปกับเลื่อนข้ามลำน้ำ ใครที่ชอบยิงปืน มีฐานปืนเป้าหุ่นล้มลุกอัตโนมัติให้ด้วย รวมไปถึงสนามยิงปืนรัตนาวุธ ที่มีกระสุนและอาวุธหลายชนิดไว้ให้บริการ ใครชอบขี่จักรยานก็มีสถานที่และจักรยานเสือภูเขาให้ออกกำลัง พร้อมอุปกรณ์ความปลอดภัย

 

 

 

 

 

 

                     ระหว่างทางที่รถยีเอ็มซีพาเที่ยวไป ถึงได้เห็นว่า ภายในค่ายเหมือนเมืองเมืองหนึ่ง เพราะมีครบทุกอย่าง โรงสี โรงพยาบาล โรงเรียนอนุบาล สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น โรงกำจัดขยะ ยกเว้นโรงเรียนเด็กโตกับมหาวิทยาลัย และสถานที่พักนักท่องเที่ยวเท่านั้นเอง

 

 

 

 

 

 

                     พลตรีเยี่ยมชัย บอกว่า ตอนนี้ยังไม่มีที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว แต่กำลังมีการพิจารณากัน ไม่แน่ว่าอนาคตอาจจะมีก็ได้ ที่นี่เลยเปิดให้เที่ยวได้ในช่วงกลางวัน ส่วนจะมาเดี่ยวหรือมาเป็นหมู่คณะ ก็แวะเข้ามาชมสถานที่ถึงโรงเห็ดได้เลย แต่ถ้ามาเล่นผจญภัยก็ต้องแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ เพราะต้องมีการดูแลความปลอดภัยด้วย รถยีเอ็มซี พาผ่านไปถึงวงเวียน อันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์พิพิธภัณฑ์ทหารผ่านศึกเวียดนาม เลยไป เป็นที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์กองพลทหารราบที่ 9 เด่นเป็นสง่าด้านหน้าอาคาร ก็คือ เสาเกียรติภูมิ พล.ร.9 เป็นเสาไม้ธรรมชาติ (ต้นตะเคียน) ขนาดมากกว่า 1 คนโอบนิดหน่อย สูงประมาณ 11 เมตร แต่ฝังลึกลงในดิน 2 เมตร จะเหลือส่วนที่พ้นดิน 9 เมตร ด้านบนสุดของเสา มีหมวกเหล็ก(จำลอง)สีพราง ตามเสา มีป้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้า เหมือนลูกศรบอกทาง ชี้ไปยังทิศทางที่ กองพลทหารราบที่ 9 ไปปรากฏกายอยู่ ไม่ต้องเดาค่ะ เพราะแต่ละป้ายจะบอกชื่อสถานที่ ปีพ.ศ. หรือ ค.ศ. และระยะทาง พอเข้าไปด้านในอาคาร จะมีห้องฉายภาพยนตร์ บอร์ดนิทรรศการเรื่องราวของสมรภูมิรบตั้งแต่สมัยสงครามเก้าทัพ มาจนถึงภารกิจของกองพลทหารราบที่ 9 ในปัจจุบัน รวมถึงเครื่องใช้และอาวุธทางทหาร จัดแสดงไว้ ออกจากพิพิธภัณฑ์มา พร้อมกับบทกลอน ที่เห็นบนบอร์ด ให้ความหึกเหิมในใจ

 

 

 

 

                     เกิดเป็นชาย ละม้ายมาตร ราชสีห์ อันจะหนี ข้าศึก อย่านึกหมาย ต้องไว้ศักดิ์ สีหราช ของชาติชาย

 

                     ถึงตัวตาย ไว้ชื่อ ให้ลือชา ...

 

                     ปิดท้ายค่ายสุรสีห์ ต้องแวะไปตะลุยตลาดน้ำกองถ่าย เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ทั้ง 5 ภาค มีการจำลองสถานที่ต่างๆ ทั้งเมืองหงสา กรุงศรีอยุธยา ชุมชนวัดนกของพระมหาเถรคันฉ่องในภาพยนตร์ฯ ให้บรรยากาศของวิถีไทยสมัยอยุธยาได้เป็นอย่างดี เอาแค่ป้ายด้านหน้าก็เรียกขาเซลฟี่ได้ไม่ยั้งแล้ว หลุดเข้าไปด้านใน มีร้านค้ารูปแบบกระท่อม ที่สร้างขึ้นประกอบฉากนั้นเอง หอกลองกลางหมู่บ้าน ลานกิจกรรม มีทั้งร้านค้าบนบก และที่เป็นตลาดน้ำ

 

 

 

 

                     เลยโซนตลาดไป เป็นเขตโรงถ่ายมุมต่างๆ ทั้งเมืองหงสา ห้องบรรทม โรงน้ำชา ระยะทางไกล ต้องใช้บริการรถราง ที่จะมีเป็นรอบ แล้วไปแวะจอดให้ลงเที่ยวตามจุดสำคัญๆ ซึ่งก็เหลือไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อยถึงความวิจิตรบรรจง

 

 

 

 

----------------------

 

การเดินทาง : จาก ตัวเมืองกาญจนบุรี ใช้เส้นทาง 323 ผ่านมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ตรงเข้าทางหลวง 3199 (ถนนลาดหญ้า-บ่อพลอย) ถึงเขตเทศบาลหนองบัว สังเกตด้านขวามือจะเป็น กองพลทหารราบที่ 9 ถ้าจะไปตลาดน้ำกองถ่าย ก็ขับตรงสุดทาง ถึงทางหลวง 3086 เลี้ยวขวาไปอีกราว 800 เมตร แล้วเลี้ยวซ้ายมุ่งสู่ตลาดน้ำกองถ่ายฯ

 

----------------------