กะเทาะเปลือก ซัมซุง แกแลคซี่ โน้ต 5 | คมชัดลึก

 

                      เมื่อกลางเดือนสิงหาคม ซัมซุงร่ายเวทมนตร์บทใหม่มาใส่ใว้ในสมาร์ทโฟนตระกูลแกแลคซี่ โน้ต เจเนอเรชั่น 5 ที่เรียกกันง่ายๆ ว่า แกแลคซี่ โน้ต 5 หรือ โน้ต 5 กันนั่นเอง และในครั้งนี้ซัมซุงขยับขยายยกระดับประเทศไทย ให้อยู่ในกลุ่มแถวหน้าของประเทศที่วางจำหน่ายโน้ต 5 ทำให้ไทยมีสมาร์ทโฟนระดับเรือธงรุ่นนี้ออกจำหน่ายก่อนสหรัฐอเมริกา สถานที่จัดงานเปิดตัวเสียอีก

 

                      ผู้เขียน ก็ได้รับโน้ต 5 สีเงินมาทดลองใช้งานหลังจากการเปิดตัวเพียงไม่กี่วัน เมื่อสายตาแรกสัมผัส ก็รู้สึกว่าเจ้าโน้ต 5 นี่มีพัฒนาการในด้านหน้าตา ดีขึ้นกว่าโน้ต 4 อย่างเห็นได้ชัด โดยรูปลักษณ์ของเจ้าโน้ต 5 จะออกมาในแนวโลหะ ให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นชิ้นส่วนเครื่องบินที่ไม่ได้ลงสีขับเน้นความแข็งแรงของโครงสร้างบอดี้ได้อย่างชัดเจน

 

                      เพราะซัมซุงอยากจะบอกว่าบอดี้ของเจ้านี่ใช้โลหะอะลูมิเนียมเกรด 7000 ที่มีความแข็งแรงมาก และแกร่งกว่าอะลูมิเนียมเกรด 5000 ที่ใช้ในโน้ต 4 เสียอีก

 

                      แน่นอนสมาร์ทโฟนตระกูลโน้ต ก็ต้องมาพร้อมกับปากกา S Pen ที่รุ่นนี้มีการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น ในส่วนของฟังก์ชัน Screen Write ที่เพิ่มอำนาจในการจับภาพหน้าจอได้ยาวถึง 22 หน้าจอในภาพเดียว ขณะที่รุ่นก่อนหน้าไม่มีฟังก์ชันนี้ แถมยิ่งดีไปกว่านั้นคือเมื่อใช้งานปากกา S Pen ผู้ใช้ไม่ต้องกดปุ่มบนตัวปากกาอีกต่อไป จะเขียน จะสั่งงาน ก็ลงมือได้เลย

 

                      ซัมซุงยังเพิ่มระบบจดโน้ต บนหน้าจอล็อกสีมืดๆ โดยไม่ต้องปลดล็อกเครื่องให้ทำงานก่อน เพียงกดให้ปากกา S Pen กระเด้งออกมาจากช่องเก็บ และดึงออกมา ก็สามารถเขียนข้อความบนหน้าจอได้ราวกับกระดานดำ ทั้งยังเก็บภาพหน้าจอนั้นไว้ได้ใน Gallery เพื่อนำมาใช้งานได้ตามต้องการ

 

                      ภายในตัวเครื่องนั้น มีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของหน่วยประมวลผลกลาง (ซีพียู) โดยหันมาคบกับ Exynos Octa 7420 ความเร็ว 2.10 Ghz ขณะที่โน้ต 4 ใช้ Exynos Octa 1.9GHz แถมหน่วยความจำ (Ram) ยังเพิ่มขึ้นเป็น 4 GB ในส่วนนี้ทำให้ผลการทดสอบการทำงานของโปรแกรม Antutu Benchmark ของโน้ต 5 พุ่งทะลุไปถึง 6xxxx คะแนน นำโด่งสมาร์ทโฟนทุกรุ่นที่มีจำหน่ายในตลาด

 

                      แกนทั้ง 8 ของซีพียูตัวนี้จะไม่ทำงานที่ความเร็ว 2.10 กิกะเฮิรตซ์ทั้งหมด แต่จะแบ่งเป็น 4 แกนสำหรับความเร็วสูงสุด และอีก 4 แกน+1 สำหรับความเร็วที่ต่ำลงมาเมื่อมีการประวลผลที่น้อยและไม่ต้องใช้พลังการประมวลผลมากนัก ทำให้ประหยัดแบตเตอรี่ลงไปได้มาก

 

                      ขณะที่ซอฟต์แวร์ที่ใส่มาในตัวเครื่อง ก็ขับเน้นความสามารถในการใช้งานด้านการสร้าง ตัดต่อ เอกสาร รุปภาพ จดโน้ต บันทึกเสียง เช่นเดียวกับตระกูลโน้ต ที่เคยเป็นมา และยังทำได้ดีขึ้นไปอีกจากประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นของ S-Pen ที่สามารถแคปเจอร์ หน้าจอได้มากถึง 22 หน้าจอ เพียงดึงปากกาออกมา และเลือกเมนู Smart Write ก็จะมีเมนู Capture ปรากฏขึ้นและเมื่อใช้งานเมนูนี้ จะมีเมนูอีกอันหนึ่งขึ้นมาว่า Capture+ ที่ให้เราเลือกจับภาพหน้าจอได้เพิ่มขึ้นตามที่ต้องการสูงสุด 22 หน้าจอ 

 

                      ภาพที่ได้จากการจับหน้าจอ จะเลือกเก็บไว้ที่ Scrap Book หรือ Gallery เป็นรูปภาพก็ได้ ซึ่งการเลือกเก็บไว้ที่ Scrap book จะทำให้เราเลือกภาพนั้นมาปรับแก้ได้ง่ายกว่าการเก็บไว้เป็นภาพนามสกุล .jpg ใน Gallery 

 

                      ในส่วนของระบบปฏิบัติการนั้นใช้  Android 5.1 (Lollipop) รุ่นล่าสุดให้สมกับศักดิ์ศรีเรือธง ที่ให้การใช้งานค่อนข้างเป็นมิตร และเข้าใจง่ายอยู่แล้ว แต่ที่เห็นได้ชัดถึงความแตกต่างคือ การใช้งานแอพพลิเคชั่นแต่ละตัวทำได้เร็ว และมีพลัง ผิดกับสมาร์ทโฟนรุ่นล่างๆ อย่างมาก

 

                      การแสดงผลบนหน้าจอ 5.7 นิ้วแบบ Quad HD Super AMOLED (ความละเอียด 2560x1440) ที่มีความหนาแน่นของจุดแสดงผลต่อพื้นที่ในระดับ 518 พิกเซลต่อนิ้ว ทำให้ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอละเอียด สีสันสดแต่ไม่เด่นเด้งเกินไป เรียกว่าเป็นธรรมชาติมากขึ้นเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงรุ่นพี่ของค่ายนี้ 

 

                      แบตเตอรี่ที่ให้มานั้นมีขนาดใหญ่ถึง 3,000 มิลลิแอมป์เมื่อใช้งานจริง ทั้งเปิดคลิปวิดีโอ เล่นอินเทอร์เน็ต ผ่านเครือข่าย 4G และไวไฟ โทรเข้า-ออก ราว 20 สายต่อวัน และใช้ปากกา S-Pen บ่อยครั้ง เพื่อรีดพลังแบตเตอรี่ให้ได้มากที่สุด ก็พบว่าแบตเตอรี่ก้อนนี้ สามารถให้พลังงานได้นานเกือบ 30 ชั่วโมง 

 

                      ซัมซุงยังเพิ่มระบบ Fast Charging ที่ทำให้ชาร์จแบตเตอรี่จนอยู่ในระดับ 60% ในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง แถมเพิ่มระบบ Fast Charging มาทั้งแบบระบบสาย และไร้สาย (เป็นออปชั่น ต้องซื้อเครื่องชาร์จไร้สายต่างหาก) 

 

                      ระบบกล้อง ก็เป็นสิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล มีระบบกันสั่นทั้งคู่  แถมยังให้ค่า F Stop ที่ต่ำมากเพียง 1.9 ทำให้กล้องสามารถถ่ายภาพในที่มืดได้ดี  และเมื่อถ่ายภาพในที่สว่าง ก็เก็บรายละเอียดได้ชัดเจน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะซอฟต์แวร์ที่ฉลาดในระบบกล้องที่แม้จะไม่มีเมนูปรับแต่งที่ซับซ้อน แต่ซอฟต์แวร์จะตรวจจับได้ว่าเรากำลังถ่ายภาพอะไร และปรับภาพให้มีคุณภาพดีที่สุดการทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็วไม่มีการรอให้เสียเวลา ก็ต้องขอบคุณซีพียูความเร็วสูงที่ใส่อยู่ในโน้ต 5 

 

                      ในโน้ต 5 ก็ยังมีระบบเชื่อมต่อ ทั้งบลูทูธ 4.2 ที่มีแบนด์วิธกว้างในการส่งข้อมูล รองรับ WiFi 802.11 a/b/g/n/ac, MIMO(2x2) และ NFC ส่วนเครือข่ายโทรศัพท์รองรับระดับสูงสุดที่ LTE Cat 9 

 

                      ถ้าเห็นว่า ซัมซุง โน้ต 5 นั้นตอบโจทย์การทำงานและชีวิตประจำวันได้ ก็ไม่น่ายากที่จะตัดสินใจครับ ยิ่งช่วงนี้เห็นว่าผู้จำหน่ายบางเจ้าลดราคาลงมาแล้วนั้น ยิ่งทำให้น่าสนใจขึ้นไม่น้อย